ถ้าไม่รักเธอแล้วววววว ... จะให้ไปรักแมวที่ไหน

"คิดถึงแม่ขึ้นมา น้ำตามันก็ไหล อยากกลับไป ซบลงที่ตรงตักแม่"

นี่คือเพลงที่อิชั้นได้ยินในขณะที่เขียนBlogนี้อยู่

วันนี้ 12 สิงหาคม วันแม่แห่งชาติ จึงไม่แปลกที่หลายๆสถานนีจะเปิดเพลงที่ระลึกถึงพระคุณคุณแม่

เมื่อคืนอิชั้นได้รับชมรายการ "ตีสิบ" ค่ะ ในช่วง "ดันดารา"

และเมื่อคือผู้เข้าแข่งขันช่วงนี้ คนนึงเป็นผู้พิการทางสายตา และ อีกคนมีพ่อและแม่เป็นผู้พิการทางสายตา ค่ะ

อิชั้นขอพูดถึงน้องที่เป็นผู้พิการทางสายตาก่อนนะคะ

น้องคนนี้เป็นผู้ชายค่ะ (หมายเลข 2) เปิดตัวด้วยเพลง "อิ่มอุ่น"

น้องไม่ได้เป็นผู้พิการทางสายตาแต่กำเนิดค่ะ แต่พิการเพราะอุบัติเหตุตอน7ขวบ(หรือ9ขวบหว่า อิชั้นก็ไม่แน่ใจ)

แต่น้องเค้าก็ไม่เคยท้อค่ะ ไม่ว่าจะเป็นท้อแท้หรือท้อถอย

น้องเค้าสอบชิงทุนได้ไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษค่ะ โดยเค้ามีความฝันที่จะเรียนให้จบปริญญาเอก

อิชั้นดูแล้วชื่นชมเด็กคนนี้ค่ะ ยอมรับว่าน้องเค้าเก่ง มีกำลังที่ดีมากจริงๆ

แต่ผู้ที่น่าชื่นชมอีกท่านคือคุณแม่ของน้องเค้าค่ะ

ผู้ที่ให้กำเนิด ลูกชายคนเดียวที่ตัวเองได้คลอดออกมาครบ32

อยู่มาวันนึงต้องมาสูญเสียดวงตา ซึ่งเป็นหนึ่งในอวัยวะที่สำคัญมากในร่างกายไป

แน่นอนว่าในตอนนั้นตัวคุณแม่คงเจ็บไม่น้อยไปกว่าน้อง

ไม่นานคุณพ่อของน้องเค้าก็แยกทางกับคุณแม่และไปมีครอบครัวใหม่ (ทุกคนต่างมีเหตุผลของตัวเอง)

ตั้งแต่ตอนนั้นคุณแม่ก็ทำหน้าที่เป็นทั้งคุณแม่และคุณพ่อที่สำคัญยังเป็นดวงตาให้กับน้องไปพร้อมๆกัน

หญิงแกร่งค่ะ การที่จะทำแบบนี้ได้"จิตใจ"ต้องแกร่งมิใช่น้อย

กว่าจะมาถึงจุดจุดนี้ น้องและคุณแม่คงฝ่าฟันมามาก กำลังใจสำคัญมาก

เป็นครอบครัวเล็กๆ(มีสมาชิกเพียง3คน)ที่น่ารักและควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างค่ะ

ถ้าไม่นับรวมดวงตาที่ปิดสนิทคู่นั้นแล้ว น้องไม่มีส่วนไหนที่พิการเลย

ไม่ว่าจะเป็นความมั่นใจ ความสามารถ หรือบุคลิกภาพ ทุกอย่างperfectค่ะ

คงต้องขอยกย่องความดีเหล่านี้ให้กับคุณแม่ ... หญิงผู้ไม่เคยท้อ และ กำลังใจที่สำคัญของน้อง

ส่วนน้องหมายเลข 1 (อิชั้นอยากนำเสนอมากเป็นพิเศษ) เป็นน้องผู้หญิงค่ะ

น้องเปิดตัวด้วยเพลง "ค่าน้ำนม"

น้องเป็นคนที่มีน้ำเสียงดีมากๆ (ลองไปหาคลิปตามyoutubeดูนะคะ)

