ตื๊ด..ตื๊ด..ตื๊ด..ตื๊ด..ตื๊ด..ตื๊ด..ตื๊ด..
ตื๊ด..ตื๊ด..ตื๊ด..ตื๊ด..ตื๊ด..ตื๊ด..ตื๊ด..
เมื่อเสียงเครื่องจักรผ่านไป 8 ชั่วโมง
รอยสักที่ 2 บนร่างกายก็เสร็จสมบูรณ์

แต่กว่ารอยสักจะเสร็จสมบูรณ์...
เราต้องอดทนกับความเจ็บปวดทรมานแสบเสียวจั๊กจี้ต่างๆ
ราวกับว่าเราใช้ชีวิตอยู่ในนรกนานแสนนาน
แต่หลังจากที่เสียงของเครื่องสักหยุดลง...
เราก็ลอยขึ้นสู่สวรรค์ในทันตา

ระหว่างการสัก...แทนที่จะทุกข์ทนไปกับความเจ็บปวด
เราเลือกที่จะเฝ้ามอง และรับรู้ถึงความรู้สึกนั้น
โดยที่ไม่ปล่อยให้ความเจ็บปวดเข้ามาครอบงำตัวเรา
พูดโคตรง่าย...แต่ทำยากมาก!!!
เมื่อตอนที่สักไปได้ประมาณ 5 ชั่วโมง
ความเจ็บปวดเริ่มถาโถมเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เราเลยลองหลับตากำหนดลมหายใจ ให้สติจดจ่ออยู่ตรงหน้า
ก็ลืมความเจ็บปวดไปได้เพียงเล็กน้อย
แต่สุดท้าย...ความเจ็บปวดก็กระชากสติไปที่แขนขวาเหมือนเดิม

เมื่อเราควบคุมสติไม่อยู่...ก็ลองควบคุมใจของเราเอง
ตอนนั้นในใจคิดประมาณว่า
"ความเจ็บเหรอ? ไปไกลๆ เลยไป
แค่เนี้ย...เอากูไม่ลงหรอก เจ็บได้อีกว่ะ มาเลย!"
ได้ผลว่ะ! ความเจ็บปวดมันไม่ได้ลดลง
แต่มันเหมือนกับว่าตัวเราแข็งแกร่งกว่ามันมากมาย
ที่เหลือ...ก็รอแค่การสักให้เสร็จสิ้นเท่านั้นเอง

ขั้นตอนของการสักเริ่มต้นจากการสร้างโครงร่างขึ้นมาก่อน
เส้นสายลายสักจะสวยงามมิได้เกิดขึ้นจากการสักผ่านเพียงแค่ครั้งเดียว
เส้น 1 เส้น...เข็มสักน่าจะสักซ้ำลงที่จุดเดิมประมาณ 4-5 ครั้ง
ครั้งที่ 1...กรีดเส้นให้ลวดลายขึ้น เจาะผิวเพียงเล็กน้อย
ครั้งที่ 2...กรีดเส้นให้ลึกกว่าเดิม เจาะย้ำไปที่เดิม
ครั้งที่ 3...กรีดไปกรีดมา ณ จุดเดิม เพื่อฝังสีลงไปในผิว
ครั้งที่ 4-5...กรีดซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเส้นสายมีสีที่ชัดเจน
กว่าจะได้ 1 เส้น จำนวนเข็มที่ทิ่มลงบนผิวไม่น่าต่ำกว่า 100-200 ครั้ง
(หรือเป็นพัน เป็นหมื่นก็ไม่รู้ได้ เพราะสปีดของเข็มจิ้มอาจจิ้มผิวถี่มากๆ
จนเราไม่สามารถรู้ได้)

