อากงสอนว่า อาม่าบอกไว้ ตอนที่ 1


ในชีวิตแสนสั้น ของคนเรา

จะมีสักกี่ครั้งกัน ที่ได้เจอกับคนที่ "เรารัก" และ " รักเรา " ในคราวเดียวกัน

เป็นไปได้ไหม ที่ว่า พวกเราไม่เคย จากกันไปเลย

สิ่งที่ เป็น ตัวเรา ในวันนี้ ล้วน หล่อหลอม มาจาก คนที่เรารัก และ คนที่รักเรา

แม้ พวกเขา จะจากไป ไม่มีวัน กลับมาแล้วก็ตาม

เราทุกคน ต่างก็มี ครั้งแรกในชีวิต

น้ำตาหยดแรก ของฉัน คงเป็นแม่ ที่เช็ดให้

รอย ไม้เรียว บนน่อง ครั้งแรก คงเป็นพ่อ ที่ฟาดลงไป

ความสุข สงบนิ่งในใจ ครั้งแรกที่ไม่ลืม เป็น อาม่า ที่หยิบยื่นให้

ฉันรู้จัก สภาวะ ของ " สมาธิ " เป็นครั้งแรก ตอนเรียนอยู่ ป.2- ป.3

จากการที่ อาม่า " จ้าง " บ้าง " หลอกล่อ " บ้าง

ให้ฉันช่วย คัดลอก บทสวดมนต์ ภาษาจีน ( คนจีนแต้จิ๋ว เรียกว่า เก็ง )

เพราะว่า ตัวหนังสือมันเล็กมาก

อาม่า แก่แล้ว ตามองไม่ค่อยเห็น

ตลอด ช่วงปิดเทอมใหญ่

ฉันนั่ง คัดลายมือ ภาษาจีน แทบทุกวัน

ซึ่งแน่นอนว่า มันไม่สนุกเลย สำหรับ เด็กๆ

แต่เพราะว่า อาม่า ชอบทำตัวน่าสงสาร และ แถมมีสตางค์ มีของเล่น

มาหลอกล่อตลอด ฉันก็เลย อดทนทำไป

บ่นบ้าง งอนบ้าง

แต่ก็ยังทำไปตลอด

เขียนไปเรื่อยๆ

ทุกๆ วัน

สุข ก็ทำ ทุกข์ ก็ทำ ( ภาษาทางธรรมเรียกว่า อุเบกขา หรือ การวางเฉย)

จนในที่สุด เมื่อจิตนิ่งเข้าไป ในตัวหนังสือแต่ละตัว

มันก็สงบ และมีความสุข อย่างประหลาด

ตอนนั้น ฉันยังเด็กมาก

อธิบาย อะไรไม่ถูกหรอก

รู้แต่ว่า พอจำสภาวะ ได้แล้ว

หลังจากนั้น

ไม่ว่า จะต้องทำเรื่องอะไร

จะยาก จะง่าย

จะเกลียด จะชอบ แค่ไหน

ถ้ามัน จำเป็น

ฉันก็แค่ ทำไปเรื่อยๆ

เพราะ มั่นใจแล้วว่า

ถ้าจิตใจ มันนิ่ง กะสิ่งนั้นๆ ไปเรื่อยๆ

เดี๋ยว สภาวะ สุข สงบ แบบนั้น ก็ต้องมาแน่ๆ

( หรือที่เค้าเรียก กันว่า สมาธิ นั่นแหละ )

และ นี่ก็คือ "หัวใจ" ของการเรียนเลยทีเดียว

ฉันเพิ่งมารู้ซึ้งตอนโตว่า

อาม่าของ ตัวเอง จิตวิทยาสูงมาก

ที่สอน สมถะกรรมฐาน ( ยังไม่ใช่วิปัสสนา) ทางอ้อม

ให้แก่เด็ก ตัวเล็กๆ ได้รับไปโดย ไม่รู้ตัว

ต่อมาอีกไม่นาน พอฉันเริ่ม หัดเขียนพู่กันจีน

อาม่า ก็มา อ้อนให้เขียน ลอก จาก บทสวดอีกตามเคย

( อ้างว่า ตัวพิมพ์ มันแข็งทื่อ ไม่สวยเลย ม่าไม่ชอบ )

