A picture is worth a thousand words. / หนึ่งภาพพันบรรยาย


ช่วงที่รอบทความแบบจริงจัง ขอเชิญมวลสมาชิกมาแปะรูปถ่ายที่มีความหมายที่สุด........................ขอคนละรูปพร้อมคำบรรยายรูปละพันคำกันดีกว่า เหอๆๆ (บ้าไปแล้ว?)

ปล. ไม่เน้นว่าต้องเป็นภาพสถาปัตย์นะครับ ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่ดี

Views: 7280

Replies to This Discussion

เช้านี้กำลังเขียนบทความอยู่ แล้วเข้ามาเปิดห้องนี้ดูตามหน้าที่ภารโรง รู้สึกว่าห้องนิ่งๆเหงาๆไป ทำไมไม่รู้ ลองเปิดห้องอื่นๆที่ดูคึกคักเป็นกรณีศึกษา อ๋อ โพสต์เรื่องไม่ต้องจริงจังมากก็ได้นี่หว่า ลืมไป งั้นเอานี่เลย ภาพหนึ่งภาพแทนคำพันคำ ไปเจอที่มาที่ไปมาจากวิกิพีเดีย พร้อมรูปการ์ตูนของฝรั่งที่เขามีคำเปรียบเปรยแบบเดียวกัน น่ารักดี เพื่อต้องการสื่อว่าภาพหนึ่งภาพมันสามารถใช้แทนความหมายได้มากมาย บางครั้งไม่ต้องพูดอะไรมากมาย เราเห็นรูปๆเดียวก็เข้าใจ๋ ม่วนใจ๋

ว่ากันว่าคนที่คิดวลีนี้เป็นคนแรกคือ Fred R. Bernard ในโฆษณา Printers' Ink เพื่อโปรโมทสื่อโฆษณาตามป้ายริมถนนในปีค.ศ 1921ด้วยcopy ที่ว่า "One Look is Worth A Thousand Words." (ลุกครั้งเดียวเสียวเป็นพัน เอ๊ะ หรือว่า ลุกครั้งเดียวเสียเป็นพัน)

อีกหกปีต่อมา (ค.ศ 1927) เฟรด เบอร์นาดคนเดิมก็ให้ค่ากับหนึ่งภาพจากพันคำเป็นหมื่นคำในโฆษณาขายหนังสือประเภทสามัญประจำบ้าน (home book) ที่ว่าด้วยคำพังเพย ปรัชญา คำคม และคำคล้ายของจีน"One Picture is Worth Ten Thousand Words" เป็นช่วงเวลาที่ตะวันตกเริ่มพยายามทำความเข้าใจปรัชญาตะวันออกอย่างจริงจังโดยเฉพาะคำสอนในลัทธิขงจื๊อนะจ๊ะ

ที่รัสเซียก็มีใช้เหมือนกันนะ คล้ายๆ ในงานเขียนเรื่อง Father and Sons ของ Ivan Turgenev ในปีค.ศ. 1862 มีใช้ก่อนอีกว่า "A picture shows me at a glance what it takes dozens of pages of a book to expound."
แปลได้ประมาณว่า "เพียงฉันแค่ปรายตามองภาพนั้นมันอธิบายได้เท่ากับข้อความในหน้าหนังสือหลายโหลหน้า"
(ซับนรกมีจริงครับพี่น้อง!)

เอ้า ยังไม่หมดที่ฝรั่งเศส นโปเลียน โบนาปาร์ต ก็เคยกล่าวไว้ว่า "Un bon croquis vaut mieux qu'un long discours" แปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า "A good sketch is better than a long speech" แล้วมันเพี้ยนกันเรื่อยมาจนเป็น"A picture is worth a thousand words" (เพี้ยนไปเยอะจริงนะเราว่า)

ที่อังกฤษอีกแระ มีนักคอมพิวเตอร์ศาสตร์ที่เขาว่ากันว่ามีชื่อเสียง แต่ผมไม่รู้จัก John McCarthy เขาได้เอ่ยแบบให้ความสำคัญเชิงตรงกันข้ามและเปรียบเปรยว่า "As the Chinese say, 1001 words is worth more than a picture." หลายคนอาจคิดว่าลุงแกจำอะไรผิดหรือเปล่า แต่ผมว่าแกคงเล่นกับคำ 1001 เพราะเลข 0 กับ 1 มันเป็น binary codes รากฐานคอมพิวเตอร์ไง เอ่อ พี่น้องครับ ผมเครียดไปหรือเปล่าครับ



