ความต่างของ RO และ RO2 ในมุมมองของ Kinesis

                สวัสดีครับวันนี้ขอเขียนทัศนคติเกี่ยวกับเกมออนไลน์สุดฮิตที่เพิ่งเปิดใหม่เมื่อเร็วๆนี้ซึ่งคาดว่าหลายคนคงเคยเล่นภาค 1 ของเกมนี้แล้ว นั่นคือเกม Ragnarok Online 2 นั่นเอง เรียกได้ว่าภาค 2 ของเกมนี้นั้นแทบจะพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยกล่าวคือไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลยกับ RO1 ซึ่งตอนที่ผมยังเล่น RO1 แรกๆที่ผมได้ยินว่าเค้ากำลังพัฒนาเกมนี้นั้นเป็นอะไรที่เรียกว่าอเมซซิ่งมาก(คิดในใจว่า โหนี่เราจะได้เล่นเกมที่ระบบแบบนี้ สังคมแบบนี้ ในภาพที่สวยกว่านี้แล้วหรอเนี่ย!!) แต่พอได้เล่นเข้าจริงๆมันแบบว่า... ถ้ามอนสเตอร์ในเกมนี้ไม่ใช่ Poring ผมเชื่อว่าร้อยทั้งร้อยต้องคิดว่านี่ไม่ใช่เกม RO อย่างแน่นอน เพราะสิ่งที่เป็นจุดเด่นของ RO1 หายไปหมดเลย จะมีก็อย่างเดียวคือการไปล่าบอสกันเป็นปาร์ตี้ยังคงสนุกเหมือนเดิม วันนี้ผมจะเขียนสิ่งที่ผมคิดว่ามันเป็นเสน่ห์ที่หายไปจาก RO2 ออกตัวก่อนว่าผมเล่น RO2 อาชีพ Wizard และเลิกเล่น RO1 ตอนปี 2007 ดังนั้นผมจะเขียนเปรียบเทียบ RO ทั้ง 2 ภาคในมุมมองของคนเล่น Wizard ในช่วงเวลานี้นะครับ

                แนะนำอาชีพที่ผมชอบเล่นก่อนสักนิดนึง ผมชอบเล่นอาชีพสายเวทย์มาก ทุกเกมออนไลน์ที่เคยเล่นจะเล่นสายเวทย์ตลอด เหตุที่ชอบเพราะนักดาบมันพระเอกเกินไป อโคสายซัพก็ไม่ใช่แนว เลยคิดว่าเอาสายเวทย์นี่แหละวะเพราะชอบอะไรที่มันเป็นการ ”หรอยระยะไกล” และสายเวทย์เป็นสายที่ต้องใช้สเต็ปในการเล่นพอสมควรความจริงเคยคิดจะเอาดีด้านสายอื่นหรือสายอาชีพที่คล้ายกันเช่นนักนู แต่ก็ไปไม่รอดครับยอมรับว่าไม่รุ่งจริงๆเลยกลับมาตายรัง

Skill

       RO1 – ใน RO1 ถ้าไม่นับของสวมใส่ต่างๆอาชีพที่สามารถเล่นได้จนเวลตันหรือไปแมพที่มีมอนสเตอร์ระดับสูงๆได้มีแค่อาชีพเดียวนั่นคือนักเวทย์ ซึ่งสิ่งที่ทำให้นักเวทย์แสดงความอหังการออกมาได้ขนาดนี้ก็มีแค่สกิลเดียวอีกนั่นคือ.. ถ้าใครที่เคยเล่นนักเวทย์ใน RO1 มาก่อนจะนึกออกทันทีมันคือสกิล Fire Wall นั่นเอง สกิลนี้ทำได้ทั้งรุกและรับในเวลาเดียวกันและด้วยการที่ RO1 มีการแสดงผลของเกมแบบนับเป็นช่องๆมันจึงยิ่งทำให้สกิล Fire Wall ทรงประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วยการตั้งแบบขวางแล้วกระหน่ำด้วย Fire Bolt ทั้งสิบนัดที่มี จุดนี้จะได้ยินเสียงร้องของมอนสเตอร์รัวๆได้ใจคอซาดิสม์ไปเต็มๆ และกว่า Fire Wall จะหมดมอนสเตอร์คงตายซะก่อน จึงทำให้ผู้ที่เล่นอาชีพนี้ต้องมีเทคนิคในการเล่นในระดับนึงเลยทีเดียว

