วันนี้เริ่มด้วยเรื่องเครียดๆ
ตื่นมาตอนเช้าด้วยอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล เป็นไข้ ปวดศีรษะเนื่องจากหวัด (เนื่องจากเปิดแอร์เย็นไป)
แต่ต้องมาปวดหัวเพิ่มเพราะน้องชายอิชั้นต้องเข้ารับการผ่าตัดเข่า เฮ้อออ เหนื่อยยยย(แทนมาม๊า)
มาม๊าบอกว่าน้องชายอิชั้นอยู่ในช่วงเบญจเพส (ซึ่งอิชั้นก็ผ่านวัยนั้นมาแล้ว) ดวงเลยตก
ทำให้อิชั้นย้อนกลับไปคิด ตอนที่อิชั้ยอยู่ในวัยเบญจเพส มันเกิดเหตุการณ์อะไรกับอิชั้นบ้าง
เมื่อย้อนความคิดไป คิด คิด คิด ไม่มีแฮะ จะมีก็แต่ ก่อนจะถึงวันเกิดอายุครบ 25 อิชั้นต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะดันเป็นไข้เลือดออก ช่วงนั้นระบาดหนัก (คิดว่าน่าจะติดจากข้างบ้าน เพราะตอนไปนอนโรงพยาบาล นอนห้องติดกับเพื่อนบ้านอีก3คน ซึ่งเข้ามาก่อนหน้าอิชั้น1-2คืนแล้ว) นอนห้องติดกัน 4 ห้อง เป็นเพื่อนบ้านกันหมด แถมเป็นไข้เลือดออกทั้ง4คน เหอๆ
เข้าเรื่องเลยดีกว่า คุณเชื่อเรื่องเบญจเพสมั้ยคะ
ช่วงอายุ 25 เป็นช่วงสำคัญที่สุดของชีวิตจริงหรือไม่ และอาถรรพ์เบญจเพสคือเรื่องจริง หรือแค่ความบังเอิญกันแน่ แท้จริงแล้วคำว่าเบญจเพสนั้นสะกดให้ถูกต้องด้วย "ส" ในคำว่า "เพส" แผลงมาจากคำในภาษาบาลีสองคำคือ ปัญจะ คือ ห้า และ วีส คือ ยี่สิบ
ตามคติของพราหณม์นั้นจะแบ่งช่วงวัยของมนุษย์ออกเป็นส่วนๆ คือ ๑-๘ นับ เป็นกุมาร ๙ – ๑๖ นับเป็นทารกวัย (วัยรุ่น) ๑๗ – ๒๕ นับ เป็นมาณพ(วัยหนุ่ม) ชายใดใช้ชีวิตมาถึงปีที่ ๒๕ ตามภาษาของคัมภีร์พฤติศาสตร์เรียก ‘ต้องเบญจเพส’ หมายถึงการเข้าถึงฝ่ายโชคและเคราะห์อันแรงกล้า ส่วนจะเป็น โชคหรือเคราะห์ ก็ต้องดูว่าลงล็อกใดใน ‘เพส ๕’ อันได้แก่ เทวะ มนุษย์ เดรัจฉาน เปรต หรือ อสุรกาย หากดวงตกเทวะ ก็จะได้ลาภยศ หากตกมนุษย์ ก็ปานกลาง หากตกเดรัจฉาน คือป่วย หนัก หากตกเปรตก็ถึงตาย หากตกอสุรกายก็อาจพิกลพิการเป็นต้น ซึ่งในตำราหนึ่งได้กล่าวแยกภัยพิบัติอันเกี่ยวกับเบญจเพสนี้ไว้ว่า
คนเกิดวันอาทิตย์ :
ช่วงหกเดือนแรกต้องระวังปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพทางสายตา โรคหัวใจ รวมถึงจะมีผู้ใส่ร้ายป้ายสีให้เกิดคดีความสายตามีปัญหา จะเป็นโรคลมโรคหัวใจ พอถึงหกเดือนหลังปัญหาจะเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น
คนเกิดวันจันทร์ :
ช่วงหกเดือนแรกจะเป็นที่ถูกตาต้องใจของเพศตรงข้าม มีเกณฑ์ได้พบเนื้อคู่ จะทำสิ่งใดจะได้รับการอุปถัมป์อุ้มชูจากผู้ใหญ่ มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานมีเกณฑ์ได้รับเงินก้อนโต ช่วงหกเดือนหลังจะมีเรื่องวุ่นวายจากเพศตรงข้าม อาจเกิดรักซ้อนขึ้นมาได้
