อากงสอนว่า อาม่าบอกไว้ ตอนที่ 5

นานมาแล้ว ที่ฉันรู้สึกว่า
มีอะไรสักอย่าง เกิดมาพร้อมกับร่างกายของฉั

เป็นมวลอากาศ ที่ใครสักคน คงใส่ เกิน มาให้
จนทำให้ฉัน รำคาญใจ อยู่ร่ำไป…

มวลอากาศที่ว่านี้
มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ ว่า ความ Sensitive
หรือ อาการไวต่อความรู้สึก ( เกินไป)นั่นเอง

ที่น่ายินดีคือ
ทำให้เห็น สิ่งแปลกปลอม ที่เคลือบแฝงมา ในชีวิตได้ชัดเจน

แต่ที่แย่ ก็คือ
เมื่อไหร่ ที่ต้อง ทุกข์ ทรมาน
ก็คง ทวีคูณ เช่นกัน…

เหมือนตอนเปิดประตูบ้าน เพื่อรับอากาศบริสุทธิ์เข้ามา
จะรู้ไหมว่า อันตราย จะมาด้วยหรือเปล่า

แต่ในเมื่อ Package นี้ จัดมา เรียบร้อยแล้ว
ก็สมควร ที่จะเป็นมิตรกันไว้

สิ่งแรกๆ ที่ฉันพอจะทำได้ สมัยเด็กๆ

ก็คือ การค่อยๆ เรียงก้อนอิฐ ขึ้นมา ทีละก้อน
จนมันสูงขึ้น สูงขึ้น ...

ฉันสร้างกำแพง กับทุกๆ สิ่งที่เริ่มรู้สึกว่า
จะนำพาความทุกข์มาให้ในสักวัน

...ความรัก ก็เช่นกัน...

เมื่อ เริ่มเอะใจ ว่ามันไม่ใช่
ฉันก็ไม่ลังเล ที่จะ ชิ่ง หนี ทุกทีไป (",)

หรือที่ คุณ เสกสรรค์ ประเสริฐกุล บัญญัติ ประโยคไว้ว่า

" ผ่านพบ ไม่ ผูกพัน "

แต่มันไม่ใช่ทั้งหมด...

ความรักครั้งแรก ระหว่างชายหนุ่ม หญิงสาว
ใครเล่า จะเสแสร้ง ระแวง ลง

ในเมื่อ ความรัก มัน แลกมาด้วย ความรัก
เมื่อเราทำให้ใครเจ็บปวด เราก็ เอาความเจ็บปวด ของเราไปแลกมาด้วย เช่นกัน
( ถ้าทั้งหมดนี้ คุณไม่ได้ Fake นะ )

....................................................................................................................

" อาม่าจ๋า พอเรียนจบแล้ว เอ๋จะแต่งงานกับ พี่กิ้ม ล่ะ "

น้ำเสียงสดใส และ จริงจัง กล่าวขึ้น
ในวันที่ ฉันเรียนอยู่ มหาวิทยาลัย ปี 2

เย็นวันนั้น
ฉัน พาชายหนุ่มหน้าตาดี มีสัมมาคารวะ
มาทานข้าวด้วยกัน ที่บ้าน

บรรยากาศ น่ารัก

อากง อาม่า ไม่ได้เพ่งเล็งอะไรมาก
ทุกอย่าง ผ่านไป อย่างราบรื่น…

รักแรก ...
สวยงาม และยาก ที่จะลืม…

นักวิทยาศาสตร์ กล่าวหา ว่า เพราะ ฮอร์โมนโดปามีน ผูกมัดไว้เช่นนั้น

ฉันเพียง คาดเดาว่า
พวกเรา เห็นท้องฟ้า ใน องศาที่ ต่างกัน

รักครั้งแรก ของฉัน จบลง ในวันที่ ฉันใกล้จะจบชั้น ปี 4…

ซึ่ง ก็คล้ายๆ กับ Loop แรกๆ ของ หนุ่มสาวทั่วไป

สิ่งที่ฉันสัมผัสได้ นั้นสวยงาม เหมือนความฝัน
แต่ สิ่งเจือปน มันขุ่นข้น เกินไป

ทั้งการ ครอบครอง ทั้งความปรารถนา และ เรื่องการเมือง
ฉันหลงโง่ จับยึด เอาไว้หมด โดยคิดว่า มันคือ รัก

พระท่านว่า
" ยึดมั่น กับสิ่งไหน
เราก็ร้องไห้ กับ สิ่งนั้น "

แน่ ยิ่งกว่า แน่นอน !!!

