เชิญสมาชิกทุกท่านเผยแพร่ผลงานกันตามอัธยาศัยครับ




ขออนุญาตเปิดฟลอร์ห้องนี้นะครับ พอดีเข้ามาสองสามวันแล้ว เห็นเงียบๆ ไม่รู้ว่าจะนำเสนอผลงานเขียนในรูปแบบไหนดี งั้นผมขอเสนอนะครับ ดีไม่ดีอย่างไร แสดงความคิดเห็นได้เลยนะครับ

- ถ้าเป็นรูปแบบต้นฉบับ มีภาพหรือไม่ก็ตาม โพสต์ในกระทู้นี้เลยละกันเนาะ แปะๆกันตามอัธยาศัย
- รูปแบบบล็อค ขอให้แปะเป็นลิ้งค์ให้สมาชิกเข้าไปอ่านได้ แล้วมาเขียนติชมกันที่กระทู้นี้
- รูปแบบบทความเคยตีพิมพ์เป็นรูปเล่มและเผยแพร่ได้ ซึ่งมีจัด layout ไว้แล้ว ก็ทำเป็น pdf ไฟล์ให้โหลด
- รูปแบบ e-book ที่ทำไว้เองไม่ว่าจะเป็น pdf หรืออะไร ก็จะ upload ไว้ที่กระทู้หรือทำลิ้งค์ให้ไปอ่านกัน

เขียนเองก็งงเอง ลองเลยดีกว่า ขอให้ตัวหนังสือของเราจงเจริญ

เด๋ย

ปล. คำบรรยายภาพประกอบ "หนังสือคือเพื่อน และเป็นเขื่อนยามน้ำท่วม เฮ้อ"

Views: 479

Replies to This Discussion

ส่งมาให้ดูสองเรื่อง แต่เป็นภาษาอังกฤษ พอดีเป็นนิตยสารสองภาษา เดี๋ยวจะหาอันที่เป็นต้นฉบับภาษาไทยพร้อมรูปมาแปะน่าจะดีกว่ามั้ย

http://www.art4d.com/a4d/iss_content.php?type=article&show=deta...
http://www.art4d.com/a4d/iss_content.php?type=article&show=deta...


Sleep tight
The architect, Teerawat Wiriyaamornpun rejuvenates an oldie townhouse at Silom Soi 3 to the most affordable cozy hostel in town. Pirak Anurakyawachon talks with him.


แปดโมงเช้า “From 380 THB/Night, per bed/person…HQ more than a hostel” เสียงของจอร์จ นักเดินทางแบกเป้ชาวอเมริกัน กำลังอ่านคำโปรยบนโบรชัวร์ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เป็นข้อมูลให้ซาร่า แฟนสาวของเขาที่กำลังดื่มชาเย็นลิ้นจี่แก้วใหญ่สูตรเฉพาะของ HQ ฟังและช่วยตัดสินใจว่าจะเข้าพักที่โฮสเต็ลแห่งนี้ดีหรือไม่ ซาร่าไม่ตอบในทันที แต่เดินไปรอบๆ โถงต้อนรับซึ่งมีขนาดเพียง 7.65 X 12.85 ตารางเมตร “เราน่าจะพักกันที่นี่สักชาตินึงนะคะ” เธอตอบพลางหยิบลิ้นจี่ชิ้นสุดท้ายในถ้วยเคี้ยวกร้วมและกลืนลงไปในลำคองามระหงของเธอและพึมพัม “มันเยี่ยมมากเลยค่ะจอร์จ…มันยอดมาก”


