สถานการณ์ปัจจุบันของพื้นที่แห่งนี้ได้แปรเปลี่ยนไป จากที่มีกำแพงธรรมชาติอย่าง ป่าโกงกางและป่าชายเลนอื่น ๆ เป็นฉนวนกันการกัดเซาะแผ่นดินจากน้ำทะเล
เมื่อการรุกรานพื้นที่ป่าด้วยรูปแบบนากุ้งพัฒนา...น้ำเสียจึงเข้ามาแทนที่น้ำดีและทำให้พื้นที่ป่าชายเลนลดลง และเป็นผลให้เกิดการกัดเซาะริมฝั่งหมู่บ้านถ่อยร่นเข้าไปร่วม 200 เมตร รวมถึงการพัดทำลายบ้านริมฝั่งหลายสิบหลังคาเรือน
ปรากฏการณ์นี้สร้างความสะท้อนใจแก่ชาวบ้านบางส่วน...บางส่วนจริง ๆ ที่หวนนึกถึง คำว่า "ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม"...รวมถึงการอนุรักษ์บางสิ่งบางอย่าง...คืนมา
ผู้ใหญ่แดง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 (บ้านบางบ่อล่าง) ผู้เพียรพยายามรื้อฟื้นผืนป่าชายเลนกลับมาอีกครั้ง ด้วยกลุ่มคนเพียงไม่กี่คน...ยืยยันว่าไม่กี่คนจริง ๆ
"มีคนเค้าว่า เรา บ้า...."
"มาทำเรื่องปัญญาอ่อนแบบนี้ทำไม"
คำบอกจากปากผู้ใหญ่ถึงความคิดในการรักษาป่าของคนในพื้นที่...แต่ผู้ใหญ่แกก็ดีใจที่ยังมีรคนร่วมบ้ากับแกบ้าง 555+
โครงการอนุรักษณ์พื้นที่ป่าชายเลน จึงเกิดขึ้นในพื้นที่แห่งนี้หลาย ๆ โครงการ
ทำได้เท่าที่ตังค์ และแรงมี...
ด้วยแรงและพลังเท่าที่มีในเวลานั้น กลุ่มอนุรักษ์ป่าชายเลนเริ่มทำการปลูกแนวกำแพงธรรมชาติเพื่อป้องกันการกัดเซาะแผ่นดิน เพื่อหวังว่าวันหนึ่ง ผืนป่าแห่งนี้จะเป็นที่หล่อเลี้ยงสิ่งมีชีวิตตัวน้อย ๆ อีกครั้ง
แนวความคิดตามข้างต้น...จึงเกิด "โรงเรียนธรรมชาติป่าชายเลน" ขึ้นมาในพื้นที่นี้ เพื่อรักษาสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ อย่างปูแสม ปลาตีน ฯลฯ
***เส้นทางตามรอยเท้าของปูแสม
***มันคือปลาตีน
แต่...การสร้างต้นกล้าน้อย ๆ เพื่อรอวันเป็นกำแพงอันยิ่งใหญ่ตามข้างต้น มันก็เสมือนปล่อยเจ้าปลาน้อยที่ยังไม่แข็งแรง ออกว่ายทวนกระแสน้ำในทะเล...เมื่อเจอการซัดโถมของคลื่นชายฝั่ง กล้าน้อยใหญ่ ก็มีอันล้มหายตายจากก่อนที่จะได้เติบโตขึ้นในพื้นที่
โครงการสร้างเขื่อนชะลอแรงคลื่นจึงเกิดขึ้น...ด้วยการนำไม้ไผ่มาเรียงรายรอบนอกชายฝั่ง เพื่อเป็นกำแพงชั้นนอก
เขื่อนเหล่านี้คงทนไหม ?
ตอบได้คือ...ไม่
แต่ในระยะ 4 - 5 ปี ก่อนที่มันจะสิ้นสภาพ อย่างน้อยก็ช่วยประคองการเติบโตของต้นกล้าที่ปลูกขึ้นมาได้อย่างดีในระดับหนึ่ง และคงดีกว่าการสร้างเขื่อนคอนกรีตที่ทำลาย "ภูมิลักษณ์" ของบริบทในพื้นที่แห่งนี้
*** แนวเขื่อนไม้ไผ่...ดูดีมีชาติตระกูลมาก น่าลอกแบบไปทำกำแพงบ้าน เท่ห์ซะไม่มี...แหล่มมมมม
การออกแบบสถาปัตยกรรมสากลบางที ก็สามารถเก็บเกี่ยวความคิดเก๋ ๆ จากมุมมองนอกห้องเรียนได้หลายทาง...ทางหนึ่งก็คือที่แบบนี้
ปัญหาของชุมชนริมคลองบางบ่อ นอกจากปัญหาป่าชายเลนข้างต้นนั้น ยังมีปัญหาจากการเป็นพื้นที่ปากอ่าว ทางน้ำไหลลงอ่าวจึงพัดพาตะกอน (เป็นข้อดีในเรื่องการเกิดเลน สารอาหาร) แต่ข้อเสียในปัจจุบันที่สำคัญคือ "ขยะ" ที่ถูกพัดพามาจากพื้นที่ส่วนอื่น ๆ ลากพามาจากแม่กลอง แม่น้ำสายหลักของจังหวัด...T T


บางบ่อในวันนี้...