น้องไม่ได้เป็นผู้พิการค่ะ เกิดมาครบ32

แต่น้องมีคุณพ่อคุณแม่พิการทางสายตาทั้งคู่ค่ะ

อึ้งมั้ยค่ะ ผู้พิการทางสายตาสองคนเลี้ยงดูเด็กหญิงผู้เป็นลูกได้

คุณแม่น้องเค้าเยี่ยมมากค่ะ

ถึงแม้จะไม่มี"ดวงตา"ที่มองเห็นการเจริญเติบโตของลูกตัวเอง

แต่คุณแม่ใช้ "ดวงจิต" เพื่อมาเลี้ยงดู "ดวงใจ"

ลองคิดตามอิชั้นนะคะ

ขนาดคนธรรมดาที่ร่างกายทุกอย่างพร้อม

การเลี้ยงลูกคนแรกมันไม่ง่ายเลย(ไปเห็นเพื่อนเลี้ยงลูกมา เหนื่อยมากๆ)

การอุ้ม การให้นม เปลี่ยนผ้าอ้อม และ อาบน้ำ

คุณแม่น้องเค้าทำได้ค่ะ (ทั้งที่ดวงตามองไม่เห็น เยี่ยมมั้ยล่ะ)

สัญชาติญาณของความเป็นแม่ไม่เคยหายไปจากสิ่งมีชีวิตทุกสายพันธุ์

ไม่เพียงแค่เลี้ยงดูให้น้องเค้าโตขึ้นมาได้โดยมีร่างกายที่สมบูรณ์

คุณพ่อและคุณแม่น้องเค้ายังเลี้ยงน้องให้มีจิตใจที่สมบูรณ์ด้วย

น้องบอกว่าไม่เคย"อาย"ที่มีคุณพ่อคุณแม่เป็นผู้พิการทางสายตา

ที่น้องพูดเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วค่ะ

ไม่เพียงไม่น่าอาย ยังภูมิใจด้วยค่ะ

เพราะท่านทั้งสองมีความสามารถมากๆ

ในการที่ผู้พิการทางสายตาสองคนต้องมาเลี้ยงดูผู้ไม่พิการให้เติบโตอย่างสมบูรณ์มันไม่ง่ายเลย

หลังจากที่อิชั้นดูช่วงนี้จบ

อิชั้นก็หันไปมองคุณแม่ของตัวเองซึ่งนอนอยู่ข้างๆ

หญิงแกร่งที่น่ายกย่องอีกคนกำลังนอนหลับสบายเชียว

อิชั้นนอนมองหน้ามาม๊าที่หลับอยู่แล้วหวนคิดถึงเรื่องราวต่างๆที่ผ่านเข้ามา

รอยยิ้ม น้ำตา ที่เราผ่านมาด้วยกัน

แล้วมาคิดถึงตอนที่มาม๊าชอบน้อยใจเวลาลูกๆออกไปกับแฟน

กว่าจะอธิบายให้เข้าใจได้ก็ต้องใช้คำพูดที่ออกมาจากใจ เปิดใจกันมิใช่น้อย

โดยอิชั้นบอกกับมาม๊าว่า

ความรักที่รักมาม๊ากับความรักแบบหนุ่มสาวมันไม่เหมือนกัน (แต่มาม๊าชอบเอามาเปรียบเทียบกัน)

แล้วชอบน้อยใจเวลาลูกๆคนไหนก็ตามไปเที่ยวกับแฟน

แต่จะบอกมาม๊าว่าความรักที่มีให้แฟน มันก็แค่ช่วงๆหนึ่งเมื่อวันนึงมันเต็ม

มันอาจคงที่หรือไม่ก็(อาจ)ลดลงด้วยซ้ำ เพราะลูกใช้หัวใจในการรัก เปิดรับคนอื่นเข้ามาในหัวใจ

ความรักรูปแบบนี้จะให้เต็มที่มากแค่ไหนมันก็แค่เต็มหัวใจ

แต่ความรักที่ให้มาม๊า มันไม่มีวันเต็ม ไม่มีวันลดลงและมันจะเพิ่มขึ้นทุกๆวัน

เพราะลูกไม่ได้ใช้แค่หัวใจ แต่ลูกใช้ลมหายใจและชีวิตในการรักมาม๊า

ดังนั้นอายุที่เพิ่มขึ้นในแต่ละเสี้ยววินาที วินาที นาที ชั่วโมง วัน เดือน ปี ความรักที่ลูกคนนี้ก็มีให้มาม๊าก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

รักมาม๊ามากมายค่ะ

^o^/

Views: 125

Comment

You need to be a member of PORTFOLIOS*NET to add comments!

Join PORTFOLIOS*NET

© 2009-2024   PORTFOLIOS*NET by CreativeMOVE.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service