เรานั่งมองคนแบกเป้ที่กำลังเช็คอินคู่นั้นอยู่พักใหญ่กับบทพากย์ไร้สาระฆ่าเวลา ขณะรอเจ้าหน้าที่ของ HQ (ย่อมาจาก Head Quarter) พาขึ้นไปชมห้องพักที่ชั้นบน เป็นที่น่าสังเกตว่าในช่วงเวลาเพียงสิบนาที แม้จะเป็นช่วงเข้าสู่ low season แต่ก็มีนักเดินทางวัยแสวงหาและส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติแวะเวียนเข้ามาหาข้อมูลที่โฮสเต็ลแห่งนี้มากกว่าสิบคน คิดง่ายๆได้ว่าเฉลี่ยนาทีละกว่าหนึ่งคน ยังไม่รวมจำนวนโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาจองห้องพักเป็นระยะๆ สิ่งหนึ่งที่เราได้รู้มาก่อนคือ HQ ไม่ได้มีแบ็คอัพเป็นเครือของโรงแรมขนาดใหญ่ หรือเป็นนักธุรกิจที่มีเงินเย็นแล้วเอามาลงทุน แต่เรื่องราวทุกอย่างในโครงการนี้เริ่มต้นขึ้นจากกลุ่มคนรุ่นใหม่จากหลากหลายสาขาวิชาชีพ ที่มีความกระตือรือร้นที่จะมีธุรกิจส่วนตัวแบบเถ้าแก่น้อย (young entrepreneur) ซึ่งวิธีคิดแบบนี้ รัฐบาลในหลายๆ ประเทศให้การสนับสนุนเพื่อเป็นการปูทางอนาคตให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ

ที่ตั้งของ HQ อยู่ในซอยสีลม 3 ที่มีจุดหมายตาเป็นอาคารสำนักงานใหญ่ธนาคารกรุงเทพที่ปากซอย และอาคารสำนักงานทอดยาวขนานไปกับถนนภายในซอย ที่เหลือจากนั้น ส่วนใหญ่เป็นอาคารห้องแถวที่สร้างขึ้นในช่วง ‘70s-80’s มีรูปแบบซ้ำๆ อันเกิดจากระบบโครงสร้างสำเร็จรูปซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยนั้น HQ แทรกตัวขึ้นมาอยู่ท่ามกลางกลุ่มอาคารห้องแถวดังกล่าวนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกับงาน renovation แบบนี้ สถาปนิกต้องทำการปรับโครงสร้างและพื้นที่ของอาคารห้องแถวเดิมทั้งหมดซึ่งของเดิมเป็นร้านอาหารเกาหลี ชั้นบนสุดเป็นครัว ทำให้ทีมออกแบบมีวิธีการปรับพื้นที่ได้ไม่มาก แต่ด้วยงบประมาณที่จำกัด สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการจัดสรรพื้นที่แต่ละชั้นกันใหม่ว่าจะต้องใช้ทำอะไร และยังคงต้องเก็บโครงสร้างเดิมเอาไว้


สถาปนิกมิได้เพียงกำหนดแนวทางในการออกแบบเพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิดด้านการบริการ หรือตลาดเพียงอย่างเดียว แต่คิดว่างานออกแบบก็มีส่วนช่วยสนับสนุนให้โครงการมีความน่าสนใจมากขึ้นได้ เขาให้ความสนใจกับความเคลื่อนไหวต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งภายในและภายนอกอาคาร และตั้งโจทย์กับตัวเองว่าจะทำอย่างไรให้บริบทของห้องแถวธรรมดามีส่วนช่วยทำให้โฮสเต็ลของเขาเป็นที่จดจำ จากริมถนนจะพอสังเกตได้ว่ารูปแบบของผิวอาคารนั้นดูแปลกตา แต่ก็มีลักษณะที่กลมกลืนกับรูปด้านอาคารของห้องแถวข้างเคียงไปในเวลาเดียวกัน เรารู้สึกได้ว่ามีความเคลื่อนไหวของ transition บางอย่างเกิดขึ้นที่ตัวอาคาร

ด้วยความตระหนักว่าแขกที่เข้ามาพักล้วนต้องการความเป็นส่วนตัว แต่เขาต้องการออกแบบให้อาคารมีลักษณะเปิดสู่ชุมชนไปในเวลาเดียวกัน จะเห็นว่า facade อาคารจะบุด้วยวัสดุอลูมิเนียมคอมโพสิท ที่เราเจาะเป็นรูเล็กๆทั่วทั้งแผ่น ทำให้ตอนกลางวันจะเห็นความเป็น solid ซึ่งทำให้เกิดความเป็นส่วนตัว แต่ตอนกลางคืนเมื่อเปิดไฟด้านใน แสงที่เปล่งออกมาตามช่องเปิดและรูที่เจาะบนตัววัสดุ จะทำให้ตัวอาคารดูโปร่งเบาขึ้น และมองเห็นความเคลื่อนไหวข้างใน คนเดินไปมา มองเห็นการ random ตำแหน่งของห้องพักและการใช้งาน เป็นการสร้าง pattern ในพื้นที่เดียวกันให้เกิดความแตกต่าง

