การตกผลึกทางความคิดเมื่อเราโตขึ้น การมองสิ่งรอบตัวแล้วความคิดไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ไปค้นๆ
บลอกเก่าๆเมื่อปี 2549 ใน msn
space สมัยยังตั้งมั่นกับอะไรที่ไร้หวังสักหนึ่งอย่าง
อ่าน แล้วก็ขำตัวเองว่าน้ำเน่าได้ใจ
จริงๆ ยังมีอีกหลายอัน
ไว้เดี๋ยวจะเอามาเล่าๆให้ฟังกันต่อวันหลัง รองานเสร็จ
วันนี้ เอาสองอันนี้ก่อน ... อันนี้ชอบ ตอนนั้นอารมณ์ไหน คิดได้ไงวะเนี่ย
ฮาาาาา
_____________________________________________________

02 กุมภาพันธ์

Site or Program

The Program....
ชายคนหนึ่ง คิดว่า การรดน้ำลงบนทรายวันละหลายๆหน จะทำให้ทราย ผสม รวมกับน้ำ
เกิดเป็นทรายอัดที่แน่น และ
แข็งแรงเหมาะกับการรับน้ำหนักฐานรากของสิ่งก่อสร้างตามหลักมาตรฐานก่อสร้าง
อาคารและสิ่งปลูกสร้างของสถาปัตยกรรมโดยทั่วไป...
The Site....
ชายคนเดียวกันมอง ภาพนั้นออกมาในมุมกว้าง แล้วก็พลันพบว่า
ทรายจุดที่เขาได้เพียรพยายามรดน้ำลงไปนั้น ... มันคือ ทะเลทราย ...
กว้างใหญ่ แห้งแล้ง พายุลมแรง
ที่สุดแล้วไม่มีทางที่น้ำอันน้อยนิด(ที่เขาอาจคิด ว่ามันเต็มที่ที่สุดแล้ว)จะสามารถทำให้ทรายในบริเวณอันกระจ้อยร่อยจากมุมมอง
ที่แคบๆในครั้งแรกนั้นเกิดปฏิกิริยาตอบสนองอะไรขึ้นมาได้เลย
ซึ่งจริงๆแล้วแค่ การคิดจะสร้างสรรค์ผลงานในที่แห่งนี้ก็ผืดแล้วด้วยซ้ำ

ถ้าเป็นการทำวิทยานิพนธ์ในงานสถาปัตยกรรม คงมีอยู่สองประโยคที่ชายคนนี้จะได้รับตามมาจากอาจารย์ที่ปรึกษา

เปลี่ยนsite เถอะ ... เลือกทำโครงการที่เป็นไปได้ดีกว่า

กับ

เปลียนProgramเถอะ ..site แบบนี้มันออกแบบหมือนทั่วๆไปไม่ได้หรอก

......

ทำให้นายวรฤทธิ์นึกย้อนไปถึงคำถามของผู้ช่วยศาสตราจารย์ พรพรรณ ฟูตระกูล :อาจารย์ประจำภาควิชาภูมืสถาปัตยกรรม
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลั้ย

ที่ได้พูดขึ้นเมื่อนายวรฤทธืตัดสิน ใจที่จะทำโครงการศูนย์กลางคมนาคมหัวลำโพงไว้ว่า

" วรฤทธิ์ ... เธออยากจบพร้อมเพื่อนปีนี้ หรือ อยากทำต่อปีหน้าล่ะ "

นั่นสินะ .... ตอนนั้นนายวรฤทธิ์ตอบตัวเองไว้ว่ายังไงหว่า ...

แล้วชายคนนี้ล่ะ จะตอบแบบเดียวกันมั้ย...

Surrender the Site

or

Challenging the Program

...

..

.

_____________________________________________________________

09 มีนาคม

... แค่หันหลัง ...

ทำไมคนเราต้องเดินไปข้างหนัา
ทำไมต้องสั่งสอนกันมาว่า เราต้องเดินไปข้างหนัาเท่านั้น
มันคงเป็นสัญชาติญาณของมนุษย์ สินะ
ทั้งๆที่เราก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ที่ข้างหน้านั้น จะเป็นอย่างไร
แต่เราก็พยายามจะไปข้างหน้า เพราะแค่ต้องการอยากรู้ว่า
สิ่งลมๆ แล้งๆ ที่เรียกว่า ข้างหน้า

นั้นจะทำให้เรามีความสุขได้อย่างที่เราหวังหรือไม่

แล้ว่ถ้าเราฝืน มันล่ะ

....ถ้า หันหลังมันจะเป็นยังไง

อืมมม ....นั่นสิ จะเป็นยังไง



แต่สำหรับนาย วรฤทธิ์ ณ เวลานี้นั้น...


ใช่ ... เขากำลังเดินไปข้างหนัา

ข้างหน้าที่เหมือนจะเคยมีแสงสว่าง

ข้าง หน้าที่เหมือนจะไม่ลมๆแล้งๆ

แต่... เอ้ะ

่ทำไมแสงสว่างจู่ๆก็หายไป ....

หรือเป็นเพราะเขาไม่สามารถเดินได้ ด้วยความเร็วเท่าแสง?....

เหนือ่ยจัง ....

ขอให้แค่หัน หลัง

เท่านั้น ....

ก็จะทำให้คนอีก หนึ่งคนได้พบกับสิ่งลมๆแล้งๆ

หยุดการรอคอย หยุดความคาดหวัง
แค่ หันหลัง...

เพียงแค่หัน หลัง

ทำไมมันยากอย่างงี้วะ!!

