ตั้งแต่ได้ยินข่าวเกี่ยวกับเรื่องแผ่นดินไหวขนาด 6.3 ริกเตอร์ ในเมือง Chirstchurch ประเทศนิวซีแลนด์ ก็อดเป็นห่วงเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันสมัยมัธยมที่ไปเรียนต่ออยู่ที่นั่นไม่ได้ แต่พอเห็นเพื่อนยังโพสต์แจ๋นแจ๋ได้ในโปรไฟล์ ก็โล่งใจไป 1 กระเปาะ แต่จุดที่ผู้เขียนมาเขียนนั้น ไม่ได้อยู่ที่เพื่อนของผู้เขียนเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพียงข้อความโพสต์ที่หลั่งไหลมาเกี่ยวกับความคืบหน้าของเหตุการณ์ต่างๆ ตาม Social Network ยอดฮิตอย่าง Facebook และ Twitter นั่นเอง

ทำไมถึงมีการพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เนื่องด้วยว่าผู้เขียนได้นั่งฟังข่าวต่างๆ เพื่อสรุปพอร์ตและทิศทางการลงทุนของตลาดหุ้นอันอ่อนไหวสุดๆ อย่างตลาดหุ้นไทย หุ้นที่อ่อนไหวต่อเหตุการณ์รอบด้านอย่างเฉียบพลัน ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันดิบในตลาดโลก การเพิ่มอัตราดอกเบี้ยต่างๆ ในประเทศไทย และสิ่งที่เป็นปัจจัยหลักในช่วงนี้คือ เหตุจลาจลในอิยิปต์ที่ตอนนี้ลุกลามมาจนถึงประเทศลิเบียและมีการคาดการณ์ไปจนถึงว่าจะเกิดความไม่สงบไปในเขตอาณาบริเวณเอเชียตะวันออกกลาง หรือที่เราเรียกกันว่า "การปฏิวัติดอกมะลิที่ตะวันออกกลาง" นั่นเอง

ผู้อ่านบางคนอาจจะมีข้อสงสัยว่าทำไมเรียกว่า "ปฏิวัติดอกมะลิ" ผู้เขียนขออธิบายเป็นความรู้สั้นๆ ว่า "ปฏิวัติดอกมะลิ หรือ โดมิโน่ดอกมะลิ หรือตามภาษาอังกฤษเราเรียกกันว่า "The Jasmine Revolution" นั้น มีที่มามาจาก ประเทศที่เกิดการปฏิวัตินี้ขึ้นในครั้งแรก ซึ่งเกิดขึ้นในประเทศตูนิเซียอันมีดอกมะลิเป็นดอกไม้ประจำชาติ การปฎิวัตินี้เกิดขึ้นเนื่องจากการอดทนต่อการกดขี่ การปฏิเสธสิทธิเสรีภาพและการคอรัปชั่นของผู้ปกครองไม่ได้ ในที่สุดประชาชนชาวตูนิเซียก็เกิดการลุกฮือเพื่อขับไล่ผู้ปกครองออกไป นับเป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองครั้งใหญ่ของตูนิเซีย หลังจากได้รับเอกราชในปี ค.ศ. 1956 ส่วนที่เราเรียกว่า "โดมิโน่ดอกมะลิเนื่องจากการลุกลามของประชาชนที่ทนการกดขี่ข่มเหงไม่ไหว ก็เริ่มที่จะลุกขึ้นมาประท้วงกัน โดยลุกลามเริ่มจากตูนิเซีย แล้วเรื่อยไปถึง เยเมน ซูดาน จอร์แดน อิยิปต์ จนในที่สุดก็ถึงคราวของประเทศลิเบียที่ลุกขึ้นมาล้มล้างมูฮัมหมัด กัดดาฟี่ ผู้นำสูงสุดทางการทหารและการปกครองของลิเบีย ผู้ซึ่งครองอำนาจมายาวนานถึง 41 ปี นับเป็นผู้ที่ครองอำนาจสูงสุดและนานสุดในอาหรับเลยทีเดียว

อธิบายสาระกันมายืดยาว จริงๆ เพราะการฟังข่าวเรื่องนี้ทางช่อง Nation Channel และสะดุดกับนักข่าวสาวผู้ดำเนินรายการได้อธิบายถึงข่าวสารที่หลั่งไหลมาจาก Twitter แล้วก็อธิบายผ่านสื่อว่าขอตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนว่าเป็นข่าวจริงหรือเปล่า เพราะว่าไม่อยากให้ข่าวที่ได้เป็นเท็จ คำนี้เองที่ทำให้ผู้เขียนฉุกคิดขึ้นได้ถึงเหตุการณ์สมัยเดือนมีนาคม - เมษายน ปี พ.ศ. 2543

