ความจริงไม่รู้ว่าซ้ายหรือขวา แต่ที่แน่ๆไม่ได้ตรงไป จะว่าไม่ได้ตรงก็คงไม่ถูกอีกนั้นแหละ เพราะตรง...ตรงกับใจ
ชีวิตทีอยู่บนทางแยกแห่งความสับสนมานาน...ซ้ายก็อยากก้าว ขวาก็น่าสน ตรงไปก็แสนจะง่าย กลับกลายเป็นอยู่กับที่และจมอยู่กับความคิด อันว่างเปล่า...
แต่วันนี้ในที่สุดก็เริ่มก้าวสักที ความจริงแล้วจะก้าวซ้ายก้าวขวา ก้าวหน้า หรือก้าวหลังก็ไม่สำคัญอะไร แค่เริ่มก้าวไป...
มันก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิดนะ เพราะสิ่งที่ยากที่สุดมันอยู่ในคำว่า "จะ" ไปแล้ว
เรายังไม่มีทางรู้ว่ามันถูกมันผิดด้วยซ้ำกับก้าวแรก ไม่อย่างนั้นไอสไตล์คงไม่ต้องทดลองเป็นพันรอบจนเจอทฤษฎีสัมพันธภาพ สส.บางคนที่ไม่มีแบ็คทรงพลังคงไม่ต้องสอบตกเป็นหลายสิบรอบกว่าจะได้ไปนั่งในสภาหรอก(อุ๊ยเข้ามาเรื่องการเมืองได้ไงเนี่ย)
ฉันมักเร่งรัดชีวิตอยู่เสมอ กับคำว่าใช่ ไม่ใช่ อยาก ไม่อยาก ตลอดชีวิต
แต่เอาเข้าจริงแล้วโลกกลับเดินช้ากว่าที่คิด...
บางทีเราก็รีบร้อนเกินไปกับการ ไล่ล่าหาความฝัน หาสิ่งที่อยากทำไปตลอดชีวิต
วันนี้พอได้ก้าวไปในทางที่ใจอยากจริงๆ กลับรู้ว่างานที่อยากทำนั้นมันไม่ได้สำเร็จรูปเหมือนมาม่า ที่พอสามนาทีก็ได้รู้รสชาติ ตัดสินกันไปเลยว่าจะกินต่อหรือไม่กิน...ทุกอย่างมีเงื่อนเวลาของมันเอง และมันกลับมีเวลาว่างพอที่จะได้อ่านชีวิตดีๆของใครหลายๆคน ที่เค้าไม่ได้ยืนอยู่บนโลกที่พยายามหาคำอธิบายของสิ่งต่างๆโดยยืนอยู่เฉยๆ แต่เค้าทำสิ่งต่างๆและซึมซับความหมายของมันทีละเล็กทีละน้อย
พอนึกถึงประเด็นที่ฉันมักจดจ่อ...ตลอดชีวิต
เวลาฉันทำอะไรมักมีคำถามที่ว่า.."ฉันจะทำสิ่งๆนี้ไปตลอดชีวิตได้มั๊ย"
ซึ่งในแต่ละโมเมนท์ที่แตกต่างกัน คำตอบที่ได้ก็มักจะแตกต่างตามไปด้วย เกิดไปถามตัวเองในเวลาที่เซ็งกับงาน
ก็อาจเป็นอันต้องจบกับงานนั้นไปอย่างดื้อๆ
ประเด็นนี้ชวนให้นึกถึงเพื่อนช่างภาพคนหนึ่งที่ตอนนี้มีผลงานโดดเด่นเป็นที่ประจักรในวงการ
...night life photographer เค้าเริ่มทำมันด้วยใจรัก ทำไปเรื่อยๆจนเป็นอาชีพ แต่ตอนนี้กลับบ่นว่าเบื่อแล้ว
เพราะบางทีก็ไม่อยากไปทำแต่ต้องไป เพราะมันคืออาชีพ
ขนาดงานที่รักและทำได้เป็นอย่างดียังมีแง่มุมที่น่าเบื่อหน่ายในตัวของมันเอง
คล้ายๆกับอาหารจานโปรด ที่บางทีก็เบื่อที่จะกินมัน อยากลองกินอะไรใหม่ๆดูบ้าง
และคงไม่แปลกอะไรที่ตลอดชีวิตของคนจะลองผิดลองถูก จนถูกใจและถูกกาย
หมายถึงใจก็อยากทำและกายก็ต้องอิ่มพร้อมที่จะทำในสิ่งที่ถูกใจ
และคงต้องให้เวลากับมัน ฝึกฝนและพัฒนาตัวเอง...
