[คุยเฟื่องเรื่องหนังฮ่องกง] Shinjuku Incident กว่าจะทำใจหยิบมาดูก็ผ่านมาแล้วสองปี

เมื่อหมักดองจนได้ที่ก็ถึงเวลาตัดสินใจหยิบหนังเรื่องนี้มาดูเสียทีหลังจากลังเลอยู่นาน เพราะส่วนตัวเป็นคนบอบบางและอ่อนไหวเกินที่จะดูหนังของ เออตงซิน (แบบรู้ตัวมาก่อน) ได้ เพราะนับตั้งแต่รู้จักหนังเรื่อง ปู้เลี่ยวชิง (รักชั่วฟ้า) ของแก ที่เล่นเอาคนทั้งเกาะฮ่องกงร้องไห้ไม่หยุด พร้อมแจ้งเกิดให้หลิวชิงหวิน เปลี่ยนสถานะจากพระเอกละครของ TVB มาเป็นดาราภาพยนตร์อย่างเต็มตัว และทำให้หยวนหยงอี้กลายเป็นดาราเนื้อหอมอยู่พักใหญ่ๆ ซึ่งจุดเด่นของผลงานแกไม่ว่าจะเป็นในด้านงานผู้กำกับหรือโปรดิวเซอร์เรื่องอื่นๆ ก็ตาม คือ เฮียแกไม่ประนีประนอมใดๆ กับคนดูทั้งสิ้น พี่แกพร้อมที่จะฆ่าหรือทำลายตัวละครที่คนดูรัก (และเอาใจช่วย) ได้อย่างหน้าตาเฉย ราวกับเป็นเรื่องปกติ ที่เหมือนกับการเดินเข้าไปใน 7-11 แล้วต้องถูกถามว่า รับขนมจีบ ซาลาเปา เพิ่มมั้ยค่ะ? ไม่เว้นแม้แต่หนังที่ถือว่า 'เบา' ที่สุดของแกอย่าง Lost in Time ก็ยังต้องมีฉากที่กระชากหัวใจคนดูหลายๆ ฉาก (หนึ่งในนั้นคือฉากของ จางป๋อจือ ที่แสดงความท้อแท้ออกมาได้อย่างทรงพลัง จนทำให้เราเชื่อว่าเธอจะเป็นนักแสดงที่ฝากความหวังได้ต่อไปในอนาคต ถ้าไม่โดนเรื่องฉาวกับเฉินกวนซีเสียก่อน) นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เราหนักใจในแต่ละครั้งที่จะต้องหยิบหนังเรื่องนี้ขึ้นมาดู (ต่างกับ Protege ที่ได้ดูแบบว่า กว่าจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว เพราะมารู้ตอนหนังเริ่มฉายแล้วว่าแกเป็นโปรดิวเซอร์)

Shinjuku Incident บอกเล่าเรื่องของอาโถว (เฉินหลง) ซึ่งหนีมาจากเมืองจีนเพื่อตามหาคนรักที่หายตัวไปหลังจากเดินทางมาประเทศญี่ปุ่น โดยอาศัยอยู่กับกลุ่มคนจีนที่ลักลอบเข้าเมืองมาด้วยกัน พร้อมกับชีวิตของเขาที่ต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล ตามสไตล์หนังแก็งค์สเตอร์ของฮ่องกง ดังนั้นหนังเรื่องนี้ของเฉินหลงจึงเต็มไปด้วยบทชีวิตที่เข้มข้น ปราศจากบทบู๊แบบโนสลิง โนสตั้น (ซึ่งเรื่องนี้เรารู้แต่แรกแล้ว) ดังนั้นเราจึงได้ดูหนังแก็งค์สเตอร์สไตล์ กู๋หว๋าไจ๋ ที่เข้มข้นกว่า โตกว่า และจริงจังกว่า โดยมีฉากหลังเป็นประเทศญี่ปุ่น พร้อมกับเรื่องบีบหัวใจทุกสิ่งอย่างที่แกค่อยๆ ก่อตัวขึ้นมาทีละเล็กละน้อยในหนัง ตามรูปแบบของคนที่ 'กลับไม่ได้ ไปไม่ถึง' จนถึงฉากไคลแมกซ์ของเรื่องที่ต้องดูไปถอนหายใจไป (เพราะเราเริ่มผูกพันกับตัวละครต่างๆ ไปแล้ว) พร้อมบทสรุปสุดท้ายที่คั้นอารมณ์สุดๆ และกิมมิคหลายอย่างเช่น ตัวละครอย่างแดเนียล วู ที่บทปูพื้นให้คนดูทราบตลอดว่าเป็นคนขี้ขลาด ถึงแม้ว่าพัฒนาการต่อมา เขาจะมีลุคที่ดูกล้าแข็งขึ้น แต่ซิมโบลิคอันแยบยลของผู้กำกับและบทก็ยังแสดงให้เราเห็นว่า แม้ตัวเขาจะสร้างเกราะขึ้นมาเพื่อให้ตัวเองดูเข้มแข็งขึ้น แต่แท้ที่จริงแล้วเขาก็ยังคงเป็นคนเดิมที่ยังไม่กล้าจะทำอะไรจริงๆ แม้แต่เรื่องที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองการย้อมผม เขาก็เลือกที่จะใช้วิกผมมาสื่อความหมายแทน

เสน่ห์อย่างหนึ่งของหนังเอ่อตงซินก็คือ ตัวละครแต่ละตัวไม่ว่าจะเป็นตัวเอกหรือตัวร้าย มักจะมีความเป็น
'สีเทา' อยู่สูงมาก (ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับผู้กำกับในดวงใจของเราอย่าง ตู้ฉีฟง ด้วยเช่นกัน เพียงแต่เฮียตู้ บางครั้งยังประนีประนอมกับความรู้สึกของคนดูบ้าง ในหนังบางเรื่องของแก) ดังนั้นเราจึงรู้สึกได้ว่าเรากำลังดูชีวิตของคนรู้จักของเราอยู่ ไม่ใช่เพียงแค่ดูตัวละครในหนังเท่านั้น และเมื่อเอ่อตงซินขยี้ตัวละครเหล่านั้นทิ้งไป ก็เหมือนกับตัวเราถูกกระทำไปด้วยเช่นกัน (อย่างห่างๆ) นั่นจึงเป็นเรื่องที่ทำให้เรารู้ทั้งรู้อยู่แก่ใจว่าหนังของเอ่อตงซินไว้ใจอะไรไม่ได้เลย แต่ก็ยังจะขอติดตามกันต่อ ซึ่งจากข้อมูลต่อไปก็คือหนังเรื่อง Triple Tap ซึ่งนำแสดงโดย กู่เทียนเล่อ และ แดเนียล วู โดยที่เราก็คงต้องกลั้นใจดูหนังของแกแบบบีบหัวใจกันต่อไปแต่ขอทำใจอีกสักพักใหญ่ๆ ก่อนะ

 

Views: 203

Replies to This Discussion

ตัวหนังสือเล็กจังคับ ปวดตาอ่ะ
แก้แล้วแต่ยังเล็กอยู่ไม่รุ้ทำไง :P

RSS

© 2009-2024   PORTFOLIOS*NET by CreativeMOVE.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service