เนื่องจากแขกที่เข้าพักส่วนใหญ่จะเป็นคนวัยหนุ่มสาวที่รักการเดินทาง และมีงบประมาณที่จำกัด การพบปะกันระหว่างคนในวัยที่มีกำลังวังชามหาศาลเช่นนี้จึงมีรูปแบบที่ไม่ตายตัว สถาปนิกจึงจัดพื้นที่ใช้สอยที่เรามองว่าหาได้ค่อนข้างยากในโฮสเต็ลอื่นๆ เพื่อการนี้มากเป็นพิเศษ เป็นพื้นที่ใช้สอยร่วมกันระหว่างแขกที่เข้าพักตามจุดต่างๆ ตั้งแต่ โถงทางเข้าด้านหน้าที่ชั้นล่างซึ่งเปิดเป็นผังโล่งตลอดทั้งชั้น ห้องโถง commune ที่ชั้นลอยเป็นพื้นที่อ่านหนังสือ และให้บริการอินเตอร์เน็ต ตลอดจนห้องดูภาพยนตร์ที่ชั้นบนสุดสำหรับแขกที่เข้าพักใน double room


บรรยากาศพื้นที่ภายในอาคารของ HQ ถูกออกแบบด้วยการใช้องค์ประกอบต่างๆที่เรียบง่าย และมีการเข้างานของวัสดุที่ไม่จำเป็นต้องเนี้ยบมาก แต่ต้องการความแข็งแรงคงทน ทำให้เรามองเห็นการเปลือยวัสดุในรูปแบบต่างๆ ทั้งซีเมนต์ อิฐมอญ งานเหล็ก เป็นต้น ในส่วนของห้องพัก การกำหนดพื้นที่เกิดตามพฤติกรรมที่จะเกิดขึ้น สถาปนิกคาดหวังว่า แขกที่เข้ามาที่นี่จะต้องนอนพักได้อย่างสบายเป็นอันดับแรก เตียงทุกเตียงใน dorm 4 6 และ 8 นั้นมีรูปแบบที่คล้ายคลึงกับโฮสเต็ลที่เห็นทั่วโลก แต่สถาปนิกก็พยายามนำเสนอสิ่งที่ดีกว่าเช่นโคมไฟอ่านหนังสือ หรือผ้าปูเตียง ผ้าห่ม และหมอนผ้าฝ้ายระดับเดียวกับโรงแรมห้าดาวที่แขกบางคนติดในความสบายถึงกับขอซื้อต่อไปใช้ที่บ้านกันเลยทีเดียว


ที่ HQ พื้นที่ทุกตารางเมตรถูกใช้อย่างคุ้มค่าโดยเฉพาะห้องพักแบบสองเตียง เรารู้สึกว่ามีความคล้ายกับโรงนอนแบบเรียวกัง (Ryokan) ของญี่ปุ่น ที่เมื่อเดินเข้าไปในห้องแล้ว คุณไม่ต้องทำอะไร คุณนอนอย่างเดียวเลย ด้วยสเปซที่มีอยู่อย่างจำกัดเพียงโมดูลเสื่อตาตามิเพียง 3 หรือ 4 ผืน (ขนาดผืนละ 90 x 180 ตารางเมตร) ด้วยเหตุนี้ ลักษณะการออกแบบโดยรวมจึงเน้นที่ความเรียบง่าย ใช้สีที่ดูแล้วสบายคือสีขาวเพื่อทำให้พื้นที่แคบดูโอ่โถงมากขึ้น โดยเฉพาะในตอนกลางวัน สีขาวทำให้พื้นที่ดูกว้างกว่าความเป็นจริง สเปซจะดูเหมือนว่าขยายตัวขึ้นคือสิ่งที่สถาปนิกต้องการให้ลูกค้ารู้สึกและสัมผัสได้ และคั่นความนิ่งของสีขาวด้วยแถบสีแดงและเขียวคล้ายกับเป็น route ที่กำหนดให้ผู้ที่เข้าพักเดินไปตามห้องของตัวเอง เส้นแถบสีดังกล่าวถูกลากให้เลื้อยต่อขึ้นไปบนผนังและ เพดานเพื่อสร้างความต่อเนื่อง มันเป็นองค์ประกอบเล็กๆ ที่มีประโยชน์ไม่น้อย โดย เฉพาะกับแขกที่เมากลับมาจากปาร์ตี้ตอนดึกๆ