__________________________________________________

ไงเล๊าาาาาา เน่าสราดอ้าาาาาาา

ฮา ว่ะ

ไว้อาลัย เพราะเบียร์คนนั้นมัน ตาย
ไปแล้ว

ฮ่าฮ่าฮ่า








siriyakorn2521 wrote on Mar 23
อาจาร์ยคง ยังไม่เคยรู้ว่าเขาเอาทรายไปถ้มที่มหาสมุืทแล้วสร้างเป็นประเทศต่างๆ
ได้แล้วแล้วขายในราคาที่มหาเศรฐีเท่านั้นถึงจะมีปัญญาอยู่ได้ขายไปเกือบหมด
ทุกประเทศแล้วด้วยแล้วก็มีคนไปอยู่จริงๆได้ด้วย
ถ้าเราไม่เปลี่ยนความคิดว่าอะไรก็เป็นไปไม่ได้
ให้มันเป็นไปได้แล้วโลกนี้จะมีอะไรแปลกใหม่ได้อย่างไร
เราไม่อาจเปลี่ยนความคิดใครได้แต่เราสร้างความคิดของเราให้ใหม่อยู่เสมอได้
"เปลี่ยวความคิดชีวิตก็เปลี่ยน"

utcc1999 wrote on Mar 23
ได้ประสพเหตุเยี่ยงนี้มา อ่านแล้วก็จะเดินหน้าหรือหยุดดี ซึ่งหยุดกะถอยหลังเนี่ย มันไม่ค่อยต่างกัน
แต่พอมาเจอสโลแกน "เปลี่ยนความคิดชีวิตก็เปลี่ยน" ก็ยังไงดี
เราสร้างความคิดของเราให้ใหม่อยู่เสมอได้
แต่การที่จะให้คนรอบข้างยอมรับนี่เดะ ยังไง???
siriyakorn2521 wrote on Mar 24
ได้ประสพเหตุเยี่ยงนี้มา อ่านแล้วก็จะเดินหน้าหรือหยุดดี ซึ่งหยุดกะถอยหลังเนี่ย มันไม่ค่อยต่างกัน แต่พอมาเจอสโลแกน
"เปลี่ยนความคิดชีวิตก็เปลี่ยน" ก็ยังไงดี
เราสร้างความคิดของเราให้ใหม่อยู่เสมอได้
แต่การที่จะให้คนรอบข้างยอมรับนี่เดะ ยังไง???
เราไม่สามารถทำให้ทุกคนพอใจในสิ่งที่ เราทำได้หลอกน่ะ แต่สิ่งที่เราทำก็ต้องไม่ทำให้ใครลำบากหรือเดือดร้อน
ผู้ ที่คิดสร้างหอไอเฟ่ว (เขียนไม่ถูกคงเข้าใจ) ก็โดดคนเกือบค้อนประเทศด่าว่า
ว่าสร้างอะไรไม่เขาท่าไม่เห็นประโยทช์ของสิ่งที่เขาคิดและสร้างมันขึ้นมา
แล้วลองดูสิว่าปัจจุบันมันสำคัญกับประเทศของเขาขนาดไหนและทำเงินได้ปีละเท่า
ไหรใครที่มาเมืองนี้ไม่ได้ไปที่หอไอเฟ่วก็มาไม่ถึงสิ่งสุดยอดของประเทศนี้
ถ้าเขาคิดอยู่ในกรอปที่คนอื่นใ้ห้คิด โลกนี้จะมีหอไอเฟ่วไหม ? ได้อีกคำ "
คิดนอกกรอป "
ปฎิหารไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญเท่านั้น มันอยู่ที่การลงมือทำมัน อดทน และมุ่งมั้นทำอย่างต่อเนื่องด้วย
หอไอเฟ่ว ไม่ได้สร้างเสร็จได้ภายในวันเดียว
แล้วคิดว่าคุณทำความฝันวันเดียวมันจะสำเร็จไหม ?
คนรอบข้างที่เขาจะยอม รับหรือไม่ยอมรับเราก็อยู่ที่ว่าเรามีความสามารถทำให้เขาเชื้อมั้นในความ
เป็นเราได้มากแค่ไหน
มันก็มีคนอยู่ไม่กี่ประเภทหลอกที่อยู่รอบตัวเรา
1
คนที่เขาอิจฉาไม่อย่างเห็นใครไ้ด้ดีกว่าตัวเองและคอยดึงเราให้ตกลงมาแล้วกระ
ทืบซ่ำถ้ามีโอกาส
(ข้อนี้เจอทุกวัน ตลอด 7 ปีที่ทำงานอยู่ที่นี้)
2 คนที่เฉยๆ กับเราทำไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไร ทำสำเร็จก็ดีใจด้วย
3 คนที่คอยช่วยเหลือให้กำลังใจ ให้คำปรึกษา
บ้างครั้งบางคนคำพูดอาจไม่ถูกใจแต่มันก็ได้แง่คิดที่ดี
มันก็ขึ้นอยู่กับ ตัวเราว่าเราจะเลือกฟังใครพูดล่ะ
และตัวสินใจว่าเราจะทำอย่างไรกับชีวิตนี้ดี
ชีวิตและความฝันมันเป็นของ เรา ไม่มีใครหายใจแทนเราได้หลอกน่ะ
utcc1999 wrote on Mar 24
ขอบคุณที่สุดค่ะ สำหรับข้อคิดเห็น โดยเฉพาะ "ไม่มีใครหายใจแทนเราได้"
,รับรองทำแต่สิ่งที่ถูกที่ควร ไม่มีใครเดือดร้อนชัวร์

Views: 2383

Comment

You need to be a member of PORTFOLIOS*NET to add comments!

Join PORTFOLIOS*NET

Comment by noodang on April 21, 2010 at 9:43pm
ค่ะ สิ่งที่แน่นอนที่สุดคือสิ่งที่ไม่แน่นอน

© 2009-2024   PORTFOLIOS*NET by CreativeMOVE.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service