       RO2 – มาถึงใน RO 2 เมื่อรูปแบบเกมเป็น 3 มิติระบบช่องในเกมก็หายไป และผู้พัฒนาได้ทำการถอดสกิลนี้ออกไปด้วย!!! จากอาชีพที่ต้องใช้เทคนิคในการเล่นกลายเป็นอาชีพที่ใช้แค่สกิลเดียวในการเก็บเลเวลนั่นคือ Fire Bolt และไม่ต้องใช้เทคนิคอะไรแค่ยิงสกิลยืนแลกกับมอนสเตอร์ว่าใครจะตายก่อนกัน ซึ่งโดนตบกลับแทบทุกดอกยังกับเป็นอาชีพอื่นที่ไม่ใช่ Wizard (ซึ่งเกมสมัยปัจจุบันเป็นแบบนี้กันหมดแล้ว) มันจึงผิดวิสัยของ Wizard ของ RO อย่างสิ้นเชิง แต่ RO2 ก็มีดีอย่างนึงคือเวทย์มนต์สามารถติดคริได้!! แต่ก็ Miss ได้เช่นกัน(WTF) จึงทำให้นี่เป็นขอดีของ RO2 ที่ทำให้สมจริงขึ้นมาบ้าง แต่ก็ต้องดูกันต่อไปเพราะไม่แน่คลาสต่อไปของ Wizard หลังเวล 50 อาจจะทำสกิลนี้ให้ดีกกว่าเดิมก็เป็นได้

Card

       RO1 – ระบบการ์ดใน RO1 มีทั้ง บวกสเตตัสโดยตรง,เพิ่มเอฟเฟคให้การโจมตี,เพิ่มพลังการโจมตีแบบเป็น% ตรงนี้ผมเห็นว่า RO1 ทำได้หลากหลายกว่าเพราะสามารถพลิกแพลงการเล่นได้เยอะมากๆไม่มีสูตรใดตายตัวแถมชื่อของอาวุธหรือชุดเกราะหลังจากใส่การ์ดบางใบก็เท่ขึ้นเป็นกอง

       RO2 – จากระบบการ์ดที่ใส่ในไอเท็มเปลี่ยนมาเป็นแบบใส่ในตัวผู้เล่นแทนและจากที่เพิ่มการโจมตีบลาๆๆกลายเป็นเพิ่มแค่สเตตัสอย่างเดียว แต่ถ้าใส่การ์ดครบหมดที่เลเวล 50 สเตตัสต่างๆจะเพิ่มมาอย่างละ 50-60 เลยทีเดียว แต่นี่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะยกระดับการเล่นให้ผู้เล่นสามารถตีมอนสเตอร์ข้ามเลเวลได้ เพราะเทียบกับใส่การ์ดแบบบวก%การโจมตีของ RO1 ยังไงแบบ%ก็ยังทำได้ดีกว่า ยกตัวอย่างเช่น นักนูเลเวล 20 ต้นๆที่อัพ Double Strafe เต็มใส่ Gakkung 2 เหมือง ไปเบิ้ลคนคุกที่เลเวลต่างกัน 50 เลเวลได้สบายๆ

Party

       RO1 – ระบบปาร์ตี้สมัยตอนที่ผมยังเล่น RO1 นั้นไม่เวิร์คเท่าที่ควร โดยจะหาร Exp กันตามจำนวนคนในปาร์ตี้ ซึ่งถ้าไม่ยกตี้กันไปตีมอนสเตอร์ข้ามเวลกันจริงๆการจับตี้กันแบบเป็น 10 คนแทบจะทำไม่ได้เลย เพราะจะเป็นการดึงเวลกันมากกว่าช่วยให้เก็บเวลเร็วมากกว่า และการหาตี้แต่ละทีต้องไปหาที่แหล่งของมันเท่านั้น และก็ไปกันทีละ 2 คนซะส่วนใหญ่และอาชีพอื่นๆที่ไม่ใช่ นักนูกับเมจ ไม่มีพรีสคนไหนอยากจับตี้ด้วยแน่นอน เพราะฆ่ามอนช้ากว่า 2 อาชีพที่กล่าวมาข้างต้น อาชีพอื่นๆจะได้รับโอกาสเข้าตี้ก็ต่อเมื่อจะกิลด์วอร์หรือล่าบอสนั่นเอง(อนาจแท้) แต่ได้ข่าวว่าปัจจุบันระบบตี้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ไม่รู้ว่าดีขึ้นหรือเปล่าเพราะผมไม่ได้กลับเข้าไปเล่นอีกเลยหลังจากเลิก

