หัวใจเล่าเรื่อง: ตอนสหายใจ


ในแต่ละครั้งของการเดินทาง
ฉันมักบันทึกเรื่องราวต่างๆ
เอามาบอกเล่าต่อเพื่อนๆ หรือใครหลายๆ คนให้ได้ฟัง
หรือบางเรื่อง ฉันก็เก็บไว้เล่าให้ตัวเองฟังอีกครั้ง เมื่อเวลาที่นึกถึง
ตอนนี้ ฉันมีเรื่องจะเล่าให้ฟังล่ะ

เมื่อต้นปีที่แล้วเห็นจะได้ มีโอกาสได้ไปโปรยหว่านเมล็ดพันธุ์ความสุข
ทางเหนือโน่นเพียงลำพัง เป็นโอกาสดีที่ได้ประสบ
ฉันได้เรียนรู้หลายสิ่งอย่าง โดยเฉพาะ "น้ำใจ" จากคนในแผ่นดินเดียวกัน

ภายหลังการเดินทางครั้งนั้น
ฉันก็ได้อีกหนึ่งโอกาส ที่จะได้ไปเรียนรู้อีกมุมของชีวิต
ชีวิตที่ต้องอยู่อย่างเท่าที่มี
ชีวิตที่ไม่มีทางเลือก
และชีวิตที่ไม่มีบัตร

สถานที่ท่องเที่ยวทีใครๆ ไปถ่ายรูปหน้าหนาว หมอกหนาจนน่าอิจฉา ไปไหว้พระชื่อดัง
ที่เป็นที่รู้จักของคนทั่วประเทศ ที่สำคัญเป็นที่สักการะและนับถืออย่างมากของชาวรามัญ หรือชาวมอญ


ครั้งแรกที่เหยียบสะพาน .. ฉันไม่แตกต่างจากนักท่องเที่ยวอื่นๆ
เดินถ่ายรูปสะพาน จากต้นทางจนสุดทาง
ชื่นชมหมอกหนา อากาศเย็นอย่างที่ใครๆ เขาก็ทำกัน
ระหว่างนั้น มีเด็กนักเรียนกลุ่มหนึ่ง
กำลังจ้ำอ้าวจะไปโรงเรียน ฉันหันไปยิ้ม และดูทีท่าเพื่อจะได้พูดคุยกันบ้าง
ตามประสาคนช่างจ้อ

เธอทักทายพร้อมยิ้มหวาน พอรู้คร่าวๆ ว่าเธอเรียนฝั่งกระโน้น ที่ต้องข้ามฟากไปและมีรีสอร์ทเยอะๆ
แต่เพื่อไม่ให้เธอโดนทำโทษเพราะไปสาย ฉันจึงไม่ได้รั้งเธอไว้

เราเดินเล่นแถวนั้นอีกพักใหญ่
เลาะๆ ไปตามถนนเล็กๆ ถัดจากสะพานไม้
ฉันไม่อิดออดที่จะเดินตาม เพราะความชอบอยู่ในตัว
ไปไหนไปกัน ตามหมู่บ้านละขอให้บอก ซ่อกแซ่กได้เสมอ

และแล้ว .. ฉันก็พบ
กลุ่มคนกลุ่มใหญ่ นั่งเสวนาออกรสชาติ ควันจากเตาทำกับข้าวโขมง
ทำให้อดสงสัยไม่ได้ ว่ามีงานอะไรหรือเปล่า
แต่สิ่งที่เห็นตรงหน้า มันน่าสนใจจนต้องขอเข้าไปเก็บรายละเอียด
แม้จะไม่ใช่เรื่องของเราก็เถอะ
ดีที่ครั้งนี้ ฉันมีเพื่อนมา ไม่งั้นคงไม่กล้าเข้าไปเดี่ยวๆ


ชายฉกรรจ์กลุ่มโตนั่งโจ้เหล้าท่ามกลางแดดแรง ทั้งหนุ่มสาว ผู้เฒ่า ป้าน้าอา และเด็กเล็ก
ท่ามกลางแสงแดดอ่อนทาบกลางวง สวยจนนึกว่าฝัน
เราค่อยๆ เดินเข้าไปช้าๆ พร้อมกล้องในมือที่พร้อมกดเก็บภาพสวย
โดยไม่ลืมที่จะขออนุญาต

"ขอถ่ายรูปหน่อยครับ"
แล้วเราก็เดินดุ่ยๆ เข้าไป ไม่สิ ฉันต่างหากที่เดินดุ่ยๆ เข้าไปที่กาละมังน้ำพริกก่อน


ทั้งกลิ่นทั้งหน้าตาของอาหารตรงหน้า ตรึงฉันติดกับที่เลยทีเดียว
สนทนาพาทีได้ความว่า
บ้านตรงหน้าเรากำลังมุงหลังคาใหม่ เพื่อนบ้านและพี่ๆ น้องๆ ก็เลยมาช่วย
ที่น่าดีใจไปกว่านั้น บรรดาป้าๆ ทั้งหลายก็มาทำอาหารเลี้ยงกินกันหน้าบ้านนี่แหละ
เหมือนเราเรียกว่า "ลงแขก" เวลาทำนาเกี่ยวข้าว ฉันแอบคิด

ทุกคนพูดคุยเป็นกันเอง ฉันแยกตัวออกมาเล่นและพูดคุยกับเด็กๆ
ขนมที่เอาติดมาด้วย เป็นของขวัญอย่างดีให้หนูๆ ได้แทะกินอย่างเอร็ดอร่อย


เด็กหญิงสุรนา .. ตัวน้อยกำลังหัดพูด
เดินมาให้ความสนใจกล้องที่ฉันถืออยู่และพยายามปีนขึ้นนั่งบนตักหรือให้อุ้ม
เธอจะเต้นตามจังหวะที่แม่เธอร้อง โยกไปๆ ไม่หยุด
พอบอกว่าจุ๊บๆ ก็ทำปากจู๋ จูจู๊บจนน่าฟัด


เรียกเสียงฮาได้เป็นระยะ
.
.