คนเกิดวันอังคาร :
เกิดการทะเลาะวิวาทอย่างรุนแรง เจ็บป่วยหรือประสบอุบัติเหตุจนต้องเข้าโรงพยาบาล
คนเกิดวันพุธ(ทั้งกลางวันและกลางคืน) :
หกเดือนแรกต้องตกระกำลำบากเหน็ดเหนื่อย มีการเปลี่ยนแปลงโยกย้ายถิ่นที่อยู่ ผิดพลาดด้านงานเอกสาร มีการสูญหายหรือเสียหาย หกเดือนสุดท้ายปัญหาจะเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น
คนเกิดวันพฤหัสบดี :
หกเดือนแรกจะมีผู้ให้การช่วยเหลืออุปถัมป์ ถ้ามีการเจ็บป่วยอยู่ก็จะหายดี อาจจะมีการโยกย้ายไปอยู่แดนไกล หกเดือนสุดท้ายต้องระวังจะมีเหตุร้าย เช่น อุบัติเหตุ ในช่วงนี้ต้องจึงต้องพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ดี
คนเกิดวันศุกร์ :
ระวังมีคดีความ จะมีเรื่องวุ่นวายในชีวิต เกิดภาระหนี้สิน เป็นหม้าย ครอบครัวไม่มีความสุข (ต้องหมั่นฝึกทำสมาธิให้มากจะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้)
คนเกิดวันเสาร์ :
ต้องพลัดพรากไปใช้ชีวิตในแดนไกล ระวังจะเรื่องทำผิดศีลธรรม
ถ้าเป็นหญิงมักจะเสียสาวหรือตกเป็นมือที่สาม ถ้าเป็นชายระวังจะเป็นชู้กับผู้อื่น
เมื่อคิดตามข้างต้นแล้ว ภัยพิบัติหรือความโชคร้ายเหล่านี้ ถึงจะน่ากลัว แต่ก็ใช่ว่าจะเกิดกับทุกคน หากแต่จะเกิดกับคนที่ดวงไปตกกับเพสร้ายๆเท่านั้น คนที่เชื่อในอาถรรพ์จึ้งมักไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ ขอพรตามวัดวาอารามหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิต่างๆ ส่วนคนที่ไม่เชื่อก็บอกว่าเป็นแค่ช่วงอายุที่มีความเปลี่ยนแปลงในชีวิตมากกว่าช่วงอื่น เช่นการเข้าสู่ช่วงเริ่มทำงานปีแรกๆ การพบเจอผู้คนในสังคมใหม่ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะปรับตัวไม่ทัน บ้างก็เชื่อว่าเป็นกุศโลบายของคนโบราณที่อยากให้ผู้ชายในวัย 25 บวชเป็นพระเพื่อศึกษาพระธรรมและเป็นบุญกุศลแก่พ่อแม่ หรือในปัจจุบันนี้ก็เพื่อห้ามปรามชายหญิงที่กำลังอยู่ในวัยคึกคะนองให้ระมัดระวังตัวเอง
ส่วนตัวอิชั้นด้วยความที่มีประสบการณ์อันโชคโชน เหอๆ อิชั้นชอบดูหมอค่ะ
ก็เคยไปดูหมอ ดูดวง มาหลายที่ จนตอนอยู่ปักกิ่งค่ะ แน่นอนว่าอิชั้นก็ไม่พลาดที่จะไปดู
ดูดวงที่ปักกิ่งเค้าไม่ดูลายมือค่ะเพราะเค้าบอกว่าลายมือมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามการกระทำขอเรา แต่เค้าให้เขย่าเหรียญทำนายจากเหรียญค่ะ
เวลานั้นอิชั้นยังไม่ถึง 25 ค่ะ แต่ก็อยากรู้ ยอมรับว่ากลัวจะมีเรื่องซวยๆเข้ามาอีก จะได้เตรียมตัวเตรียมใจรับมือไงค่ะ
