The Body Show การแสดงจากศพเพื่อคนเป็น


ร่างกายมนุษย์นับเป็นสถาปัตยกรรมที่มหัศจรรย์ที่สุด ซับซ้อนที่สุด และ “ฟังก์ชันนอล” มากที่สุดในโลกก็ว่าได้ แต่คนส่วนใหญ่มักได้ความมหัศจรรย์นี้ผ่านทางภาพวาดและภาพถ่ายเอกซเรย์ น้อยคนนักที่จะได้สัมผัสถึงความสร้างสรรค์ความลงตัว และความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติที่อยู่ใกล้ตัวเรามากที่สุด 

กล่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่เรืองแสงทำให้วัตถุจำนวนนับร้อยชิ้นที่เรียงรายอยู่ด้านบนดูโดดเด่น แต่ก็ยากที่จะเดาจากระยะไกลว่า สิ่งที่อยู่บนกล่องคืออะไร 

จนเมื่อเข้าไปใกล้ๆ จึงเห็นชิ้นส่วน ร่างกายถูกสไลด์ตามแนวขวางผนึกด้วยสารพลาสติกใส เพื่อให้เห็นถึงโครงสร้างของกระดูก กล้ามเนื้อ สมอง และอวัยวะภายในแทบจะ “ครบ 32” ของมนุษย์ 

นี่คือผลงานชื่อ “409” มาจากจำนวนชิ้นส่วนของร่างกายที่ถูกสไลด์ออกเป็น 409 ชิ้น อันเป็นไฮไลต์ส่วนหนึ่งของการแสดงจากศพหรือ “เดอะบอดี้โชว์ (The Body Show)” 

นิทรรศการศพชุดนี้เป็นการจัดแสดงสรีระที่แท้จริงของมนุษย์ด้วยอวัยวะ มนุษย์กว่า 500 ชิ้น โดยแทบทุกชิ้นเป็นของจริงมาจากศพไม่ต่ำกว่า 30 ศพ ส่วนใหญ่เป็นของชาวเอเชียเพศชาย ผ่านการนำเสนอ ด้วยเทคนิค “Polymer Impregnation” หรือการนำสารโพลิเมอร์เข้าไปแทนที่ของเหลวในร่างกายเพื่อเก็บรักษาให้สรีระนั้นคงรูปร่างอย่างสมบูรณ์ 

ทั้งนี้ Dr.Gunther von Hagens ชาวเยอรมัน เป็นผู้คิดค้นรูปแบบการจัดเก็บและจัดแสดงร่างกายมนุษย์ด้วยเทคนิคนี้สำเร็จเป็นคนแรก และจัดแสดงศพด้วยเทคนิคนี้เป็น ครั้งแรกในชื่อ “Body Worlds” 

แต่สำหรับเดอะบอดี้โชว์ (เอเชียทัวร์) ชุดนี้เดินทางมาจากประเทศสิงคโปร์ โดยมีบริษัท Mactus Pte Ld. เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์การแสดงชุดนี้ ซึ่งเริ่มต้นจัดแสดงครั้งแรกในปี 2009 ที่สิงคโปร์ ในปี 2010 ได้ตระเวนไปจัดแสดงที่ประเทศอินโดนีเซีย ก่อนจะมาจัดแสดงที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม ปีที่ผ่านมา 

“วัตถุประสงค์ของโชว์ชุดนี้คือ เพื่อให้สาธารณชนได้เห็นและเข้าใจถึงอวัยวะภายใน ที่สลับซับซ้อนเหมือนอย่างที่นักวิทยาศาสตร์หรือวงการแพทย์ได้สัมผัส” มร.ริค ลิม กล่าว ในฐานะตัวแทนของ Mactus 

มร.ริค ลิมยืนยันหนักแน่นว่า ร่างและอวัยวะทั้งหมดที่นำมาจัดแสดงในครั้งนี้ล้วนได้รับบริจาคมาจากบุคคลต่างๆ ที่แสดงความประสงค์ไว้ก่อนตายให้นำร่างกายของตนมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการศึกษา และวิจัย หลังจากที่เขาเหล่านั้นเสียชีวิตลง และได้รับอนุญาตให้นำมาจัดแสดงเช่นนี้ได้ 

เดอะบอดี้โชว์เริ่มด้วยการแนะนำให้ผู้ชมได้รู้จักกับ “กองบัญชาการสูงสุด” ในร่างกายมนุษย์ ก็คือสมอง โดยมีระบบ ประสาทเป็นเสมือน “ชุมสายโทรศัพท์” ทำหน้าที่ถ่ายทอดคำสั่งของสมองไปสู่อวัยวะส่วนต่างๆ 