วันนั้น ไม่เพียงแต่เราได้เพลินกับมิตรน้อยใหญ่
เราโชคดีมาก
เราได้กินข้าวฟรี ..ฝีมือชาวมอญแท้ๆ
แกงกระเจี๊ยบเปรี้ยวได้ใจ น้ำพริกปลากระป๋อง ที่ปรุงเองใหม่เผ็ดสะเด็ดญาติ
จิ้มผักต้มที่ปลูกเองสะอาดหวานกรอบ
ฮังเลแบบกลมกล่อม แถมด้วยแกงมอญ (จำไม่ได้) เผ็ดได้ที่

เราได้คลุกวงในกันทีเดียว
ฮ่าๆๆ
คนมอญกินข้าวไม่ขัดสี และปริมาณเยอะทั้งผู้ชายผู้หญิง
ครั้งแรกที่ป้าตักข้าวให้ เราละล้าละลังว่าต้องไม่หมดแน่ๆ
ที่ไหนได้ .. ฉันนำไปก่อนเพื่อน
จะเติมอีกก็กลัวจะเดินไม่ได้
อิ่มจนจุก แต่อร่อยทุกคำ
พระเจ้า...จำรสอร่อยวันนั้นได้ไม่มีวันลืม

เรานั่งเล่นสักพักขอตัวกลับ
พี่ชายเจ้าของบ้านที่มุงหลังคาใหม่เรียกไว้ก่อน
...เขาหายไปไม่นาน
ลงจากบ้านมาพร้อมด้วยสร้อยประคำห้อยเหรียญหลวงพ่ออุตมะสองเส้น
แล้วบอกเราว่า "ให้"
เราตกใจ รับไว้ไม่ได้
แต่น้ำใจของพี่เขายิ่งใหญ่เกินกว่าเราจะปฏิเสธ
จึงรับไว้..
ขอบคุณพี่ "อองติน"
สำหรับน้ำใจ ให้กินข้าวฟรี แถมให้พระมาบูชา
แล้วบอกว่า "กลับมาเที่ยวอีกนะ"
.
.
ปลื้มใจบอกไม่ถูก
ไม่จบแค่นี้ น้ำใจยังมีอีกมากมาย
แอ๊ด.. เพื่อนหนุ่มของเราอาสาพาเราไปเดินดูสวนดอกไม้
ที่เค้าปลูกเอง
ไม่ไกลๆ อยู่ตรงนี้เอง ... แอ๊ดบอก


เราเดินตามไปอย่าว่าง่าย ไม่อยากให้เสียน้ำใจ ทั้งที่แดดแรง และอิ่มมาก = ='



สวยจริงๆ ความตั้งใจของแอ๊ดที่พาเราเดินดูสวนมันทำให้ฉันลืมความง่วงไปชั่วคราว

ความสุขครั้งนั้น ฉันจำไม่ลืมจนวันนี้
หลังจากการเดินทางครั้งนั้น
ฉันกลับไปอีกครั้งสองครั้งตามโอกาสจะอำนวย
มิตรภาพไม่เคยจางหาย .. ความปรารถนาดียังมีมาเสมอ
หัวใจพองโตทุกครั้ง ไม่ใช่แค่ได้ออกไปเที่ยว

แต่..
มันเป็นเพราะเหมือนฉันจะได้กลับไปบ้าน .. ที่จะเจอญาติและเพื่อนสนิท
ที่ต่างชนชาติ ..


บางคนไม่มีบัตรประชาชนด้วยซ้่ำ
เด็กบางคนไม่มีบัตร ไม่มีสิทธิ์ได้เรียนต่อสูงๆ
ก็ต้องทำงาน
ผู้หญิงออกเรือนกันแต่ยังเป็นสาวรุ่น เพราะไม่ได้ไปเรียนต่อ
ต้องไปทำงานโรงงานที่ราชบุรี นครปฐม หรือทำไร่ ดีหน่อยก็ทำรีสอร์ทระแวกนั้น
เขายังขาดบางอย่างที่ควรได้เพื่อดำรงชีพ

แต่สิ่งหนึ่งที่เค้าไม่เคยขาด
หัวใจที่เอื้อเฟื้อและน้ำใจของคนอาศัยในแผ่นดินเดียวกัน

ทุกครั้งที่ฉันไปเยี่ยม
พี่จะให้กินข้าวที่บ้าน คนมอญเค้าถือ
แม้ไม่ทำกับข้าว ก็ต้องออกไปซื้อข้างนอกมาเลี้ยง
กินกันดีที่สุดเลยทีเดียว
ฉันบอกพี่ๆ ป้าๆ ว่าจะกลับมาอีก ไม่มีวันลืม
เราแวะไหว้พระวัดเสด็จ
ตอนผ่านเส้นทางกลับ
ตอนนั้นยังก่อสร้างบางส่วนอยู่เลย




และเมื่อไม่นานมานี้ ฉันก็ได้กลับไปอีก
มีเรื่องราว เรื่องเล่ามากมาย
เอามาฝาก

แล้วจะมาเล่าให้ฟังนะ ..
จุ๊ๆ


อย่าเพิ่งไปไหนซะล่ะ

Views: 200

Comment

You need to be a member of PORTFOLIOS*NET to add comments!

Join PORTFOLIOS*NET

© 2009-2024   PORTFOLIOS*NET by CreativeMOVE.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service