       RO2 – ระบบปาร์ตี้ได้รับการพัฒนาขึ้นมากกว่าเดิมแม้ว่าจะหาร Exp กันเหมือนเดิม แต่จุดประสงค์หลักของการจับตี้ใน RO2 ไม่ใช่การตีมอนเก็บ Exp กันอีกต่อไป เนื่องจากเกมนี้เป็นเกมเดินเควสจุดหมายของการจับตี้คือการช่วยกันทำเควสฆ่ามอนยากๆเพื่อที่จะเก็บเวลได้ไวมากขึ้น และการเข้าตี้ก็สามารถประกาศให้คนรู้กันทั้ง Server ได้โดยการตะโกนหรือการขึ้นบอร์ดตี้ที่ไม่ว่าผู้เล่นจะอยู่ที่ไหนก็สามารถรับรู้ข่าวสารการรับตี้ได้ตลอด จึงทำให้ระบบปาร์ตี้ใน RO2 ทำได้ดีกว่า RO1 อย่างเห็นได้ชัด และจุดด้อยจาก RO1 ที่รับเฉพาะนักนูกับนักเวทย์ไม่มีอีกต่อไป ใน RO2 ทุกอาชีพสำคัญเท่าๆกันหมดหากขาดอาชีพใดไปทำให้การฆ่าบอสช้าลงทันที

Element

       RO1 – ระบบธาตุนั้นเป็นสิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยใน RO1 เพราะการโจมตีต่างๆจะได้เปรียบเสียเปรียบก็วัดกันตรงธาตุนี่แหละมันสามารถทำให้เก็บเวลข้ามมอนได้ ทำดาเมจหลักหมื่นในการโจมตีครั้งเดียวได้ ทำการป้องกันสถานะต่างๆได้ ลดดาเมจจากการโจมตีด้วยธาจุด้วยกันได้ เป็นสิ่งที่ทำให้อาชีพนักเวทย์ผงาดได้ เรียกได้ว่าแทบจะเป็นหัวใจหลักของเกมนี้เลยทีเดียว

       RO2 – ระบบธาตุก็ยังมีอยู่แต่ผมคิดว่ามันน่าจะมีไว้เท่ๆเพราะไม่ว่าจะเอาสกิลอะไรไปโจมตีมอนสเตอร์ธาตุไหนดาเมจก็ยังคงเป็นแบบเดิมไม่ได้ลดหรือเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด ซึ่งใน RO1 การเอาสกิล Fire Bolt ไปยิง Vadon ในดันน้ำเป็นอะไรที่บ้ามาก แต่ใน RO2 ยิงได้สบายแถมติดคริอีกต่างหาก ตรงนี้สำหรับผมค่อนข้างเฟล(แต่ถ้ามันมีผลจริงๆเมจจะเป็นอาชีพแรกที่ซวย)

Status

       RO1 – มีทั้งหมด 6 สเตตัสให้อัพ สูงสุดอัพได้ 99 (ปัจจุบัน 150) ทุกสเตตัสเมื่ออัพแล้วมีประโยชน์หมด เช่น ถ้าอัพ Agi ไม่ใช่ได้แค่ค่า Flee อย่างเดียวแต่ยังได้ค่า Aspd ด้วยไปพร้อมกัน จากสิ่งเหล่านี้จึงเกิดสายการเล่นที่สามารถพลิกแพลงได้หลากหลายประเภททำให้ไม่น่าเบื่อ เช่น อโคสายบู๊ เสจสายปืนกล โร๊คสายเวทย์ เป็นต้น

