http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1471606885



วันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลา 02:01 น.
จำนวนคนอ่านล่าสุด 10051 คน
ทิ้งหมัดเข้ามุม

รุก กลางกระดาน




น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับสถานการณ์การเมืองไทยหลังผ่านการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ

ที่หลายต่อหลายคนตั้งความหวังว่าจะสงบราบคาบ มุ่งหน้าไปสู่การเลือกตั้งปลายปี ’60 ตามโรดแม็ปของคสช.

ถึงขั้นที่ประชาชนส่วนใหญ่ลงมติรับร่าง โดยไม่เคยอ่านเนื้อหาของรัฐธรรมนูญฉบับนี้มาก่อน

แต่มาถึงทุกวันนี้ความสงบที่คาดหวังกลับไม่แน่นอนเสียแล้ว

เมื่อเกิดเหตุวินาศกรรมถึง 17 จุดในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน มีผู้เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บอีก 36 คน

แม้จะยังไม่สามารถสรุปเป็นทางการได้ว่าใครลงมือ

แต่ก็มีหลักฐานชัด ไม่ว่าจะเป็นมือถือซัมซุง ฮีโร่ ที่จุดระเบิด และเพาเวอร์แบงก์ ตัวจุดชนวน ที่สั่งซื้อจากประเทศมาเลเซีย

ดีเอ็นเอจากสำลีในเชื้อปะทุ เหตุบึ้มภูเก็ต ที่ตรงกับชายหนุ่มชาวนราธิวาส

และยังมีประเด็นเรื่องความไม่พอใจรัฐธรรมนูญในด้านสิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนาอย่างกว้างขวาง

แต่กลับมีผู้พยายามทำให้เหตุระเบิด เป็นเรื่องการเมือง เป็นฝีมือของพวกโหวตโน!

ส่วนเรื่องการเมือง ก็จ่อเข้าสู่ความวุ่นวายอีกครั้ง เมื่อสนช.พยายามลักไก่แก้ไขรัฐธรรมนูญตามคำถามพ่วง จากเดิมให้ส.ว.ร่วมเลือกนายกฯ

เป็นส.ว.เสนอชื่อนายกฯได้

ส่อเค้าต้องออกมาปฏิเสธประเด็นสืบทอดอำนาจกันเหน็ดเหนื่อยอีก!!

อีกประเด็นที่น่าเป็นห่วง ก็คือการจับกุม นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ "ไผ่ ดาวดิน" นักกิจกรรมเพื่อสังคมในข้อหาผิดพ.ร.บ.ประชามติ

ทั้งที่สิ่งที่ไผ่ทำ คือแจกเอกสารรายละเอียดของรัฐธรรมนูญ รวมทั้งความเห็นแย้ง ดังเป็นสิทธิที่ทำได้ในการรณรงค์

เมื่อถูกคุมขังที่เรือนจำภูเขียว ไผ่ ปฏิเสธประกันตัว พร้อมอดอาหารประท้วงตามแนวทางสันติวิธี

จนกระทั่งองค์กรสิทธิมนุษยชนทั่วโลก ต้องออกมายื่นข้อเสนอให้ปล่อยตัวโดยไม่มีเงื่อนไข

แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ

จนอดกังวลไม่ได้ว่าสิ่งเหล่านี้กำลังจะบ่มเพาะเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคต

ไม่อยากให้กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว

กว่าที่จะรู้ตัว อยากจะแก้ไข แต่อาจสายไปเสียแล้ว