เจ้าพระคุณ--เขียนTreatment จากเรื่องสั้นเจ้าพระคุณของมนัส จรรยงค์

เขียนTreatment จากเรื่องสั้นเจ้าพระคุณของมนัส จรรยงค์



เช้าๆ ทุกวันของหมู่บ้านคลองกลาย เต็มไปด้วยความโกลาหลวุ่นวายจากการรีบเร่งซื้อขายสินค้า หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านใหญ่อยู่ใกล้อำเภอและที่สำคัญเป็นปากทางเข้าสู่หมู่บ้านเล็กๆ ลึกเข้าไป บริเวณของสี่แยกใหญ่จึงเกิดเป็นตลาดร้านค้าที่วางของขายเรียงรายมานับหลายสิบปี ตาหนู คนพเนจรที่เดินทางร่อนเร่มาเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ตอนนั้นมีเพียงเป้ใบใหญ่สะพายหลังและถุงสานด้วยพลาสติกที่ติดตัวมา ชาวบ้านพบตาหนูครั้งแรกตอนรุ่งสางก่อนตลาดจะเริ่ม จนสายก็ยังคงนอนขุดตัวผ่านสายตาของคนที่เดินผ่านไปมาด้วยความไม่คุ้นเคย ตาหนูเริ่มรับจ้างเล็กๆ น้อย ๆ และหาของเก่าซื้อมาขายไปในหมู่บ้าน ไม่มีใครรู้ว่าแกเดินทางมาจากไหนและแกไม่เคยได้ปริปากเล่าถึงความเป็นมาในชีวิตของแก แต่ถ้าใครนั่งอยู่กินกาแฟทุกวันคงประติดประต่อเรื่องราวได้บ้าง ถึงพื้นเพและต้นกำเนิดที่ตาหนูมักจะอวดโอ้ให้เด็กๆ ฟัง

หลายคนเชื่อว่าแกมาจากกรุงเทพ เพราะเรื่องราวที่แกเล่าเหมือนละครในโทรทัศน์ หรือบางเรื่องไม่คุ้นเคยกับวิถีชีวิตของคนที่นี่ ชาวบ้านอีกมากที่มองด้วยสายตาดูแคลนด้วยท่าที่ของตาหนูที่มีนัยยะซ่อนเร้น และอาชีพตาหนูก็ไม่ได้ขายของแบบซื้อมาขายไปเหมือนคนในตลาด หรือออกไปทำไร่ทำนาเหมือนอย่างคนทั่วไปในหมู่บ้าน แต่สำหรับเด็กทโมนที่วิ่งคลุกฝุ่นหน้าตลาดกลับเห็นตาหนูเป็น ฮีโร่ เพราะไม่ว่าจะเป็นของใช้ หม้อ ทีวี วิทยุ หรือจักรยาน แค่ตาหนูเคาะโน่น แกะนี่ ไขนั่น สองสามครั้งก็กลับมาใช้งานได้อย่างเดิม

