จากชีวิตวัยเด็กในอู่รถของพ่อ มีเพื่อนเล่นเป็นเศษเล็กชิ้นส่วนเหล็กรอบตัว สู่ประติมากรรมเหล็กระดับโลกในเวทีสากล Agora Gallery กลางมหานครนิวยอร์กกับประติมากรรมโครงจากเหล็ก ‘เหล็กคง’ อันเป็นชื่อเดียวกับนามสกุลของ ‘บรรเจิด เหล็กคง’ ผู้สร้างงานที่ไม่เคยหยุดนิ่งมาตลอด 13 ปี

ชีวิตวัยเด็กของบรรเจิด มีสนามเด็กเล่นเป็นอู่ซ่อมรถของพ่อ ซึ่งแน่นอน ของเล่นที่หาได้ใกล้ตัวเขาที่สุดในช่วงแปดขวบคืออะไหล่รถยนต์ เครื่องไม้เครื่องมือซ่อมรถ และเศษเหล็ก บรรเจิดเริ่มจากเอาดินน้ำมันมาปั้นเป็นลูกฟุตบอลขนาดเล็ก แล้วใช้ลวดมาอ็อก เพื่อทำเป็นโกโกลฟุตบอลขนาดจิ๋ว และด้วยเพียงจุดเริ่มต้นเล็กๆ นี้นี่เอง ก็นำพาเขาไปสู่การสร้างผลงานโมเดลชิ้นใหญ่ที่จริงจังขึ้นไปเรื่อยๆ เรียกว่า ‘เขาเกิดมาเพื่อที่จะเป็น’ ว่างั้นเถอะ

แต่เส้นทางของศิลปินไทยในเรื่องของช่องทางและโอกาส ต้องอาศัยความอดทนและการรอคอย อย่างน้อยๆ ต้องมีผู้สนับสนุน เริ่มจากวัตถุดิบนั่นคือเหล็ก ซึ่งย้อนกลับไปสิบปีที่แล้วให้หลัง วิธีการการหาเหล็กของบรรเจิด คือตามล่าหาผู้สนับสนุนมันทุกที่ แต่ไร้วี่แวว กระทั่งจนไปเจอบริษัทต่างชาติใจดีที่ออกปากให้เหล็กกับเขาแบบฟรีๆ ภายหลังจากที่ได้เห็นตัวอย่างงานและ portfolio ของเขา

“ถ้าผมเป็นนักวิ่งที่วิ่งได้ระดับอำเภอ ผมต้องไปวิ่งแข่งต่อระดับจังหวัด ถ้าผมวิ่งเก่งได้ระดับจังหวัด ผมต้องไปแข่งต่อระดับประเทศ ถ้าผมแข่งได้ระดับประเทศ ผมต้องไปต่อระดับโลก” เป็นแนวคิดของบรรเจิด นั่นทำให้ เขาไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนาผลงานอย่างต่อเนื่องและยังคงหาช่องทางเพื่อไปโตในระดับโลกด้วยตัวเองให้ได้ บรรเจิดใช้วิธีส่ง portfolio ไปตามแกลอรี่ต่างๆ ทั่วโลก โดยมีคำพูดติดปากในการเสนองานว่า “งานผมเป็นชิ้นเดียวเดียวในโลก ไม่มีทำซ้ำ งานผมมีเอกลักษณ์ ไม่ได้ก็อปปี้ใคร งานผม ยูเนสโก ให้คำชมเชยว่าสวยงาม ไม่มีผู้เปรียบ งานผมเป็นเหล็กมีชิวิต มีลิขสิทธิ์จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา ประเทศไทย”

ซึ่งจากการยืนยันเหล่านี้เอง ผลงานของบรรเจิดจึงได้รับการตอบรับจาก Agora Gallery ซึ่งติดอันดับ 1ใน 5 ของแกลอรี่ที่ดีที่สุดในนิวยอร์กโลก ให้ไปจัดแสดงงาน โดยระหว่างนั้น บรรเจิดมีเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนกับการหาทุนค่าใช้จ่ายในช่วงระหว่างการเดินทางจากผู้สนับสนุน เขาพาตัวเองวิ่งเข้าออกองค์กรใหญ่กว่าสามสิบที่ มีสภาพไม่ต่างอะไรกับเซลล์ขายเครื่องกรองน้ำที่ต้องวิ่งรอกแบกผลงานตัวเองเข้าไปยังองค์กรต่างๆ กว่า 30 ที่ กระทั่งในที่สุด เขาก็เจอคนที่ใช่ คนที่เข้าใจในผลงานของศิลปินไทย ชาวอำเภอสัญชาติพิมาย ซึ่งสร้างสรรค์ผลงานขึ้นโดยมีวรรณคดีไทยเป็นแรงบันดาลใจ

ผลงานประติมากรรมเหล็กจำนวน 15 ชิ้นของบรรเจิด จะถูกนำไปจัดแสดงยัง Agora Gallery ระหว่างวันที่ 20 พ.ค. – 9 มิ.ย. นี้ ภายใต้ชื่อ “BANJERD LEKKONG A SOLO EXHIBITION – Metamorposis” โดยมี สิงห์ ปาร์ค เชียงราย เป็นผู้สนับสนุนการเดินทางเพื่อไปจัดแสดงผลงานดังกล่าว ตามความเชื่อที่บรรเจิดบอกกับตัวเองเสมอว่า “ ผมแค่ต้องหาหนึ่งคนในโลกนี่ที่ต้องการงานผม ซึ่งพอเจอแล้ว ผมก็แค่ต้องหาอีกคนหนึ่งในโลกเช่นกันที่จะพาผมไป หายาก แต่ผมเชื่อว่า จะหาเจอ”