งั้นขอเปิดเลยละกัน เป็นรูปภาพที่ไปเห็นตอนถ่ายงานตึกมูลนิธิเกื้อฝันเด็กที่เชียงใหม่ อาทิตย์ที่แล้ว อาคารนี้ออกแบบโดยสถาปนิกแผลงฤทธิ์ ก็เน้นปูนเปลือยๆ พอเดินเข้าไปข้างในก็จะเห็นภาพนี้อย่างแรกเลย แล้วพวกเราก็ไม่ได้ไปไหนเลย ถ่ายรูปคู่กับรูปนี้อยู่นานมาก ความรู้สึกตอนนั้นมันไม่รู้หรอกว่าทำไมเราถึงชอบรูปนี้ แต่รอยยิ้มของเด็กๆพวกนี้ แล้วมันอยู่ในสถานที่แบบนี้ มันก็เลยทำให้คิดเลยเถิดไปถึงไหนๆ ตั้งแต่ความไร้เดียงสา ความร่าเริง ผ้าขาว รอยยิ้มที่ไร้จริต ความเท่าเทียม โลกร้อน ระบบการศึกษา สวัสดิการสังคม โอ้ย สุดยอด กลับมาก็ลองคิดดูว่า ถ้ารูปๆนี้ไปติดที่อื่น เราจะรู้สึกแบบนี้มั้ย อยากจะขอยืมไปติดที่รัฐสภาจังเลย ไม่รู้เราจะรู้สึกอย่างไร คงมีชื่อภาพติดไว้ข้างๆ (กลุ่มคนเสื้อขาว) ฮึ่ย!

กับรูปอีกสองสามรูปนี้ ค่อนข้างส่วนตัว เป็นรูปที่เจ้บี สเปซชิฟต์ แกsnap เอาไว้ตอนที่ผมกับเต้ยไปถ่ายบ้านหิ่งห้อยของพลวัต บัวศรีที่เขาใหญ่ เจ้บีถ่ายตอนที่ผมยืนงงๆ ไม่รู้จะถ่ายยังไงดีกับ facade อาคารที่มันยั้วเยี้ยแบบนี้ อาการของผมมันก็เลยออกมาเป็นอย่างนี้ ผมกลับมาดู มันเหมือนกับว่าผมกำลังยืนคุยกับตึกอยู่ ประมาณว่า "เฮ้ย กูจะเอายังไงกับมึงดีวะ เหนื่อยแล้วนะเว้ย" กับอีกรูป เจ้บีแกแอบถ่ายผมกับเต้ยอีกแล้ว ตอนที่กำลังยืนถ่ายภายนอกอาคาร เต้ยตั้งกล้อง nikon ดีสองร้อยใส่เลนส์ชิฟต์ 28 มม ผมตั้ง sinar f2 ตอนนั้นติดเลนส์ 90 มม(ประมาณ 28 มม ของกล้องปกติ) ผมกลับมาดูรูปนี้อีกครั้ง ก็รู้สึกว่า ไอ้บ้านหลังนี้มันกวนตีนยังไงก็ไม่รู้ และผมกับเต้ยก็กำลังยืนประจัญหน้ากับมัน กับคำถามเดียวกับสองรูปแรกคือ "เฮ้ยเต้ย จะเอายังไงกับมันดีวะ เหนื่อยแล้วนะเว้ย"

บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่สวยนะครับ จากข้างใน เราจะมองเห็นวิวเขาใหญ่จากช่องหน้าต่างเป็นเหมือนกรอบภาพหลายร้อยภาพ เดี๋ยวไว้สแกนเสร็จแล้วจะเอามาแบ่งกันชมเน้อ

รูปนี้ ผมถ่ายตอนที่ไปดูมิวเซียมที่จาการ์ต้า อินโด เป็นมิวเซียมของคนพื้นถิ่น แสดงวิถีชีวิตสมัยก่อนและข้าวของเครื่องใช้เก่าๆ ผมแพ้ภาพเก่าครับ อย่างล็อตภาพของคุณเอนก นาวิกมูล ที่เป็นเมืองไทยสมัยก่อน มันเห็นแล้วขนลุกอ่ะครับ ประมาณว่า ที่ๆเรายืนอยู่นี้เมื่อร้อยปีก่อน ป้าคนในรูปแกกำลังตำหมากอยู่ หรือที่สนามหลวง ทำไมไอ้ตรงที่เรายืนกินขนมจีนกระดาษทิชชู่สมัยเรียนมันถึงมีแต่รอยเกวียนแบบนั้น
รูปชาวเลรูปนี้ก็เช่นกัน คล้ายกับชาวมอแกนทางใต้ของเราอ่ะครับ ดำน้ำหาปลา แทงปลาโดยไม่ต้องมีถังอ๊อกซิเจน อึดมาก อึดสุดๆ จากคำบรรยายที่อ่าน บางคนดำได้เป็นสิบนาที แล้วขนาดอยู่ในสภาวะทีต้องใช้ขีดจำกัดของร่างกายสูงมาก พี่แกยังมีอารมณ์โพสต์ท่าได้เท่ห์ขนาดอย่างที่เห็นอีกด้วย ดูปลาที่ติดฉมวกอยู่ในมือแกดิครับ แทงเองกับมือ ตอนกินคงอร่อยน่าดู มันต้องอร่อยกว่าปลาที่คาร์ฟูแน่ๆ ชีวิตพวกเรามันง่ายจังเลยนะครับ โอ้ย เครียดอีกแล้ว

