แจ้งข่าวนิดนึงนะคะ ตอนนี้เอสเหมียวบลอคประวัติศาสตร์ศิลปะและทัวร์อารต์ทั่วเยอรมนี ได้แบ่งเอนทรี่ไปโพสต์ที่ portfolios.net บ้างแล้ว เพราะไหนๆสมัครมานานเว็บเขาดีก็ใช้บริการบลอคเขาหน่อย ส่วนคนในเว็บฟอริโอที่สนใจติดตามบลอคของเอสเหมียว ก็สามารถติดตามได้ที่ esmieoww.blogspot.com/ . อนึ่งบลอคนี้เป็นบลอคปิดไม่เอาใจมหาชนเรียกเรตติ้ง ถึงไม่มีคนเม้น คนเขียนก็รัวถี่ไม่มีตกอยู่แล้ว อะไรที่เก็บมาได้จากพิพิธภัณฑ์ศิลปะรอบตัว ก็จะพยายามเอามาเขียนลงให้มากถึงมากที่สุด เพื่อความสะใจส่วนตัวล้วนๆเพื่อคุณนะคะ (ฮาๆ)
เอาล่ะเข้าเรื่องทัวร์กันดีกว่า ทริปนี้ค่อนข้างกระทันหันนิดหน่อย (คือไม่ได้เตรียมความรู้อ่านมาก่อนอะไรเลยอ่ะ) เพราะเอสกับคุณอันเดรียสแผลนจะไปเที่ยวโคโลญจ์มาได้สักพักแล้ว แต่ไม่ได้ไปสักทีเพราะอากาศไม่อำนวย มันไม่อำนวยจริงๆค่ะเพราะวันดีคืนดีก็หิมะลง แดดออก พายุเข้า ลมแรง หมุนเวียนสลับไปมาตามประสาเมืองหนาว แต่ตอนนี้อากาศเริ่มดีขึ้นมาบ้าง เราทั้งคู่ก็เลยตัดสินใจออกเดินทางตอนเช้าตรู่โดยรถไฟด่วน ICE จากแฟร้งเฟิรต์ไปถึงโคโลญจ์ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมง สนธิราคาสำหรับคนไทยในต่างแดนอาจจะแพง แต่ถ้าซื้อตั๋วรายปีก็จะคุ้มนิดนึง โดยรวมสภาพข้างในหรูหรามากกแต่ไม่ต้องอิจฉาคนประเทศนี้หรอกค่ะ เพราะขาดรถไฟแล้วคนเยอรมันก็คงจะขาดใจ นอนดิ้นชักตายกันข้างถนนไม่มีตังขึ้นแทกซี่ .. เพราะมิตเตอร์โครตแพง

สถานีรถไฟเมืองแฟร้งเฟิรต์ เก่าแล้วค่ะไม่ใหม่เหมือนเบอลิน แต่ก็ปรับปรุงขัดกระจกทำสภาพใหม่หมด คลาสสิค


ที่นั่งข้างใน หรูเลยละ มีทั้งห้องชุด(สำหรับครอบครัว) วีไอพี
ห้องอาหาร เบาะคู่ เบาะชุดสี่ตัวติดกระจกใหญ่


ชะนีสี่ห้าตัวหน้าๆเป็นญี่ปุ่นค่ะ เมาท์น้ำลายแตกฟองกันตลอดทาง
ฟังมันคุยกันไป เหมือนกำลังนั่งรถไฟเข้าสู่โตเกียว...

ข้างๆผู้ชายผิวขาวเป็นรัซเซียค่ะ คุยโทรศัพท์ใส่รัซเซียไปตลอดทาง
นานาช่าจริงๆรถไฟสายนี้


ริมกระจก วิวไม่ค่อยเยอะหรอกนะ เพราะตามหลักภูมิศาสตร์
โคโลญจ์กับแฟร้งเฟิรต์มีภูเขากั้นค่ะ ลงอุโมงออกอุโมงกันจนมึน


ถึงแล้ว โคโลญจ์ๆๆๆ



ทางเข้าสถานีรถไฟเมืองโคโลญจ์ คนเยอรมันเรียก เคิรน์ (Köln)
เราเรียกโคโลญจ์กันละกัน ง่ายดีอ่านสะดวก


เนื่องจากสถานีรถไฟติดกับวิหารใกล้ๆกันเลยค่ะ
ตอนเข้าไปนั่งคิดว่าสถาปิกออกแบบไอเดียโอเคเลย เพราะดูเข้ากัน
คือไม่ดูใหม่โมเดิรน์จนขัดหูขัดตา ดูคลาสสิค สวย