ฉันร้องไห้
กับอาการที่เรียกกันว่า " อกหัก "

ฟังเพลงอะไร เข้าไป ก็ ไหลเป็นน้ำตา ออกมา

ข้าวปลา ไม่กิน

นอนนิ่งๆ ก็มีแต่ความคิด วิ๊งๆ วนๆ เวียนๆ

ความสามารถ ในการประมวลผล ทั้งสมอง และจิตใจ เดี้ยงไปชั่วคราว

คำว่า " หมดเรี่ยวแรง ในการดำเนิน ชีวิต " มันเป็นเช่นนี้เอง

คำพูดปลอบประโลมใจ จากใครๆ จะคม จะชัด แค่ไหน ก็ใช้การอะไรไม่ได้

เมื่อจิตใจไม่ไป ...ร่างกาย จะทานทน อย่างไรไหว


1 วัน 2 วัน ..5 วัน .... 1 สัปดาห์ผ่านไป


ฉันพาร่างกายไร้เรี่ยวแรง ย้ายจาก หอพักแสนเงียบเหงา
กลับสู่สถานที่ ที่คุ้นเคย

เมื่อฉันผลักประตู เข้าไป

กลิ่นยาหอม ยาหม่อง แบบเดิมๆ ก็ลอยมาแตะจมูก
เสียงเพลงสวดมนต์แบบจีน ยังเปิดค้างอยู่แผ่วๆ
สมุดอัลบั้มภาพ เก่าๆ วางเรียงอยู่ข้างๆตัว หญิงชรา ที่คุ้นชิน

อาม่า หันมา พร้อมกับรอยยิ้ม ที่อบอุ่นเช่นเคย

ช่วงเวลานั้น
อาม่า ของฉันไม่ค่อยสบาย อยู่มาก
แต่เพราะฉัน มัวใส่ใจ แต่เรื่องของตัวเอง
จึง ไม่ทัน ได้สังเกต
รู้เพียงว่า อาม่า ซูบผอมลง
และ น้ำเสียง ก็ดู หอบเหนื่อย...

ตรงกันข้าม

อาม่า เพียงแค่ มองมาที่นัยต์ตา ของฉัน

ความทุกข์ ความสุข เช่นไร ก็ ไม่สามารถ จะปิดบังไว้ได้ ...

น้ำตา ที่ฉันเก็บกลั้นเอาไว้
ค่อยๆ หลั่งไหล ออกมาอีกครั้ง

ไม่เคยเลย ที่ อาม่า จะพูดจา ว่ากล่าว ซ้ำเติม

ถึงแม้ เวลาปรกติ ท่านจะ ชอบพูดพร่ำ เจรจา สารพัดเรื่อง

แต่ในเวลาเช่นนี้ ท่านกลับ

นิ่งเงียบ

คำพูด อาจไม่จำเป็นนัก
แต่ฉัน กลับ รู้สึก ว่าในหัวใจที่เหือดแห้ง เริ่มมีน้ำชุ่มชื้น มาหล่อเลี้ยงอีกครั้ง

" ไอ๊ ข่าว จู่เข่า "
(ถ้าอยากร้องไห้ ก็ร้องซะให้พอ)

เมื่อ แววตาฝ้าฟาง คู่นั้นมองเข้ามา
และ มือ นุ่มนิ่ม หยาบย่น ค่อยๆ สัมผัส ที่เส้นผม

ทั้งหมด ที่ฉันพยายาม เข้มแข็ง เป็นผู้ใหญ่
ก็ ละลาย กลายเป็น เด็กน้อยฟันหรอ คนเดิม

" อาม่าจ๋า เอ๋เหนื่อย "

คำพูด ไม่มากคำนัก
แต่ ความรู้สึก นั้น พรั่งพรู

ฉันได้แต่ปล่อย ให้ สายน้ำ จากข้างใน เล่าเรื่อง ต่อไป

เวลาเย็นจนค่ำ วันนั้น...