ถ้าย้อนกลับไปช่วงนั้นจะจำได้ว่ามีกีฬาสีเกิดขึ้นในประเทศไทยบ้านเรา เกิดความวุ่นวายค่อนข้างมากในตัวเมืองหลวงของเรา แล้วก็ทวีความรุนแรงเป็นการวางเพลิงหรือสิ่งต่างๆ อันเป็นสิ่งที่ก่อให้เห็นถึงความเลวร้ายต่างๆ ภาพที่เราไม่อยากจะเห็น แต่ในความเลวร้ายก็ทำให้พวกเราเห็นถึงความทันสมัยของเครื่องมือสื่อสาร เทคโนโลยีต่างๆ ที่เราถือมันอยู่ในมือ ความสามารถที่มันมีมากกว่าโทรเข้า-โทรออก หรือว่านั่งเล่นเกมส์ไปเฉยๆ ความลงตัวระหว่าง Social Network และ อุปกรณ์สื่อสารที่อยู่ในมือของพวกเรา สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดการอัพเดทข่าวสารที่ทันท่วงทีในกลุ่ม Social Network ที่มีโครงข่ายค่อนข้างมหาศาลและกำลังเป็นที่นิยมในประเทศไทยบ้านเรา ผู้เขียนจำได้ว่ามีข้อความของกาละแมร์โพสต์ผ่านทาง Twitter เรื่องขอความช่วยเหลือเนื่องจากไฟไหม้อาคารช่อง 3 และไม่สามารถออกทางด้านล่างได้ Twitter นี้ได้ถูกส่งออกไป กระจายข่าวได้อย่างรวดเร็วและมีการช่วยเหลือที่ค่อนข้างรวดเร็วมาก นั่นคือสิ่งที่ผู้เขียนเห็นประโยชน์ที่ใช้ได้จริง และดูว่าสิ่งของที่อยู่ในมือมันมีส่วนในการช่วยเหลือสังคมได้

แต่ก็อีกนั่นหละ ด้านสว่างมันมี ด้านมืดก็ใช่ว่ามันจะไม่มีเสียทีเดียว ทำไมผู้เขียนถึงเขียนแบบนี้เหรอ เพราะผู้เขียนก็เจอสิ่งนี้มากับตัวเช่นกัน คงจะพอจำกันได้ในช่วงเวลาเดียวกัน ได้มีการประกาศเคอร์ฟิวขึ้นในแต่ละจังหวัด ซึ่งมีผลทำให้มีการควบคุมการออกนอกเคหะสถานหลัง 4 ทุ่ม ซึ่งตัวผู้เขียนก็นอนเล่นอยู่ห้อง เล่นอินเตอร์เน็ตไปตามประสา ผ่านล่วงเลยเวลาไป ทวิตเตอร์ต่างๆ ก็โพสต์กันกระจายเกี่ยวกับเรื่องไฟไหม้ในสถานที่ต่างๆ ของพัทยา เนื่องจากการวางเพลิง มีการโพสต์ถามกันมากมาย ประเด็นในช่วงนั้นคือ "โลตัสพัทยาเหนือกำลังถูกไฟไหม้" "บิ๊กซีพัทยาเหนือเริ่มไฟไหม้แล้ว" ผู้เขียนก็นั่งขำไม่หาย เพราะเวลานั้นผู้เขียนอยู่ตรงข้ามกับศาลาว่าการเมือง, ด้านขวาของที่พักเป็นโลตัสพัทยาเหนือ และถัดไปไม่ถึง 100 เมตรก็จะเป็นบิ๊กซีพัทยาเหนือ ด้วยความอดทนต่อโพสท์ที่พรั่งพรูเข้ามาไม่ได้ จึงมีการโพสต์กลับไปที่ทวิตเตอร์นั้นว่า "ไม่มีเหตุเพลิงใดๆ ทั้งสิ้น ผมอยู่ในอาณาบริเวณดังกล่าว ไม่มีเพลิงเลยแม้แต่น้อย ถ้ามีผมจะแจ้งให้ทราบทันที" ทุกโพสต์ที่กำลังพรั่งพรูมาหยุดชะงักลง และรอฟังความคืบหน้าจากตัวผู้เขียนเพียงคนเดียว

วิวัฒนาการที่พัฒนาไปเกี่ยวกับ Social Network ค่อนข้างรวดเร็วมาก เหลือแต่เพียงมนุษย์ที่ต้องรู้จักตามให้ทันสิ่งที่เรามีให้ เพียงใช้ความคิดตระหนักถึงข้อความที่โพสต์ลง เพื่อแจ้งให้ทราบถึงเหตุการณ์ต่างๆ อันเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจเดินทางไปในเขตนั้น หรือว่าเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับเรา รวมถึงข่าวสารต่างๆ ที่เราได้รู้เท่าทันเหตุการณ์เพื่อการดำรงชีวิต แต่ในส่วนหนึ่งก็มีผู้ไม่หวังดีคอยแอบแฝงอยู่ในพัฒนาการอิเล็คทรอนิกส์เหล่านี้ด้วยเช่นกัน ความคิด สติ และการกลั่นกรองในข่าว ข้อมูลทั้งหลาย จะทำให้เราไม่ตกเป็นเหยื่อของข่าวลือต่างๆ จากผู้ไม่ประสงค์ดีได้

PooNSaNoVa VaN DeR WooDSeN - 24/02/2011