Ho Chi Minh City

ซอกแซกไปในไซ่งอนถึงสุดปลายแม่น้ำโขง

จากที่นั่งริมทางเดินบนเครื่องบิน ผมพยายามยืดคอ สอดสายตาผ่านช่องหน้าต่าง
มองลงมาที่ลุ่มแม่น้ำสีน้ำตาลเข้มเบื้องล่าง ทันที ที่ กัปตันหันหางเสือ เตรียมLanding

นี้เป็นครั้งแรกระยะเผาขนที่ผมได้เห็นคนเวียดนามในชุด ตม.สีเขียว นั่งเรียงรายหน้าขรึม
บ้างก็คล้ายคนไทย แต่ดูๆไปเหมือนคนจีนมากกว่า คงเป็นเพราะสีผิวที่ขาวกว่า
ผ่านจาก ตม. โดดขึ้น Taxi เพื่อเข้าเมือง ทั้งแปลกใจปนความสนุกสนานด้วยภาพของ
มอเตอร์ไซค์ ทั้งผ่านหน้าผ่านหลังพร้อมๆกับเสียงแตร ไม่รู้ใครบีบใครตลอดทาง
หลายครั้งที่ผมต้องเรียกใช้บริการTaxi ที่นี้ ที่ดีอย่างไม่มีงอแง บอกให้ไปไหนก๊ไป
ไกลไกล้ไม่มีส่ายหน้า

ดาวเทาว์ไซ่งอน ภายใต้กลิ่นอายจากอดีตผู้ล่าอาณานิคมฝรั่งเศส ยังคงพบเห็น
ได้บ้างในรูปแบบของสถาปัตยกรรมต่าง ต่าง แทรกตัวอยู่ ไม่นับอาคารของรัฐ หรือพิพิธภัณฑ์ ที่กระจายตัวอยู่ห่างกันออกไป หากแต่เพราะปัจจุบัน โฮ จิ มินต์ ซิตี้ (ชื่อใหม่อย่างเป็นทางการ) เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจตามมาด้วยอาคารออฟฟิตสมัยใหม่ โรงแรมหรู ช้อปปิ้งมอลล์ที่ผุดขึ้นบนถนนชื่อดังอย่าง ด๋อมข๋อย

นอกจากมอเตอร์ไซค์ที่เป็นพาหนะยอดนิยมของที่นี่ ยังพอมองเห็นรถยนต์หรู ราคาแพง ทั้ง เกาหลี ญี่ปุ่น ยุโรป อเมริกา โฉบเชี่ยวไปมาประปราย หลายคันไม่เคยเห็นแม้ในเมืองไทย ป้ายริมถนนยังมีอารมณ์ propaganda รวมทั้ง ภาพลุงโฮ ให้ได้เห็นอยุ่ทั่วไป

ตลอดทั้งเมืองนี้ ตามซอกซอย แยกเล็ก เล็ก และมุมถนน ยังคงพบวิถีชีวิตในแบบฉบับของชาวเวียดนาม ร้านขายขนมปังฝรั่งเศษใส่Pate’ราคาย่อมเยาว ช่างตัดผมให้บริการริมฟุตบาท ตามซอกซอยนี้เอง ถนนนี้บ้าง นั้นบ้าง หลายแห่งถ้าไม่มีคนท้องถิ่นพาไป ผมคนนึงหล่ะที่ไม่มีทางเดินเข้าไปคนเดียวในขณะที่ทั้งแบกกระเป๋ากล้อง และพกเงินสดติดตัวในกระเป๋า แต่ที่น่าเหลือเชื่อ ทางแคบ บ้าง ลัดเลียว บ้าง มืด บ้าง จะมีร้านอาหารฝรั่งเศษสุดอร่อย café’สุดคลาสิค สุดเก๋ ไปถึง สุดHIPซ่อนตัวอยู่ ร้านหนึ่งที่ผมซอกแซกไปถึง มีเจ้าของร้านชาวฝรั่งเศษ ออกมาต้อนรับและแนะนำอาหารอย่างเป็นกันเอง

ผมมีโอกาสได้คุย กับเจ้าของธุรกิจสาวสองคน ทั้งคู่มาจาก ฮานอยเมืองหลวง เมืองที่มีภาพลักษณ์ ล้าสมัยกว่าไซ่งอน แต่อย่างเท่ สาวทั้งสอง สวย แล้วภาษาอังกฤษ ของเธอก็คล่องแคล่วใช้ได้เลยทีเดียว มาตั้งตัว สร้างธุรกิจของตัวเองในเมืองแห่งนี้ ที่ที่คนสมัยรุ่นก่อนพ่อแม่ของเธอ เคยต่อสู้ล้มตาย เพราะอุดมการณ์ ขับไล่มหาอำนาจชาติตะวันตกออกไปถึงสองครั้งสองครา อย่างไรก็ตามขอบอกว่าคนเวียดนามรุ่นใหม่ ที่ผ่านการศึกษาในต่างประเทศมาเป็นอย่างดี บวกกับการเป็นนักต่อสู้ชั้นเลิศ ในสายเลือดนั้น ไม่ธรรมดาจริง ๆ
ครับพี่น้องครับ

หลุดจากชีวิตบนถนนเมืองสู่ชนบทไม่ไกลนัก ผมลัดเลาะไปในลุ่มแม่น้ำโขง Mekong Delta
ที่นี้คือ อู่ข้าวอู่น้ำของคนเวียดนาม เลยก็ว่าได้ ลำน้ำสีน้ำตาลที่ผมเห็นจากบนเครื่องบิน ไหลมายาวไกลจากเทือกเขาหิมาลัย มารวมกัน ฌ ที่แห่งนี้ ให้ชาวเวียดนามได้ตักตวงความสมบูรณ์ก่อนไหลผ่านลงสู่มหาสมุทรทางใต้
แม้ผมจะไม่ใช้นักเดินทางตัวฉกาจ แต่แค่บ่ายร้อนๆ วันหนึ่งบนแม่น้ำสายนี้ กับไม่กี่วัน ที่ผมลงเดินเท้า หรือซ้อนมอเตอร์ไซค์ซอกแซกไปมาในเมือง ผมอดชื่นชมตัวเองที่สามารถเก็บเกี่ยวเรื่องราว ความเป็นมาของผู้คน ความอุดมสมบูรณ์ ของสถานที่ ใว้ได้อย่างอิ่มอกใจ

เหลือเพียงแต่ว่าหากผมเองสามารถเปิดใจให้กว้างยาวดังลำแม่น้ำโขง
ผมคงทำใจยอมรับได้ว่า ประเทศนี้ กำลังหายใจรดต้นคอ เตรียมพร้อมที่จะแซงประเทศไทย ไปอีกประเทศหนึ่ง

  • photo
  • photo
  • photo
  • photo
  • photo
  • photo
  • photo
  • photo
  • photo
  • photo
  • photo
  • photo

Comment

You need to be a member of PORTFOLIOS*NET to add comments!

Join PORTFOLIOS*NET

© 2009-2024   PORTFOLIOS*NET by CreativeMOVE.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service