ในโซนแรกนี้จัดแสดงด้วยก้อนสมองของจริง ศีรษะมนุษย์ตัดขวางเพื่อแสดงให้เห็นเส้นประสาท และขากรรไกรตัดขวางเพื่อให้เห็นเส้นประสาทขากรรไกรล่างพร้อม กับกระดูกเชิงกรานของผู้ชายที่แสดงถึงกล้ามเนื้อและเส้นประสาท โดยเฉพาะความเชื่อมโยงของเส้นประสาทเพื่อการมีเซ็กซ์ 

ราวกับงานประติมากรรมประจำโซนนี้ ร่างมนุษย์ที่ถูกจัดอยู่ในท่าทางราว กับกำลังจะบิน โดยทั้งร่างถูกแล่กล้ามเนื้อแต่ละมัดออกจนเห็นถึงกระดูกและซี่โครงด้านใน ถูกตั้งชื่อเป็นผลงานชุด “มนุษย์เหินเวหา” เป็นการจัดแสดงถึงความสำคัญของกล้ามเนื้อที่มีอยู่ถึง 50% ของน้ำหนักตัว หรือราว 650 มัด 

วงแขนกล้ามเป็นมัดๆ ของร่างที่จัดแสดงนี้ อาจไม่ทำให้สาวคนไหนนึกอยากกัดแขนของศพเล่น เฉกเช่นเพลงของ “พุ่มพวง” แต่ถ้าใครสนใจสัมผัสร่างเหล่านี้ก็ทำได้ โดยผู้จัดได้เตรียมถุงมือพลาสติกเอาไว้ ให้ใส่เพื่อความปลอดภัยด้วย 

ศพชายในท่าอวดวงสวิงบนสนามกอล์ฟจำลองให้เห็นความสำคัญของกล้ามเนื้อโครงร่างที่ปกคลุมโครงกระดูก อันทำให้เกิดเป็นรูปร่างของร่างกาย โดยกล้ามเนื้อส่วนนี้ปรับตัวทุกนาที เพื่อช่วยรักษาท่าทางและพยุงให้ร่างกายตั้งตรง 

บนสนามเดียวกัน โครงกระดูกถือไม้กอล์ฟแสดงให้เห็นโครงสร้างกระดูกทั้ง 206 ชิ้น ซึ่งนับเป็นหลักฐานอีกชิ้นที่แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่และสร้างสรรค์ของนักออกแบบนามธรรมชาติ 

กระดูกศีรษะมีลักษณะเหมือนกล่อง เพื่อห่อหุ้มสมอง กระดูกทรวงอกมีลักษณะ เป็นซี่เพื่อปกป้องอวัยวะภายในส่วนบน กระดูกสันหลังเป็นข้อต่อเหมือนโซ่เพื่อความยืดหยุ่นในการเคลื่อนไหว กระดูกขาเป็นแท่งเพื่อเป็นเสมือนเสารับน้ำหนัก ลักษณะของกระดูกที่แตกต่างก็เพื่อประโยชน์ในการทำหน้าที่ที่แตกต่างกัน แต่ภายในกระดูกทุกชิ้นมีลักษณะกลวง เพื่อจะได้มีน้ำหนักเบา ให้ระบบประสาทผ่านได้ แต่ทว่ามีแรงพยุงและแรงต้าน เทียบเท่ากับวัตถุตันที่มีขนาดเดียวกัน 

ขณะที่ระบบข้อต่อส่วนต่างๆ ในร่างกายมนุษย์สามารถเชื่อมต่อกันสมบูรณ์ยิ่งกว่าจิ๊กซอว์ใดๆ เฉพาะกระดูกข้อมือก็มีมากกว่า 50 ชิ้น หรือ 25% ของกระดูกทั้งหมด เช่นเดียวกับกระดูกเท้าซึ่งน้อยกว่า กันแค่ 4 ชิ้น ร่างกายจึงต้องสร้างพังผืดขึ้น มายึดกระดูกชิ้นเล็กชิ้นน้อยเข้าไว้ด้วยกัน 

ภายในโซนนี้ยังจัดแสดงข้อต่อส่วนต่างๆ พร้อมกับข้อมูลการอักเสบและผิดปกติของข้อต่อแต่ละส่วน เพื่อเตือนให้ผู้ชมระมัดระวังในท่าทางการเคลื่อนไหวกันมากขึ้น 

ผู้จัดพาผู้ชมเข้าสู่โซนถัดไปด้วยร่างนักฟุตบอลที่ถูกผ่าเอาผิวหนังตั้งแต่คอไปจนถึงหน้าท้องและกระดูกซี่โครงออก เพื่อให้เห็นอวัยวะภายในของระบบทางเดิน หายใจ ระบบหมุนเวียนโลหิต และระบบทางเดินอาหารได้อย่างชัดเจน 