       RO2 – ลดเหลือแค่ 5 สเตตัส และการอัพแต่ละครั้งได้ผลกลับมาน้อยมากๆ เช่นอัพ Int ได้แค่พลังโจมตีเวทย์ไม่ได้ SP, อัพ Agi ไม่ได้ค่า Flee แต่ได้ค่าคริแทน แต่ถ้าเมจอัพ Str ใน RO2 ไม่ได้ประโยชน์อะไร แตกต่างจาก RO1 ที่อย่างน้อย(เคาะแรงขึ้น)ยังได้ค่าน้ำหนักเพิ่มทำให้สามารถพกพา Potion ไปได้เยอะขึ้น

Mount

       ระบบสัตว์ขี่ RO1 ขี่ได้เฉพาะสายอาชีพ Swordman แต่ RO2 สามารถซื้อขี่ได้ทุกอาชีพ RO2 จึงทำได้ดีกว่า แต่ถ้าสมมติ RO1 ทำให้ทุกอาชีพขี่สัตว์ได้ผลเสียที่ตามมาอย่างแรกเลยคือการป้องกันและตีบ้านในกิลด์วอร์ เมื่อทุกคนวิ่งเร็วแถมโดนดาเมจน้อยบ้านก็จะแตกไวขึ้น

Craft

       ระบบการสร้างสิ่งของใน RO2 ดูจะเวิร์คกว่า RO1 ตรงที่ว่าทุกอาชีพสามารถสร้างสิ่งของได้ตั้งแต่อาวุธ,ชุดเกราะ,ยา,อาหาร เพียงแค่เลือกอาชีพเริ่มต้นให้ตรงกับสายที่ต้องการ แต่สำหรับ RO1 การจะสร้างของแต่ละทีต้องง้ออาชีพ Blacksmith หรือ Alchemist เอง หรือถ้าไม่อยากง้อก็ต้องเสียเวลาไปเล่น 2 สายอาชีพนี้เอง

Title

       ระบบฉายาใน RO1 เอาไว้เท่ แต่ RO2 แม้ว่าจะเลือกตั้งชื่อฉายาไม่ได้แต่มีประโยชน์กว่าด้วยการที่หลังๆฉายาเพิ่มค่า Status เยอะพอสมควร

สรุป

       ในมุมมองของผมแม้ว่า RO2 จะด้อยกว่า RO1 พอสมควรแต่ก็ต้องให้เวลากันต่อไป เนื่องจากเกมเพิ่งพัฒนาได้ไม่นาน และเพิ่งเปิดใหม่(ในไทย) แต่โดยรวมก็เป็นเกมที่มีระบบการเล่นครบครันสำหรับความต้องการของเกมเมอร์ในตลาดเกมปัจจุบันพอสมควร เนื่องจากสมัยนี้เกมเมอร์ต้องการความรวดเร็วในการเก็บเลเวล จึงได้เกิดเกมที่มีระบบการเดินเควสเก็บเวลกันเป็นหลักและวงการเกมปัจจุบันเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจมากขึ้นมีเม็ดเงินหมุนเวียนกันหลายร้อยล้าน จุดขายจึงอยู่ที่ Item Mall ไม่ใช่แบบ Airtime จะให้ทำเกมเป็นแบบ RO1 ที่มีการเก็บเวลตีมอนอย่างเดียวคงอยู่ยากในยุคสมัยนี้ และหากจะตัดสินว่า RO1 ดีกว่า RO2 ทุกอย่างก็ดูจะใจร้ายต่อผู้พัฒนากันเกินไป อยากให้มองว่าเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการเล่น RO มากกว่าเพราะว่าถ้าเทียบกันแล้วสเกลความใหญ่ของ RO2 ยังน้อยนิดเมื่อเทียบกับ RO1 ที่พัฒนาล่วงหน้ามาแล้วเป็น 10 ปี สุดท้ายเกมจะดีกว่าหรือไม่ต้องดูกันที่ความเอาใจใส่ของผู้พัฒนาและผู้ให้บริการด้วยครับ

หมายเหตุ : บทความนี้ผมได้เขียนขึ้นมาหลายเดือนแล้วแต่ไม่ได้เอามาลง ข้อมูลที่เขียนจึงเป็นในช่วงเวลานั้น(ประมาณ 4 เดือนที่แล้ว)

                

Views: 631

Comment

You need to be a member of PORTFOLIOS*NET to add comments!

Join PORTFOLIOS*NET

© 2009-2024   PORTFOLIOS*NET by CreativeMOVE.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service