มีมาให้ดูอีกสองสามรูปที่ชอบๆ สองรูปเป็นแค้มคนงานสร้างรีสอร์ตที่มัลดิฟ ผมว่าคำว่าแรงงานจริงๆมันต้องอย่างนี้ครับ คือ เป็น"แรง" ที่ทำให้เกิด "งาน"จริงๆครับ
ส่วนอีกรูปสแนปไว้ตอนเดินอยู่ที่สนามหลวง เอ้ย จตุรัสเทียนอันเหมิน ไม่รู้อะไร ไอ้เด็กน้อยคนที่เดินอยู่ข้างหน้าเรา อยู่ๆก็ลงไปนอนซะงั้น แม่ก็ไม่ห้ามด้วย สงสัยบ้านแคบ มาเจอที่กว้างๆก็เลยนอนเลย

อ่ะ รอชมรูปท่านอื่นบ้างนะครับ

ขออนุญาตครับ
คุณ เด๋ย เข้าไปเม้นท์ภาพนี้ไว้ว่าจะเอามาลงในห้องถ่ายภาพสถาปัตย์ ผมเอามาแปะไว้ที่นี่นะครับ

ภาพนี้เดินเข้าไปสถาบันเก่า หน้าพระลาน สะดุดตากับภาพเขียนแนวเหมือนจริงที่วาดภาพลงบนผนังจริง บางครั้งหลอกตาจนดูไม่ออกว่าอันไหนจริง อันไหนปลอม
เป็นภาพหน้าห้องทำงานอาจารย์ศิลป พีระศรี ผมจำได้ว่าเมื่อตอนผมเด็กๆอายุประมาณ 4-5 ขวบ เคยตามคุณแม่มาที่ทำงาน ยังเห็นท่านแต่งชุดข้าราชการสีกากี เดินเข้าออกในห้องนี้อยู่ ท่านเป็นชาวอิตาลีที่สอบคัดเลือกเพื่อมาทำงานที่กรมศิลปากร ประเทศไทย เป็นผู้วางรากฐานศิลป และเป็นผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลับศิลปากร ที่นี่ถือเป็นบ้านที่สองของท่าน ท่านมีภรรยาเป็นคนไทย และท่านเสียชีวิตที่ประเทศไทยครับ
ที่นี่ เมื่อก่อนสมัยเรียนก็ถือว่าเป็นบ้านหลังที่สองของผม กิน นอนอยู่ในคณะไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง ทั้งๆที่บ้านตัวเองก็ห่างไปไม่กี่กิโล คิดถึงครับ

ภาพนี้จะพูดถึงสำนวนหนึ่งที่อยู่ในใจชาว ศิลปากรทุกคน
" Ars Longa Vita Brevis "
เป็นภาษาอิตาลีครับ เป็นสำนวนที่ท่าน ศาสตราจารย์ศิลป พีระศรี พูดเอาไว้
" ศิลปะยืนยาว ชีวิตสั้น "
ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงเลยครับพี่เจี๊ยบ ผมเองก็เอ๋อ หารูปนี้ใน gallery ไม่เจอ
พอดีมีเพื่อนฝูงจากศิลปากรแวะเวียนมาที่นี่หลายคน ก็หลายอยากขอมาแปะไว้เป็นที่ระลึกนะครับพี่ เดี๋ยวว่างๆจะไปแจมห้องถ่ายฟิล์มนะครับพี่

สวัสดีวันอาทิตย์ครับ

เด๋ย
โอ้โหเเฮะ เก่งทั้งคนถ่ายเเละคนถูกถ่าย อึดด้วยกันทั้งคู่
ฟิล์มจากกล้อง 35มม ที่ถ่ายใตน้ำนี่ เวลาขยายใหญ่ๆเเบบนี้เเล้วคุณภาพไม่เลวเเฮะ ยืนดูไกลๆเเล้วโอเคเลย

เเบบนี้ภาพจากกล้อง Olympus Digital 4/3 ของผม sensor เล็กนิดเดียว ขยายใหญ่สักครึ่งหนึ่งของภาพนี้ก็ไม่น่ามีปัญหา
รอดูรูปบ้านทรงประหลาดนี้อยู่ครับ ไม่ทราบพอมีภาพด้านในมั๊ยครับ อยากเห็นหน้าต่างเวลามองจากข้างใน
sinar นี่กล้อง commercial ในฝันผมเลย เเต่ความฝันดับลงเเล้ว เพราะตอนนี้เทใจให้ Hasselblad ไปหมดเเล้ว
รอแป๊บ เดี๋ยวจัดให้
เนี่ยครับพี่จี ภายใน เป็นมุมรวม เดี๋ยวภาพเต็มๆจะเอามาลงให้ชมหลังจากตีพิมพ์แล้วนะครับ

รูปนี้ทำไมผมอ๊วนอ้วนฮะพี่

RSS

© 2009-2024   PORTFOLIOS*NET by CreativeMOVE.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service