โคโลญจ์เนี่ยเป็นเมืองใหญ่ค่ะ มีของดีในประวัติศาสตร์ปรัซเซียมากมาย
ทุกวันนี้ก็เป็นเมืองธุรกิจรุ่นน้องๆของแฟร้งเฟิรต์ ค่าของชีพสูงเลยล่ะ
แฟร้งเฟิรต์เนี่ยสถาปัตยกรรมถูกทำลายเยอะมาก ช่วงสงครามโลกค่ะ
พอมีการบูรณะใหม่ทางเมืองก็ไม่สนใจของเก่าๆแล้ว แต่โคโลญจ์ยังมีครบค่ะ


ออกสถานีเข้าตัวเมืองปุ๊ปจะเจอวิหาร Kölner Dom ทันที
แดดเปรี้ยงมาไม่ท้อเลย มันสวยมาก อึ้งไปพักแล้วถ่ายแบบไม่ยั้งมือ


วิหารขนาดใหญ่ ใหญ่ไม่ทอปแต่ก็ติดอันดับต้นๆของโลกค่ะ
อันนี้ถ่ายมาทีละมุม มุมซ้ายกับมุมขวา

ทุกวันนี้ทางเมืองโคโลญจ์ก็บูรณะมหาวิหารนี้มาตลอดค่ะ
สนธิราคาแพงมาก ฟังๆเขามาก็เป็นหลักสิบล้านยูโรได้
ประวัติตัววิหาร Kölner Dom เองกว่าจะสมบูรณ์ก็ร่วมร้อยปีอยู่แล้ว
แถมยังมาเจอช่วงสงครามโลกอีก สร้างความเสียหายไปทั่วตัววิหาร








ตัววิหารเข้าไปใกล้ๆ เราจะเห็นปฏิมากรรมตามประสาโบสถ์โรมันคาธอลิคค่ะ
คงไม่ต้องถาม ข้างในข้างนอก มีตั้งแต่ศัตรวรรษที่ 14 - เป็นต้นมาเรื่อยๆ
กระจกสีบางอันมาจากยุค 50' ยังมีเลยค่ะ ผสมผสานกันไป
สำหรับวิหารนี้ เพราะระยะเวลาสร้างนานมาก โดนทำลายก็มีการบูณะใหม่
แต่ไม่ยึดติดแบบอนุรักษ์นิยม เป็นไปตามศิลปะของยุคสมัยนั้นๆ

อยากศึกษาทำเป็นการบ้านค่ะ แต่วันนี้ไปไม่มีอะไรในหัวเลย เหอๆ
เอาไว้ศึกษาแล้วเดี๋ยวค่อยมาเล่าค่ะ สนุกดีเป็นแน่แท้







ส่วนนี้น่าสนใจดีค่ะ เลยถ่ายมา ตัววิหาร Kölner Dom นั้น
ผสมผสานกันไปทั้งไบเบิลพันธะสัญญาเก่าและใหม่ เพราะฉะนั้น
เราจะเห็น St. ต่างๆรายรอบตัวของพระแม่มารีอาและพระบุตร
ส่วนนี้ใหม่ค่ะ มีบูรณะบางส่วน แต่เมนหลักของพระวิหารคือเซนต์ปีเตอร์นะ

อย่างที่ว่าค่ะสร้างกันนานมาก ชาวเมืองโคโลญจ์ถึงขนาดกล่าวกันว่า
วันไหนสร้างเสร็จ โลกแตก.. กันเลยทีเดียว
แต่ตอนนี้ก็เสร็จไปบ้างแล้ว ถามว่ายังบูรณะอยู่ไหม ยังมีอยู่เรื่อยๆค่ะ
คาดว่าจะสมบูรณ์ในระยะเวลาอีกสิบปี ทั้งงบประมาณและสภาพ
...
เขาว่ามีจอหน์ เอฟ เคเนดี้อยู่ในวิหารด้วยค่ะ
จริงไม่จริงไม่รู้ เหอๆ อ่านตามวิจารณาญนะคะ













เข้ามาข้างในแล้ว คนน้อยอยู่ เพราะบาทหลวงกำลังจะทำพิธีค่ะ
ตอนนี้ก็ได้ชมสถาปัตยกรรมกอธิคภายใน ไปเต็มๆ
ตอนอยู่มหาลัยฯ เราได้ทำรายงานเรื่องสถาปัตยกรรมนี้ด้วยล่ะ
แต่ของจริง ต้องมาดูเองค่ะ ถ้ารักประวัติศาสตร์ศิลป์ มาเถอะ เพราะยิ่งกว่าคุ้ม
อยากบอกเหมือนไกด์ ของจริงไม่มีวันเหมือนในรูปถ่ายค่ะ