จึงยังต้องมีเรื่องที่ต้องทำ ต้องแก้ ต้องดำเนินการอีกมากนัก ทั้งปัญหาของป่าชายเลน ปัญหาขยะ ปัญหาการไม่มีกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย ปัญหาอาชีพและพื้นที่ทำกิน...และอื่น ๆ อีกมากมาย
แต่ปัญหาที่สำคัญที่สุด คิอ ปัญหาความเข้าใจและการให้ความร่วมมือในการพลิกฟื้นแผ่นดินแห่งนี้ของชาวบ้านในชุมชนที่มองว่าเรื่องที่เกิดอยู่ มันยังไม่ส่งผลอะไรกับตนเอง...
"ผู้ใหญ่แดง จะทำไรก็ทำไปเหอะ....ฉันจะแกะปู"
คำวลีที่คิดโดย น.ศ.สถาปัตย์จากสถาบันหนึ่ง...เป็นตลกร้ายที่น่ารัก ปนมุมสะท้อนปัญหาสังคมที่รุนแรงได้ระดับหนึ่ง
ลมหายใจสุดท้ายของ บ้านบางบ่อ คงขึ้นอยู่กับว่า "ใคร" จะหายใจได้กลิ่นอะไร หรือตั้งใจสูดดมอะไร หากได้กลิ่นของความชุ่มชื่น หองหวลของอดีตที่เคยเป็น คงดีที่ลมนั้นยังมีกลิ่นเดียวกัน แต่ถ้าจงใจสูดดมแต่ผลประโยชน์ที่คิดว่า "ไม่ใช่เรื่องของเรา"
ในที่แห่งนี้...คงมีแต่ลมหายใจเหงา ๆ ของคนที่อยากเห็นบ้านเรือนของตนเอง กลับมางามอีกครั้ง
ถ้าวันก่อน ผมเผลอเกิดอาการขี้เกียจติดสอยห้อยตามทีมงานมาเยี่ยมชมหมู่บ้านพื้นถิ่นชาวเลแห่งนี้ ในเวลาสี่ ถึงห้าวันที่ผ่่านไปในช่วงที่ใช้ไปกับสภาพอันจำเจในกรุงเทพมหานคร มันคงไร้ความหมายสิ้นดี
***อาหารเช้าที่ดูโง่ ๆ สบาย ๆ ในตอนเช้า ๆ มันกลับมีความหมายพิเศษ มันรู้สึกอร่อยได้แตกต่างกับสภาพที่อยู่ในเมือง เมันคงเป็นเรื่องของคำว่า "บรรยากาศ"
***บางวัน...(ไม่ได้เก็บภาพ...เสียดายมาก) ป้าหมอนทำกับข้าวให้กิน มีแกงส้มปลาทะเล ปลากระบอกทอด ปูม้าผัดไข่...
โห ถึงรวยบางครั้งก็ไม่ได้กินง่าย ๆ นะครับ....คำว่า "โอกาส" มันงามตอนที่จับต้องได้แบบนี้นี่เอง
บ้านเรือนในย่านพื้นถิ่นก็ยังมีความงามของมันไม่เสื่อมคลาย น่าเสียดายมาก ถ้ามันจะสูญหายไปเพราะคนไม่รู้คุณค่าของมัน
คงต้องยอมเหนื่อย เพื่อดึงคุณค่าของมันออกมาเผยให้ใครต่อใครเห็นนะ
วันนี้...และต่อ ๆ ไป ผมก็คงต้องเหนื่อยอีกแน่ ๆ 555+
***ถ้าแวะไปเดินเล่นป่าชายเลนแห่งนี้ อย่าลืมซื้อรองเท้ายางก่อนนะครับ คู่นี้ 40 บาท ชาวบ้านเอามาขาย ถูกสุดสุด ลุยได้ตลอดงาน...คุ้ม
เรื่องนี้ผ่านไปหลายเวลาแล้ว...ตั้งแต่ต้นปี 2011 แต่เห็นว่าตอนนี้หลาย ๆ ที่ของโลกและประเทศเรากำลังผจญมรสุมจากพลังของธรรมชาติ ที่ทวงคืนความยุติธรรมจากมนุษย์เรามากมายเวลานี้
บางทีการเริ่มรักษาอะไรกับพื้นที่เล็ก ๆ หลาย ๆ พื้นที่ ก็อาจรวมเป็นหนึ่งของความใหญ่ที่ช่วยเยียวยาพื้นแผ่นดินของเราได้
ลองมองอะไรใกล้ ๆ ตัว แล้วดูแลมันครับ...ผมเชื่อว่า
"เล็ก ๆ เปลี่ยนโลกได้"
ปล.
ถ้าจะไปเพื่อศึกษาหรือทำโครงการอะไร ติดต่อที่ผู้ใหญ่แดง หมู่ 10 บ้านบางบ่อล่าง ได้เลย...หน้าตาแกก็เหมือนในรูป ด้านบนเป๊ะ ๆ ไปแล้วอย่าลืมเล่นกับ "เจ้าแบ๊งค์" ลูกนากที่นิสัยเหมือนสุนัขครับ
You need to be a member of PORTFOLIOS*NET to add comments!
Join PORTFOLIOS*NET