ตาหนูมีคู่ปรับที่ทำงานคล้ายๆ กันคือตาเหมือน แต่เพราะตาเหมือนไม่ได้เป็นคนต่างถิ่น ตาเหมือนจึงเป็นที่ยอมรับมากกว่า บ่อยครั้งที่สองเฒ่าหักเหลี่ยมหักมุมกัน โดยที่ใช้ชาวบ้านและเด็กๆ เป็นตัวกลางในการประลองยุทธ์ เหมือนเช่นวันนี้ที่ตาเหมือนวางอุบายให้โทน ลูกของนายทับเซียนพระของหมู่บ้าน เอาพระสมเด็จมาหลอกขายให้ตาหนู ด้วยการใช้วาจาและท่าที่เหมือนว่าตาหนูจะได้พระด้วยราคาเยาว์ แต่กลับเป็นพระปลอมที่ตาเหมือนสร้างทำขึ้นมาใหม่ หลังจากเสียรู้ครั้งใหญ่ ตาหนูกลับมาท่าที่เปลี่ยนไป เพราะคิดว่าถึงประหัตประหารกันไปก็มีแต่จะเสียกันไปทั้งสองฝ่าย ตาหนูจึงไปขอความร่วมมือจากตาเหมือน ด้วยการทำพระสมเด็จปลอมไปขายกับผู้ใหญ่ทอง ตาเหมือนเองก็เห็นสบโอกาสอันดีที่จะได้เงินก้อนโต จึงร่วมมือด้วย ขณะเดียวกันตาโพล้ง เซียนพระของหมู่บ้านอีกคนก็ได้ยินเรื่องที่ตาหนูและตาเหมือนคุยกันก็เข้ามาค้าน ด้วยความเชื่อเรื่องการทำพระปลอมจะนำพาวิบัติมาให้กับคนทำ มีเรื่องเล่าว่าหลายคนที่สร้างพระปลอมนั้นไม่ตาบอด เกิดอุบัติเหตุจนต้องตัดขา หรือเป็นอัมพาดครึ่งตัว แม้ว่าตาเหมือนและตาหนูจะหวาดกลัวลึก ๆ ถึงอาถรรพ์เหล่านั้น แต่ก็ไม่ล้มเลิกความคิด
หลังจากที่ทำพระเสร็จก็ได้เอาพระไปเสนอผู้ใหญ่ทอง

ผู้ใหญ่ทองพินิจพระสมเด็จด้วยความสนใจ แต่เพราะความไม่ไว้วางใจในเล่ห์กลของตาหนู จึงอยากให้นายโพล่งมาช่วยดูและยืนยันว่าเป็นพระจริงหรือไม่ จึงให้ตาหนูไปเชิญนายโพล่งมาช่วยดู นายโพล่งแม้จะรู้แผนการของตาหนู และตาเหมือน แต่ด้วยความสัมพันธ์ และคุ้นเคยจึงไม่อาจที่จะเปิดความจริงได้จึงได้เพียงแนะให้เอาพระสมเด็จไปประกวดในงานวัดหมู่บ้านข้างเคียงอีกสองวันข้างหน้า แม้ว่าตาหนูและตาเหมือนจะกลัวว่าจะโดนจับได้ แต่ในเมื่อลงเรือมาถึงขั้นนี้ จึงยังคงทีท่าใจดีสู้เสือท้าพนันว่าถ้าหากว่าชนะการประกวดผู้ใหญ่ต้องจ่ายราคาพระให้ 2000 แต่หากแพ้จะยอมขายให้ในราคาที่ผู้ใหญ่เสนอ

ในงานวัดประจำปี กิจกรรมของทุกวัดก็จัดเพื่อคนทุกเพศทุกวัย เสียงของลิเก หนังฉาย ดังแข่งกับเสียงเพลงสมัยเพื่อเปิดเรียกเด็กและหนุ่มสาวมาเล่นยิงปืน ปาเป้า ชิงช้า ส่วนเวทีที่สำคัญของสองตาเท่ากลับอยู่หน้าโบสถ์ เพราะมีการประกวดพระสมเด็จที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอ อย่าว่าแต่ชายแก่ ชายหนุ่มในอำเภอเลย เซียนพระและคนที่เชื่อและหลงใหลในศาสตร์ต่างที่ต่างถิ่นก็เดินทางมาเพื่อลงแข่งขัน ตีราคา หาเช่าซื้อ หรืออย่างน้อยก็เป็นบุญตาที่ได้เห็นพระดี คุณค่าและความเชื่อเหล่าดีดูยิ่งใหญ่กลบความสำคัญของโบสถ์ วิหารในวัด หรือแม้แต่แก่นของพุทธศาสนา หรือพระธรรมที่พระพุทธองค์ได้ตรัสรู้เมื่อสองพันกว่าปีมาหมดสิ้น อย่าว่าเพียงชาวบ้านที่เข้าร่วมเลย พระผู้ใหญ่ พระผู้แก่ เณร และเด็กวัดต่างก็ให้ความสนใจนั่งหน้าเวทีประกวดกันทั้งนั้น