หกโมงเย็น เป็นขณะที่คนอีกหลายคนมีนิยามเก่าๆ เกี่ยวกับโฮสเต็ลในเมืองไทยที่คงหนีไม่พ้นเตียงนอนคืนละ 80 บาทบนถนนข้าวสาร หรือไม่ก็เขยิบขึ้นมาเป็นกลุ่มโฮสเต็ลหน้าตาดีนับสิบแห่งบนถนนเดโช พระอาทิตย์กำลังจะตกลาเราไป แสงไฟใน HQ เปล่งแสงออกมาแทนที่ และสะกิดสายตาผู้คนที่เดินผ่านไปมาภายในซอย เราไม่แน่ใจว่ามีใครสักกี่คนจะรู้ว่าที่นี่มีเตียงนอนให้คุณหลับได้สบายตลอดทั้งคืน แต่การนั่งจิบเครื่องดื่มเมนูเดียวกับซาร่าในห้องโถงชั้นล่าง สะกิดให้เรารู้สึกได้ถึงความตั้งใจ และความพยายามของกลุ่มคนหนุ่มสาวที่ร่วมกันสร้าง HQ ขึ้นมาได้อย่างประหลาด เป็นขณะเดียวกับที่จอร์จกำลังนั่งดูข่าว CNN อยู่บน bean bag สีดำใบใหญ่ และซาร่าก็ยังพึมพัมอยู่คนเดียวว่า “มันเยี่ยมมากเลยค่ะจอร์จ…มันยอดมาก”




ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสารอาร์ตโฟร์ดีฉบับที่ 159 May 09
ขอบคุณมากครับคุณเด๋ย :-)
แหม เห็นรูปแล้วหดหู่อย่างแรง แหะๆ ถ้าน้ำท่วม หนังสือคงไปก่อนสินะเนี่ย
เทพจาก Art 4D มาเอง บทความเยี่ยมมากครับ

ถ้าเมืองไทยมีความตระหนักทางด้าน Design มากกว่านี้คงดีนะครับ

มีทัศนอุจาดมากมายเหลือเกิน
โอ้ยโย๋ เป็นเต้พไปซะแร้วเรา ขอบคุณนะครับโบ๊ทที่แวะเข้ามาอ่าน แล้วจะจัดมาให้บ่อยๆครับ

จากภาพหัวข้อกระทู้ เสียดายหนังสือเหมือนกันครับ เก็บไว้หลายปี บางเล่มสิบปี สะสมมาตั้งนาน ส่วนใหญ่เป็นแม็กกาซีนที่เลิกทำไปแล้วอย่าง summer หรือ dna เสียดายสุดๆ

ภาษาไทยจงเจริญครับ โย่ว

เด๋ย
เจ้าชายเเสงแดด(ตอนที่1 ....รอ)...ขียนเมื่อ ประมาณกลางเดือนเมษายน 2551 เป็นเเนวเปรียบเทียบเชิงพรรณาค่ะ
for everyone
ชีวิตชั้นก้อเหมือนถูกขังอยู่ในห้องแขบๆ ที่มีแค่หน้าต่างบานเดียว ห้องที่มืดทึบ
ฉันหลงรักแสงเเดดที่สาดส่องในยามเช้า
แสงเเดดที่ทอแสงให้ชั้นรู้สึกอุ่น
ในห้องที่เย็นระเยือกนั้น
ชั้นสัมผัสได้
มันช่างอุ่นและหอมละมุน
ถึงแม้มันเปนแค่ความอบอุ่นช่วงสั้นๆ
ของทุกๆวัน
ความอบอุ่นที่ไม่สามารถโอบกอดมันให้เปนของเราตลอดไปได้
แต่ชั้นก้อเฝ้ารอความอบอุ่นนั้นในทุกๆวัน
ฉันไม่รุว่า พรุ่งนี้แสงแดดจะทอแสงมาหรือไม่
ฝนจะตกหรือป่าว
ชั้นจะหนาวกว่าเดิมไม๊
เราจะได้พบกันอีกเมื่อไร
แต่ชั้นก้อรู้ว่า ในโลกนี้ยังมีสิ่งที่ทำให้ชั้นมีความสุข
ไม่ได้มีแค่ความมืด ความหนาวเย็น
แต่ยังมีแสงแดดให้ชั้นได้เฝ้ารอ
ความอบอุ่นที่ไม่สามารถครอบครองได้...
สัมผัส..ที่เรารู้กันสองคน
แสงที่สาดส่องบางช่วงของชีวิตให้งดงาม
จะรอเธอทุกวันๆ รอช่วงเวลาแสนสุขของเรา ...เจ้าชายแสงแดดของฉัน
เหมื่อนไหร่จะเจอเจ้าชายเเสงแดดกะเค้าบ้างน้าาาาา อิอิอิ