ถ้าใคร ที่เคยลองหัด เขียนภาษาจีน หรือ วาดรูปด้วยพู่กัน จะเข้าใจ

ว่า ความใจร้อน หงุดหงิด ของเรา มันจะฟ้องออกมา ที่ลายเส้น

และที่โหดร้าย ก็คือ มันลบกันไม่ได้

ผิดแล้วก็ต้องทำใหม่หมด -__-"

เขียนมา ดีๆ ทั้งหน้า มาเขียนเละ เขียนซึม ตัวสุดท้าย .. ก็หมดกัน

สิ่งนี้ เป็นกระจก สะท้อนให้เห็น จิตใจ ของเรา

ว่า ขณะนั้นเป็นอย่างไร พลุ่งพล่านแค่ไหน หยาบกระด้าง หรือละเอียดพอแล้ว

พอโตขึ้น เวลาที่ ฉันอยู่ในสภาพ ที่ งง เบลอ นอย อะไรก็ตาม

ก็แค่ หยิบพู่กัน กระดาษ + น้ำหมึก ออกมา

แล้วก็ ละเลง ลงไป

เดี๋ยว ก็เห็นเอง จิตใจ ของเรา

ยังมีต่อ อีกหลายตอน 555+



Read more: http://www.portfolios.net/group/writers/forum/topics/2988839:Topic:524114#ixzz0kD6ct3RL

Views: 177

Comment

You need to be a member of PORTFOLIOS*NET to add comments!

Join PORTFOLIOS*NET

Comment by RAYNUN on April 7, 2010 at 8:35am
สวยหรือเปล่า ก็แล้วแต่ใครมอง
ถ้า เราชอบ มันก็สวยแล้วล่ะ
Comment by Chronos on April 6, 2010 at 7:45pm
มันเป็นเทคนิค ที่ต้องฝึก
แต่สวยหรือไม่สวยอันนี้ต้องให้คนดูเก่งๆดูอีกทีครับ

Raynun เขียนพู่กันจีนเป็นด้วยหรือครับ
Comment by RAYNUN on April 6, 2010 at 4:51pm
เวลาเขียนต้องยกข้อศอกไม่ให้ติดโต๊ะ
ตวัดปลายพู่กันให้เป็นเส้นเดียวไม่ขาดช่วง เขียนสักพักจะปวดนิ้วและแขนมากครับ
แต่ว่า ออกมาแล้วเป็น ลายเส้นที่สวยมาก เลยใช่มั้ย คะ ^^
Comment by Chronos on April 6, 2010 at 3:50pm
จริงครับ การที่เราจะพบคนที่รักและรักเราในคนคนเดียวกัน นับเป็นสิ่งที่ยากยิ่ง

เพื่อนผมเขามีอาชีพเขียนตัวหนังสือจีน เวลาเขียนต้องยกข้อศอกไม่ให้ติดโต๊ะ
ตวัดปลายพู่กันให้เป็นเส้นเดียวไม่ขาดช่วง เขียนสักพักจะปวดนิ้วและแขนมากครับ
Comment by RAYNUN on April 6, 2010 at 11:10am
ที่นี่ กับใน Thai writers club
เนี่ยต่างกัน ตรงที่ มันอยู่ คนละที่กัน น่ะเหรอ
คือ แล้วแต่ เราว่า ชอบเอาไปแปะ ตรงไหน ใช่ไหมอะคะ
ใครก็ได้ บอกทีน้า -_-"

© 2009-2024   PORTFOLIOS*NET by CreativeMOVE.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service