ผลการแข่งขันกรรมการต้องถกถียงกันเสียยกใหญ่เนื่องจาก พระของตาหนูและตาเหมือนนั้น สมบูรณ์แบบไม่มีที่ติ แต่ติดนายโพล้งกรรมการอีกท่านกลับไม่ไม่ลงคะแนนเสียง ด้วยให้เหตุผลว่าสมบูรณ์แบบเกินไป สุดท้ายพระของตาหนูและตาเหมือนก็ชนะด้วยเสียงข้างมาก ตาหนูและตาเหมือนดีใจลิงโลดลืมอาการจนเป็นพิรุธให้ผู้ใหญ่ทอง รวมทั้ง คำพูดของนายโพล้งที่บอกว่า “พระนี้สมบูรณ์แม้สมเด็จโตก็คงดีใจที่จะได้เห็นพระสมเด็จงามอย่างนี้” ผู้ใหญ่รู้ถึงสารที่นายโพล้งสื่อออกมาอย่างชัดเจน จึงตอบปฏิเสธการซื้อพระจากตาหนู ตาหนูดีใจเรื่องรางวัลได้ไม่นานก็รู้ว่าผู้ใหญ่รู้ทัน จึงแกล้งวางท่าว่าผยองไม่จำเป็นต้องง้อผู้ใหญ่ทองอีกพระที่ได้รางวัลก็มีคนที่ต้องการอีก และราคาก็ดีกว่านี้จากรางวัลที่ได้รับมา

บนรถสองแถวระหว่างกลับบ้าน ผู้ใหญ่ทอง ตาหนู และตาเหมือนต่างนิ่งเงียบบนรถ ต่างจากครั้งที่นั่งรถมา ที่คุยโขมงโฉงเฉงลั่นรถด้วยท่าทีตื่นเต้นกับงานสำคัญ สายตาของทั้งสามต่างสบตากันคนละที สองที และความนิ่งเงียบก็หยุดลงพร้อมกับเสียงเบรกรถลากยาว ตาหนูจำได้เพียงเท่านั้น รู้สึกเหมือนโลกหมุนกลับไปอีกทาง วนนับสิบสิบรอบ ไม่ได้ยินแม้เสียงกรีดร้องของคนในรถ ภาพสุดท้ายก่อนโลกของลุงหนูจะมืดลงคือภาพของพระสมเด็จที่ตัวเองสร้างมา ภาพของการบดผสมดินสอ ข้าวตาก กล้วยสุก หย่อยลงในแทนพิมพ์ ภาพของพระสมเด็จสีเหลืองนวลเหมือนงาช้างแล้วโลกก็มืดอีกครั้ง

นายโพล่งวิ่งเข้ามาที่สถานพยาบาลในอำเภอ เห็นผู้ใหญ่ทองนั่งคุยกับหมอถึงอาการของตาหนู และตาเหมือน สองเฒ่าอาการปลอดภัย เฝือกที่คอ และแขนจากการกระแทกไม่กี่เดือนคงหาย คนขับรถและคนที่นั่งข้างผู้ใหญ่ทองตายคาที่ ต่างจากผู้ใหญ่ทองที่ไม่ได้เป็นอะไร ผู้ใหญ่ทองคลานออกมาจากรถ เมื่อได้สติก็เอามือคลำในกระเป๋าเสื้อที่ตาหนูส่งให้หลังการประกาศรางวัลในคืนนั้น แต่ไม่ทันได้คืนกลับไปเพราะตาหนูมัวแต่อวดโอ้เรื่องรางวัลที่ได้รับ

สองวันต่อมาผู้ใหญ่รี่เร่งเข้าในห้องคนไข้รวมหลังจากที่ได้ข่าวว่าตาหนูฟื้น และมอบเงินให้สองหมื่นตามที่ตกลง ตาหนูและตาเหมือนสบตา พูดคุยเพียงคำสองคำ และหลับตาลงอีกครั้ง ต่างจากผู้ใหญ่ที่เดินออกด้วยแววตาที่อิ่มเอิบใจเพื่อเลี่ยมทองพระในเมือง


Views: 185

Comment

You need to be a member of PORTFOLIOS*NET to add comments!

Join PORTFOLIOS*NET

© 2009-2024   PORTFOLIOS*NET by CreativeMOVE.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service