ส่วนนี้เข้าไปเหมือนเป็นวัดน้อยค่ะ มีงานทูตสวรรค์แจ้งข่าวตั้งครรภ์แก่พระมารดาอยู่
Annunciation นี้ถือเป็นพระแม่บนงานศิลปะ (Marian art in the Catholic Church)
ที่คลาสสิคค่ะ ศิลปินยุคเก่าทำกัน ตั้งแต่ยุคกลางเป็นต้นมา
ศิลปินชื่อก้องโลกอย่างราฟาเอล บอตติเชลลี ดาวินชี อีกมากมาย ทำกันหมดค่ะ
เรียกว่าทำกันเป็นธรรมเนียมศิลป์ของศิลปินกันเลยทีเดียว









จุดเทียนด้วย อธิฐานเผื่อประเทศชาติของเราที่ตอนนี้ดราม่าเต็มที



ออกมาข้างนอก ฟ้าใสมากสีฟ้าสด ถ่ายเก้บไว้เลยทันที





ออกมากินไส้กรอกหนมปัง พร้อมมาสตารด์ (มาสตารด์อร่อย)
จริงๆถ้าคนไทยมาแนะนำร้านนี้เลย ไส้กรอกอร่อยถูกปากคนไทย รสไม่จัดเกิน
รีบกินๆตุนๆเข้าไว้เพราะเดี๋ยวจะซาบซึ้งกับอารต์มากจนขาดใจตาย เดี๋ยวเราไป
ทัวร์พิพิธภัณฑ์โมเดิรน์อารต์ประจำเมืองโคโลญจ์ Museum Ludwig กันต่อ
...
จริงๆไปแชมเบอร์ดูกรุสมบัติมาแล้วแหละค่ะ แต่ทางศูนย์ฯเขาห้ามถ่ายรูปเด็ดขาด
เห็นสภาพก็เชื่ออยู่ค่ะเพราะเก่ามาเป็นร้อยๆปี ลงไปอุโมงลึกถึงสามชั้น

ก็รีบเดินจ้ำอ้าวไปค่ะเพราะตอนนี้บ่ายสามแล้ว





จริงๆ พิพิธภัณฑ์ในโคโลญจ์มีเยอะจริงๆค่ะ ห้าหกที่ได้
แถมยังมีพิพิธภัณฑ์โซนเอเชียด้วย แต่ว่าคงแบกสังขารไปไม่ไหว อากาศหนาวมาก
เลยหยุดนั่งพักที่นี่สักพักค่ะ พิพิธภัณฑ์นี้เปิดกว่าแฟร้งเฟิรต์มาก คนเยอะ
ไม่เหมือนเอ็มเอ็มเค ที่ค่อนข้างจะสงวนท่าที รักษาความเงียบสงบพอควร







วันนี้เหมือนโรงเรียนจะมาเด็กมาเที่ยวค่ะ คือพิพิธภัณฑ์จะมีของเล่นให้เด็กตลอด
อย่างพิพิธภัณฑ์เมืองแฟร้งเฟิรต์ สถาปัตยกรรมก็จะมีเลโก้ให้ต่อฟรี เล่นได้ทั้งวัน
พิพิธภัณฑ์ศิลปะจะมีกระดาษวาดรูป โชว์ศิลปะเด็กว่ากันไป เด็กก็มากันใหญ่
พอวัยรุ่นก็ไม่มาแล้วค่ะ เห็นข้างในมีแต่รุ่นป้าๆลุงๆพาจูงมือกันมา

.. โดนห้ามถ่ายรูปอีกค่ะ ค่อนข้างเคร่งครัด
จริงๆไม่ค่อยปลื้ม Museum Ludwig เท่าไหร่เลยเพราะงานดีๆเยอะ
แต่เหมือนไม่ค่อยเอาใจใส่ บางงานแผ่นป้ายก็ไม่ค่อยดูแล ส่วนใหญ่ในพิพิธฯ
เป็นเอ็กเพรสชั่นนิมส์กันส่วนใหญ่ค่ะ ตามประสาศิลปินเยอรมัน
มีปิกัสโซ่เยอะอยู่บ้าง ตามด้วยพ๊อพอารต์ตามเทรนด์ ประทับใจบางส่วนค่ะ
ถ้ามาแนะนำเบอลินจะสดกว่า แต่ไม่ต้องห่วง งานเขาวนๆกันไปค่ะ
ไม่ดองงานอารต์ไว้ที่ไหนที่เดียว เดี่ยวแฟร้งเฟริต์ก็มีคริกซ์เนอร์มาแล้วค่ะ
ขนมาจากทั่วเยอรมนี คุ้มตรงนี้แหละค่ะ งานอารต์เขาลงทุนให้กับประชาชนจริงๆ





จริงๆไม่ใช่สาวกสตาบัคส์อะไรเลยค่ะ แต่มุมนี้ดีมาก คือนั่งแล้วเห็นวิหารเลย
ทีนี้ก็เลยซื้อโกโกร้อนมาซดแล้วนั่งอืดยาวเลย ระหว่างรอรถไฟขากลับ




แล้วก็หลับบนรถไฟเลยค่ะ ... แฮ่ๆ