ผลงานชุดนี้เป็นเครื่องยืนยันอย่างดีถึงความเป็นสถาปนิกเอกของธรรมชาติ ด้วยตำแหน่งของอวัยวะต่างๆ ที่ถูกจัดวางไว้อย่างประณีต งดงาม สมบูรณ์แบบและลงตัว กว่างานสถาปัตย์ใดที่มนุษย์สร้าง 

สำหรับคนเมืองที่ไม่สูบบุหรี่ ปอดสีค่อนข้างคล้ำของศพอันเกิดจากมลภาวะในอากาศ อาจพอสะท้อนภาพปอดของพวกเขาได้บ้างไม่มากก็น้อย ส่วนคนที่สูบบุหรี่ ภายในโซนนี้ยังมีการจัดแสดงปอดสีดำคล้ำของนักสูบ อันเนื่องมาจากมะเร็งปอดมาโชว์ไว้ให้พึงสังวรเช่นกัน 

ในส่วนระบบทางเดินอาหาร ไม่เพียงจัดแสดงอวัยวะปกติทั้งหลอดอาหาร ตับ กระเพาะ อาหาร ลำไส้เล็ก และลำไส้ใหญ่ รวมถึงไส้ติ่ง อวัยวะที่เคยถูกมองว่าเป็นสิ่งไม่จำเป็น กระทั่งมีการค้นพบว่าชิ้นส่วนเล็กๆ นี้มีหน้าที่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันของร่างกายในทางเดินอาหาร 

แต่ยังแสดงอวัยวะที่ผิดปกติเอาไว้หลายชิ้น เช่น ฝีในตับที่น่าสยดสยอง, กระเพาะอาหารที่มีแผลทะลุเพราะการใช้ยาจำพวกแอสไพรินเป็นเวลานาน และลำไส้เล็กสีดำคล้ำด้วย ภาวะตกเลือดภายใน รวมถึงโฉมหน้าอันโหดร้ายของ “นักฆ่ามนุษย์ตัวฉกาจ” ทั้งมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งหลอดอาหาร และมะเร็งผนังกระเพาะอาหาร เป็นต้น 

ใครที่เคยคิดว่าอยากควักหัวใจคนรักออกมาดู หลังจากได้เห็นหัวใจมนุษย์สภาพสมบูรณ์ถูกโชว์ พร้อมกับหัวใจในลักษณะตัดขวางเพื่อให้เห็นภายใน “ห้องหัวใจ” ในส่วนจัดแสดงระบบทางเดินหายใจและหมุนเวียนโลหิตแล้ว หลายคนอาจจะเปลี่ยนความคิดไปเลย 

ทั้งนี้ แม้หัวใจจะเป็นก้อนเนื้อขนาดเพียงกำปั้น แต่นับได้ว่าเป็นอวัยวะที่แข็งแรงมาก เพราะเป็นอวัยวะที่ทำงานหนักและไม่เคยหยุดพัก ว่ากันว่าใน 24 ชั่วโมง หัวใจต้องสูบฉีดเลือดมากถึง 11 ตันกับ 128 กก. เทียบเท่ากับ 140 แรงม้า และนับจากวันแรกที่หัวใจเต้น (ตั้งแต่ยังเป็นตัวอ่อนในท้องแม่) จากนั้นหัวใจ (ปกติ) ก็ไม่เคยหยุดเต้น ตราบที่ยังมีชีวิตอยู่ 

อีกจุดที่น่าสนใจในโซนนี้ ได้แก่ อวัยวะในตู้ปลา โดยตู้หนึ่งเป็นรกเด็กที่ถูกฉีดของเหลวมีสีเข้าไปเพื่อให้เห็นเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงตัวอ่อนในครรภ์มารดา และตับ ที่ฉีดของเหลวมีสีเข้าไปแล้วละลายผิวตับออกเพื่อให้เห็นโครงข่ายเส้นเลือดฝอยในตับได้อย่างชัดเจน 

ก่อนจะเข้าสู่โซนสุดท้าย ผู้จัดเบรกอารมณ์ด้วยศพผู้ชายในสภาพที่เห็นมัดกล้ามเนื้อ เส้นเลือด และเส้นเอ็นอย่างชัดเจน ในท่านั่งจิบกาแฟด้วยอาการครุ่นคิด โดยมีฉากหลังเป็นร้านกาแฟ ชื่อดัง 

ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ เมื่อมาถึงจุดนี้ ผู้ชมที่เป็นพุทธศาสนิกชน หลายคนเริ่มมีอารมณ์ปลงสังขาร 

โซนสุดท้ายเป็นการจัดแสดงโครงสร้างภายในร่างกายมนุษย์ ด้วยการสไลด์ร่างของเพศชายในระนาบซ้ายขวา แสดงให้เห็นอวัยวะภายใน กล้ามเนื้อ โครงสร้างกระดูก และช่องว่างภายใน ร่างกายคนเรา ซึ่งถูกจัดวางอย่างลงตัว ตั้งแต่ศีรษะไล่ลงมาถึงกระดูกเท้า โดยผนึกไว้ในสารพลาสติกทั้งสิ้น 16 ชิ้น 