มันก็น่าแปลกที่เด็กจบปริญญาแล้วอย่างฉันกลับยังไม่ยอมหางานทำสักที
ข้อนี้ฉันค่อยข้างจะละอายต่อพ่อแม่เลยทีเดียว
แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงชิลอยู่กับทางแยกแห่งความสับสน
จนได้ก้าว...แม้ก้าวนี้จะไม่มีเงินที่พอจะบรรเทารอยชราแห่งความเป็นห่วงจากคนทางบ้านได้
แต่มันกลับเป็นแรงผลักดันให้ฉันได้รู้ว่าวิธีไหนบ้างที่จะทำให้พ่อแม่อุ่นใจได้ในเร็ววัน
แม้มันจะเข้าใจยาก และโอกาสไม่ได้มีสำหรับคนปากเก่ง
สิ่งเดียวที่ยังเชิดหน้าทำงานโดยไดรับสิ่งตอบแทนคือประสบการณ์ คือต้องมั่นใจ(ในทางที่เลือก) ใจดีสู้เสือเอาไว้ก่อน
นั่นคงทำให้สายตาตั้งคำถามของใครหลายๆคนเริ่มจางลง หรือไม่เราก็อาจจะชินกับสายตานั้นไปเอง
มีประโยคนึงที่ประทับใจหลังจากได้รับงานชิ้นแรกที่ได้ฝึกคือ...การอ่าน
"แรงบันดาลใจคือสิ่งที่ทำให้โลกยังคงหมุนต่อไป"
มันเหมือนเป็นสิ่งเร้าที่ทรงอิทธิพล คล้ายๆแรงบันดาลใจของเครื่องบินคือนกอะไรทำนองนั้น
วันแรกความจริงฉันก็ยังพูดอะไรไม่ได้มาก
มันไม่ได้ฉูดฉาดเหมือนกลางวัน
มันกลับราบเรียบเหมือนราตรีกาลที่ผู้คนหลับไหล เงียบพอที่จะได้ยินเสียงบางเสียงในหัวใจ...
และมันก็ไม่ถึงกับประทับใจ และฟันธงว่าเป็นอาหารจานโปรด แค่รู้สึกดีพอที่มีแรงบันดาลใจทำให้อยากบ่นเป็นตัวหนังสือ
จะมีก็แต่ความเกือบจะถอยหลัง...(แอบเล่าให้ฟัง)
...เรื่องสั่น(มาก)หลัง11นาฬิกา
"วันนี้ฉันตื่นจากเตียงด้วยก๊อกแก๊กของลูกบิดประตู คงเป็นเสียงเปิดประตูสำรวจความเรียบร้อยธรรมดาของคุณป้า และปกติคงไม่สั่นสะเทือน ไปถึงกระดูกค้อน ทั่ง โกนของฉันได้ ถ้าวันนี้ไม่ใช่.."วันฝึกงานวันแรกกกกกกกกกกกกกกกก!!!"พระเจ้า!!!! ฉันรีบกระเด้งตัวขึ้นจากเตียง อากาศข้างนอกสะลึมสะลือราวกับเช้าตรูที่ผ่านกลางคืนที่มีฝนตกพรำๆ ทันใดนั้นสายตาก็พลันกระทบเข้าอย่างจังกับเข็มนาฬิกาสั้นยาว ที่ไม่ต้องใช้เวลาประมวลผลมากนักก็รู้ว่านาฬิกาบอกเวลา 10 โมงตรง อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก "ปวดหัว ปวดท้อง ท้องเสีย รถเสีย ทำธุระ โอ๊ย ไรดีๆๆ" ความประทับใจแรกจบสิ้น ถ้าไปทำงานจริงคงโดนไล่ออก ฮื่ออออ หยุดความคิดเหล่านั้นแล้วดิ่งไปยังห้องน้ำ อาบแบบสำเร็จรูป..สามนาทีไม่ต้องต้ม! คงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว และนี่ไม่ใช่ซีรีย์เกาหลี ที่นางเอกไปทำงานวันแรกสายแล้วพระเอกเกิดตกหลุมรัก มีแต่นรกเท่านั้นที่รออยู่ และคำแก้ตัวคงไม่สามารถปกปิดแววตาที่เพิ่งตื่นจากนิทราได้...วันนี้ฉันเลือกเดินทางด้วยวิธีที่ประหยัดที่สุด ตลอดระยะเวลากว่าจะถึงที่ฝึกงานก็เป็นชั่วโมง เจอคนเป็นร้อยที่เค้าตื่นเช้ามาทำงาน หาเลี้ยงตัวเองและครอบครัว แต่ฉันสิกำลังตามหาฝันด้วยสองมือเปล่า...คุณป้าหน้าปากซอยต้มไก่ได้สวย พอๆกับข้าวสวยมันๆของเธอที่ไม่เป็นรองใคร เธอเลยเลือกขาย"ข้าวมันไก่" คุณลุงขับรถเป็นมาพร้อมสองแถวคู่ใจ เก็บตังค์ได้วันละเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ฉันแค่รู้ว่าชอบเขียน แบบที่ไม่รู้ว่าพื้นที่ไหนจะรองรับงานบ่นของฉันบ้าง...ดันตื่นสาย!"
มีพี่ที่ทำงานเอ่ยอ้างสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมาและเท่าที่ฉัน(แอบ)จับใจความได้เค้าเอ่ยไว้ว่า
"ไม่เห็นต้องมีฝัน หรือทำตามฝันก็ได้ แค่รู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่มันมีความสุข รู้สึกดีที่ทำก็พอ"
วันนี้ฉันไม่แน่ใจว่าทำตามฝันหรือความรู้สึกดี
และไม่แน่วันหนึ่งฉันอาจต้องกลับมาในทางแยกแห่งความสับสนอีกก็เป็นได้
แต่วันนั้นฉันคงจัดการกับมันได้รวดเร็วและถูกต้องมากขึ้น...
© 2009-2025 PORTFOLIOS*NET by CreativeMOVE.
Powered by
You need to be a member of PORTFOLIOS*NET to add comments!
Join PORTFOLIOS*NET