น่าจะไปเปิดDiscussionใหม่นะคะ จะได้ตามอ่านได้ง่ายๆๆหน่อย

รออ่านต่ะคะ
เมื่อตอนยังเด็ก..คนที่คุณรักที่สุดคือใคร??
>>คำตอบของชั้นคือ..พ่อและแม่[[กู & เจ๊ะ]]
.
.
เมื่อคุณโตขึ้น..คนที่คุณรักที่สุดคือใคร??
>>คำตอบของชั้นคือ..เพื่อน[[ฆัง]]
.
.
เมื่อคุณเป็นสาวหล่ะ..คนที่คุณรักคือใคร??
>>คำตอบของชั้นคือ..แฟน[[...]]
.
.
และสุดท้ายเมื่อคุณโตเป็นผู้ใหญ่..คนที่คุณรักคือใคร??
>>คำตอบของชั้นคือ..ทุกคนที่สร้างผลประโยชน์ให้กับชั้น[[ความสุข]]
.
.
"แต่จะมีสักวินาทีมั้ย..ที่คุณคิดจะรักตัวเองบ้าง??"
.
.
แด่..คนที่ไม่เคยคิดที่จะรักตัวเองทุกคน!!
รักตัวเองๆ ----รัก ตัว เอง
Who??????
จะมีสักกี่คนนะในโลกอันกว้างใหญ่ใบนี้ทีทมีความสมบูรณืแบบ
ชีวิตของทุกคนมีสองด้านเสมอ ฉันเรียนรู้ว่าความสุขกับความทุกข์ มันไม่ใช่สิ่งที่มั่นคงถาวร
ทำไมฉันถึงร้องให้แทบสิ้นสติ เมื่อถูกคนรักนอกใจ หรือฉันลืมนึกไปว่า ความรักคือสิ่งที่สวยงามคือการยอมให้เค้าได้เก็บเกี่ยวความสุข
แล้วจะผิดใหม หากคนอย่างฉันจะลองให้โอกาศตัวเองให้ได้เก็บเกี่ยวความสุขที่ฉันอยากทำตลอดมาบ้าง
มีเพลงหนึ่ง มีเนื้อความบอกว่า รักแท้ชนะทุกอย่าง เป็นถ้อยคำที่ดีมาก ฉันเองก็เชื่ออย่างนั้น
ใครว่าฟ้าส่งคนที่ดีพร้อม มาเพื่อคนที่ดีพร้อม แต่ฉันว่า ฟ้าส่งคนที่ดีพร้อม มาเติมเต็มของอีกคนหนึ่ง
ใครว่าฟ้าใจร้ายที่พรากเธอไปจากฉัน ฟ้าให้โอกาศฉันต่างหากล่ะ
ถ้าไม่มีวันนั้น ฉันจะได้คิดใหม่แบบนี้เหรอ ดั่ง เพลง อีกเพลง ด้วยเนื้อความที่ว่าหากเธอไม่ทิ้งฉันคงไม่เจอ
การจำปลักอยู่กับความทรงจำเก่าๆไม่ใช่สิ่งที่ผิด หากมันทำให้เรามีความสุข
บางคนอาจพยายามลืมเลือน แต่บางคนก็ทำทุกอย่างเพื่อจดจด
ใครว่าท้องฟ้าจะเป็นสีฟ้าตลอด
ใครว่ากุหลาบทั้งหมดเป็นสีแดง
ใครบ้างไม่เคยมีน้ำตา
ใครบ้างที่ลืมความเจ็บปวดได้ง่ายๆ
ใครนะที่บอกกับฉัน
รักมั่นไม่มีเปลี่ยนแปลง
แล้วใครกันนะ???????
.............ที่ผิดสัญญา.......

RSS

© 2009-2024   PORTFOLIOS*NET by CreativeMOVE.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service