ในขณะที่ ผ้าเช็ดหน้าผืนน้อย ไม่สามารถ ซึมซับอะไร ได้อีกต่อไป
เด็กน้อย ในร่าง หญิงสาว ก็ นอนหลับลง ...

จำได้แต่เสียงแผ่วๆแหบๆ

" อ๊าย อุ๊ก จู่ อุ๊ก . ไม๊คื้อ เสี่ย เตี่ยะ "
(ง่วงก็นอนซะ อย่าไปนึกอะไรมาก)

....................................................................................................................

เป็นเวลานานเท่าไหร่ ก็ไม่ทราบได้...
ที่ความฝัน มิได้ย่างกราย...

จนแสงแดด ของวันใหม่ ส่องเข้ามาบางๆ
ฉันได้กลิ่น ของเช้าวันใหม่แล้ว

แต่ร่างกาย ยังคงนอนอยู่ เช่มเดิม

เสียงแกรกกราก ที่หน้าต่าง ดังขึ้น

ฉันเอี้ยวตัว ไปมอง
" เจ้าสามสี นั่นเอง "

แมวน้อยหยุดเกา มุ้งลวด
แล้วส่งสายตา กลมแป๊ว มาสบ กับสายตา งุนง่วง ของฉัน

แล้วพูดขึ้นว่า " เมี๊ยววว "

รอยยิ้มแรก รับวันใหม่ ของคนกับแมว
ระบาย ขึ้นพร้อมกัน ^^

เมื่อสติ เข้าครอบครองปัจจุบันขณะ
เมฆหมอก ทั้งหลายนั้น ก็จาง หายไป


( เมื่อเรามองเห็น ความความกลัว ความกลัวนั้นจะหายไป
ความยึดติด และกิเลสต่างๆ ก็เช่นกัน
มอง ให้ เห็น เท่านั้น )


เช้านี้ ดูจะสดใส กว่าทุกวัน

ความชื้นสัมพัทธ ในหัวใจ วัดได้หลาย %

อาม่า เดินเข้าห้องมา ยิ้มให้
แล้วเรียกให้ลงไป เจี่ยะ ม้วย (ทานข้าวต้ม)

ฉันกำลังคุยกับแมว อยู่

" สามสีน้อย เมื่อตะกี้นี้ มันคืออะไรกันนะ "

( อาจเพราะ เวลา
อาจเพราะ น้ำตา
อาจเพราะ อาม่า
หรือ อาจเพราะแววตา ของเหมียวน้อย )

เจ้าสามสี บอกว่า
" เหตุผลไม่มี ตอนนี้ รู้สึกดี ก็พอแล้วนี่ "

เจ้าสามสี หันไปมอง [ ก้อนทึมทึบ ] บางอย่าง
ที่วางอยู่ข้างๆ ตัวฉัน

" นั่นอะไรน่ะ เอ๋น้อย "
ฉันหันกลับไปมองบ้าง…

" อ๋อ ไอ้เนี่ยเหรอ ฉันแบกมาหลายวันแล้วล่ะ หนักมากเลยนะ "

สามสี : " ตอนนี้มันกองอยู่ที่พื้นแล้วนี่ "

ฉัน : ใช่ [ ฉันเห็นแล้ว ] มันยังอยู่




Read more: http://www.portfolios.net/group/writers/forum/topics/2988839:Topic:549486#ixzz0kDAl688t

Views: 103

Comment

You need to be a member of PORTFOLIOS*NET to add comments!

Join PORTFOLIOS*NET

Comment by StarFall1 on May 1, 2010 at 10:35am
อันนี้ตอน5หรือ2ครับ

© 2009-2024   PORTFOLIOS*NET by CreativeMOVE.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service