และเมื่อโครงร่างเสร็จก็ต้องทำการ "ถมสี"
นั่นก็คือ การขยี้เข็มลงไปบนผิว เพื่อเติมเต็มในส่วนที่มีรายละเอียด
เมื่อ 2 ปีก่อนตอนสักครั้งแรก...
เราคิดว่า ตอนนั้นการถมสีน่าจะเจ็บสุด เพราะเส้นสายกราฟิก มันใหญ่และเข้าโค้งเยอะ
แต่ที่ไหนได้...ครั้งนี้เจ็บกว่า เพราะลวดลายที่เราเลือก เสือกมีรายละเอียดเยอะ
และลวดลายที่ยากกว่าเดิม แม้การตีโค้งจะไม่กว้างเท่าครั้งก่อน
แต่ครั้งนี้...การสักช่วงโค้งเหมือนการแข่งมอเตอร์ไซด์เลย
ประมาณว่าเข้าโค้งเข่าติดชิดพื้นเลย อีกนิดนึง...กูก็คว่ำล่ะ!
กว่าทุกอย่างจะเสร็จสมบูรณ์ เล่นเอาอ่อนเพลียเหมือนกัน


สิ่งสำคัญที่สุดของการสักครั้งนี้...ไม่ใช่ภาพรอยสักที่เสร็จสมบูรณ์
แต่เป็นข้อเตือนใจของการใช้ชีวิตสู่หนทางแห่งความสำเร็จ
ราวกับว่า...ภาพรอยสักที่สวยงามนั้น
ก็เหมือนกับภาพชีวิตที่ต้องการประสบความสำเร็จ

เริ่มแรก...เราต้องหา "ภาพรอยสัก" (หรือ จุดมุ่งหมายของชีวิต) ที่เราอยากได้
จากนั้น...เราก็เริ่มทำ "โครงร่างของรอยสัก" (หรือ การฝึกฝนทักษะในสิ่งที่มุ่งหวัง)
เราต้องคิดค้นหนทาง หรือรูปแบบสิ่งที่จะทำให้ชัดเจนเสียก่อน
เมื่อได้โครงร่างแล้ว เราก็ "ถมสี" (หรือ ทำให้เสร็จสมบูรณ์)
ขั้นตอนนี้ทรมานสุดๆ เพราะเราต้องตั้งใจ อดทน ทรมานอย่างต่อเนื่อง
กว่าทุกอย่างจะเสร็จสมบูรณ์ อาจใช้เวลา 1 ปี หรือ 3 ปี หรือมากกว่านั้น
หากระหว่างทาง...เราเหนื่อยล้า ยอมแพ้ ละทิ้งทุกอย่าง
ภาพชีวิตที่เราต้องการคงค้างคาอยู่อย่างนั้น และไม่มีทางเสร็จสมบูรณ์ได้

จะว่าไป...กว่าชีวิตจะประสบความสำเร็จ
เราอาจต้องโดนกรีด โดนเฉือน เข้าโค้งหักศอก
ถูกถม ลับเหลี่ยมลับขอบให้คมเสียก่อน
ที่สำคัญ...ความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ ขึ้นอยู่กับใจของเรา
ว่าจะปล่อยให้ความเหนื่อย ความขี้เกียจ ความเจ็บปวดเข้ามาครอบงำหรือเปล่า?

"ความเจ็บเหรอ? ไปไกลๆ เลยไป แค่เนี้ย...เอากูไม่ลงหรอก เจ็บได้อีกว่ะ มาเลย!"
ประโยคง่ายๆ นี้หรือเปล่า? ที่จะพาเราก้าวสู่ความสำเร็จ
ทำให้เราเข้มแข็งพร้อมที่จะต่อสู้ และมีชีวิตอยู่บนโลกได้อย่างภาคภูมิ
แม้ว่าช่วงเวลานั้นจะไม่ยาวนานมากนักก็ตาม

Views: 205

Comment

You need to be a member of PORTFOLIOS*NET to add comments!

Join PORTFOLIOS*NET

Comment by Muikondee on February 2, 2010 at 6:37pm
ตอนนี้ก็กำลังเริ่มสร้างจุดเล็กๆ มากมายเหมือนกัน
ซึ่งมองยังไงก็ยังไม่เป็นภาพ คงต้องใช้เวลาอีกเยอะ (ตัวขี้เกียจชอบแวะมาอยู่เรื่อย)

เข้ามาอ่านรู้สึกมีกำลังใจขึ้น ^^

© 2009-2024   PORTFOLIOS*NET by CreativeMOVE.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service