ซึ่งผลออกมา ผิดคาดค่ะ เค้าบอกว่าชีวิตอิชั้นได้ผ่านช่วงเวลาที่เรียกว่าดวงตกสุดๆมาแล้ว
เค้าบอกว่าช่วงนั้นคือ 18-20 ปี เป็นช่วงเวลาที่ชีวิตอิชั้นตกอับที่สุด
ซึ่งก็ตรงค่ะ ช่วง 18-20 เป็นช่วงที่อิชั้นครึ่งผีครึ่งคน เอิ๊กๆ
เค้าบอกว่าในชีวิตนี้จะไม่มีช่วงเวลาที่ยากลำบากแบบนั้นอีกแล้ว และไม่มีอะไรที่ลำบากกว่านั้น (อิชั้นแปลจากภาษาจีน คำพูดเลยแปลกๆแต่หวังว่าคงเข้าใจกันนะคะ)
อิชั้นพอได้ฟังแบบนี้ก็โล่งค่ะ เพราะคิดว่าเรื่องเลวร้ายเราก็ผ่านมาแล้ว หลังจากนี้คงไม่มีเรื่องอะไรที่อิชั้นจะผ่านไปไม่ได้
แต่ก็ยังไม่เชื่อทั้งหมดหรอกนะคะ ไม่อยากประมาทค่ะ
แต่ก็ต้องโดนย้ำเรื่องนี้อีกครั้งเมื่อ อาจารย์ที่เค้าเป็นร่างทรงเทพจี้กงมาทัก อาจารย์คนนี้เป็นคนไต้หวันค่ะ
เค้าไม่ได้รับดูดวงหรอกนะคะ เผอิญวันนั้นอิชั้นไปส่งเพื่อนไปไหว้พระแล้วพบท่านค่ะ
ท่านก็ทักอิชั้น บอกว่าอย่าเครียด ชีวิตอิชั้นจากนี้ไม่มีอะไรแย่ไปกว่าช่วง 18-20 แล้ว
ท่านบอกว่าอิชั้นผ่านไปได้แน่นอน
ตอนฟังอิชั้นก็งงๆค่ะ อยู่ดีๆมาทักเราแบบนี้ แต่เพื่อนที่เค้านับถืออาจารย์มาบอกทีหลังว่าอาจารย์ท่านนี้เป็นร่างทรงเทพจี้กง ท่านมาจากไต้หวัน อิชั้นเลยเชื่อค่ะ และขอให้คำพูดของท่านๆทั้งหลายเป็นจริง
อิชั้นกลับมาคิดค่ะ คิดถึงช่วง 18-2 0ปี มันเป็ช่วงที่อิชั้นไม่มีสติค่ะ ดำเนินชีวิตแบบขาดสติ
แล้วอิชั้นก็มาคิดอีกว่าอิชั้นผ่านช่วงนั้นมาได้เพราะการสวดมนต์นั่งสมาธิค่ะ
พออิชั้นสวดมนตร์ นั่งสมาธิ มันช่วยให้อิชั้นปลงได้ค่ะ และทำให้มีสติมากขึ้น
ที่อาจารย์ทั้ง 2 ท่านทักอิชั้นว่าไม่มีอะไรแย่ไปกว่าช่วงนั้น คงเป็นเพราะหลังจากนั้นอิชั้นรู้จักกับคำว่าสมาธิค่ะ
เมื่อมีสมาธิ ก็จะมีสติ เมื่อมีสติก็จะเกิดปัญญา เมื่อมีปัญญาก็สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆได้ค่ะ
พูดง่ายๆก็คือ ไม่ว่าจะมีเรื่องราวอะไรที่แย่ๆเข้ามาถ้าเราค่อยๆคิด มีสมาธิ มีสติ ย่อมมีปัญญา ปัญหาทุกอย่างแก้ได้ค่ะ
แต่ถ้าแก้ไม่ได้จริงๆ เราก็จะเกิดคำว่าปลงค่ะ ปลง ละทิ้ง คิดว่าทุกอย่างไม่ใช่ของเราค่ะ ว่างเปล่า
เกิดแต่ตัวค่ะ ตายก็ต้องตายไปแต่ตัว อะไรก็เอาไปไม่ได้ ร่างกายยังไม่ใช่ของเราเลยค่ะ ดังนั้นจงปลงซะ 555+
เอาเป็นว่าใครที่อายุอยู่ในช่วงนี้ก็อย่าประมาทแล้วกันนะคะ
ความประมาทเป็นหนทางแห่งความวิบัติค่ะ
(แนะนำให้นั่งสมาธิและสวดมนต์ค่ะ อย่างน้อยก็ทำให้เรามีสติมากขึ้นนะคะ)
You need to be a member of PORTFOLIOS*NET to add comments!
Join PORTFOLIOS*NET