ก่อนจะมาถึงผลงานชุด “409” อันเป็นการจัดแสดงอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายมนุษย์ ผ่านการสไลด์ตัดร่างของศพ เพศหญิง ในแนวขวางแล้วผนึกไว้ในสารพลาสติกเรียงต่อกันทั้งสิ้น 409 ชิ้น โดยแยกส่วนของปอดออกมาเพื่อให้ผู้ชมหยิบชมได้สะดวก 

อันที่จริง ในเมืองไทยก็มีการจัดแสดงศพให้ได้ชมกันอยู่บ้างตามโรงพยาบาลต่างๆ โดยเฉพาะ “พิพิธภัณฑ์นิติเวชศาสตร์ สงกรานต์ นิยมเสน” ที่ศิริราช ซึ่งหลายคนรู้จักกันดีในนาม “พิพิธภัณฑ์ซีอุย” 

อย่างไรก็ดี เดอะบอดี้โชว์ ถือเป็นนิทรรศการศพที่จัดแสดง ให้เห็นถึงความสลับซับซ้อนในร่างกายมนุษย์ได้อย่างชัดเจน ด้วยรูปแบบการนำเสนอที่แปลกใหม่และน่าสนใจ ซึ่งหาชมไม่ได้ง่ายๆ ในเมืองไทย 

เดอะบอดี้โชว์เปิดให้เข้าชมจนถึงวันที่ 3 เมษายนนี้ โดยสถานที่จัดแสดงอยู่ที่ “เดอะแคปปิตอลคลับ” สุขุมวิท 24 ราคาบัตรเข้าชมอยู่ที่ 300 บาท โดยผู้ชมเลือกได้ว่าอยากได้ไกด์นำชมมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่ แม้ว่าเจ้าหน้าที่เหล่านี้จะไม่ใช่นักศึกษาแพทย์ แต่ก็ผ่านการฝึกอบรมจากนักศึกษาแพทย์มาก่อน 

หลังจากเสร็จสิ้นการจัดแสดงในเมืองไทย ศพเหล่านี้จะถูกส่งไปแสดงยังมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และมาเก๊า ภายในปีนี้ และในปีหน้าก็อาจจะได้ไปโชว์ไกลถึงออสเตรเลีย 

แม้จะเป็นการจัดแสดงครั้งแรกในเมืองไทยของ Mactus แต่ด้วยความสำเร็จในประเทศ สิงคโปร์ที่มีผู้ชมมากถึง 9 หมื่นคน และอีกราวๆ 1.5 แสนคน ในประเทศมุสลิมอย่างอินโดนีเซีย มร.ริค ลิมจึงมั่นใจว่า จำนวนผู้เข้าชมในเมืองไทยน่าจะมียอดถึง 2 แสนคนได้ไม่ยาก 

ความกลัวเรื่องวิญญาณและความน่าสยดสยองที่เป็นจินตภาพคู่กับคำว่า “ศพ” ทำให้คนไทยบางคนไม่กล้าเข้ามาชมความมหัศจรรย์ของร่างกายมนุษย์ในนิทรรศการศพชุดนี้ ทั้งที่จริงแล้ว สิ่งที่น่าเกรงกลัวกว่าวิญญาณและศพ นั่นก็คือ “โรคร้าย” โดยเฉพาะมะเร็ง 

บางทีหากเอาชนะความกลัวที่มาพร้อมกับคำว่า “ศพ” ได้ โชว์ศพชุดนี้อาจจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้บางคนลดละเลิกไลฟ์สไตล์ที่เป็นการทำร้ายตัวเองได้ สมกับความตั้งใจของผู้จัด 

“เราหวังว่า เมื่อชมเสร็จแล้ว ผู้ชมจะหันมามาดูแลสุขภาพตัวเองให้ดียิ่งขึ้น” 

ยิ่งไปกว่านี้ หากผู้ชมที่เป็นชาวพุทธยังสังวรได้ว่า แม้ธรรมชาติจะออกแบบระบบกลไก และอวัยวะที่ดีที่สุดและมหัศจรรย์ที่สุดมาให้มนุษย์ก็ตาม แต่ท้ายสุด ทุกอวัยวะต้องเสื่อมไปตามกาลเวลา และมนุษย์ทุกคนต้องตาย... การชมโชว์ศพชุดนี้ก็คงได้อานิสงส์ราวกับการเจริญมรณานุสสติเลยทีเดียว   

Views: 3

Reply to This

© 2009-2024   PORTFOLIOS*NET by CreativeMOVE.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service