Queen of Burlesque: ดีต้า วอน ทีส

มีเหตุผลมากกว่าหนึ่งข้อที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้เป็นที่หมายปองของผู้ชายครึ่งค่อนโลก 

ทรวดทรงองค์เอวทรมานใจชายนั่นหนึ่งล่ะไหนจะความเซ็กซี่เย้ายวนยามเธอค่อยๆ ปลดสายรัดถุงน่องแล้วค่อยๆ ดึงใยผ้าบางเบาออกจากเรียวขาและสะบัดออกจากปลายเท้าอย่างหยอกเย้า 

นี่ยังไม่พูดถึงอารมณ์ขัน รวมไปถึงความสวยสง่าและลีลานางหงส์ยามเธอเยื้องย่าง 

แต่ที่สำคัญที่สุดน่าจะเป็นลุคสาวพินอัพย้อนยุคที่เจ้าตัวหลงใหลและยึดเป็นสไตล์เฉพาะตัวมาตั้งแต่แตกเนื้อสาว 

ไม่ผิดถ้าจะให้นิยามเธอว่าเป็นนางระบำแต่คงมีคนออกมาค้านกันหัวชนฝา ถ้าขืนมีใครพูดขึ้นมาว่าโชว์แต่ละชุดของเธอไร้รสนิยม และผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ศิลปินมากความสามารถและมีเอกลักษณ์ที่สุดคนหนึ่งในวงการบันเทิง 

ขอแนะนำให้รู้จักกับ ดีต้า วอน ทีส (Dita Von Teese) นางโชว์เปลื้องผ้าผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุค 

“I’m manufactured, and proud of it.” 

วงหน้าได้รูป ผิวขาวราวกระเบื้อง ทรวดทรงอรชรอ้อนแอ้น โดยเฉพาะหน้าอกหน้าใจอันเย้ายวนของเธออาจทำให้ชายหลายๆ คนถึงขั้นรำพึงรำพันว่านี่คือมาสเตอร์พีซของพระเจ้าแต่ถ้าพูดกับเธอแบบนี้หญิงสาวอาจจะหัวเราะลั่น เพราะสำหรับดีต้าแล้วเธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆ ที่ ‘สร้าง’ ตัวเองขึ้นมาเท่านั้นเอง 

ถ้าไม่ได้ฟังจากปากเจ้าตัวอาจไม่เชื่อว่าก่อนจะสยายปีกหงส์เธอเคยเป็นลูกเป็ดมาก่อนลูกเป็ดที่ชื่อฮีทเธอร์ เรเน่ สวีต (Heather Ren?e Sweet) อันเป็นชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้เมื่อลืมตาดูโลกที่เมืองรอเชสเตอร์ มลรัฐมิชิแกนสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 28 กันยายน ปี 1972 

ในบรรดาลูกสาวทั้งสามของพ่อกับแม่ซึ่งเป็นช่างเครื่องในบริษัทที่ผลิตแกรไฟต์ และช่างทำเล็บในร้านเสริมสวย ลูกสาวคนกลางคนนี้ขี้อายและดูจืดๆ บ้านๆ มากที่สุด (อย่างน้อยก็ในความคิดของเจ้าตัว) ถึงขั้นที่พ่อกับแม่ต้องส่งให้ไปเรียนโต้วาทีจะได้กล้าแสดงออกแต่ก็ดูไม่ค่อยจะได้ผล จะมีอย่างเดียวที่พอจะดึงดูดสาวน้อยจากการเล่นแต่งตัวตุ๊กตาได้ก็คือชั้นเรียนบัลเล่ต์ 

ทั้งครอบครัวย้ายบ้านมาอยู่แคลิฟอร์เนียตามพ่อซึ่งย้ายที่ทำงาน แต่ไม่นานหลังจากนั้นเสาหลักทั้งสองของบ้านก็แยกทางกัน สาวน้อยวัย 13 ปีค้นพบว่าช่วงเวลาพิเศษของเธอกับแม่คือการนั่งดูหนังเก่ายุค 40s ด้วยกัน บรรดานางเอกหนังคนโปรดของแม่ทำให้เธอทึ่งกับความงามจัดจ้านประเภทแก้มชมพูแจ๊ด ปากแดงแจ๋ ทรวดทรงองค์เอวหุ่นนาฬิกาทราย และรองเท้าส้นสูงสูงขาดใจของสาวๆ ยิ่งทำให้พวกเธอดูลึกลับและน่าทึ่ง ถึงจุดหนึ่งเธอคิดขึ้นมาได้ว่าทั้งหมดคือความงามที่ผ่านการปรุงแต่งทั้งนั้น ถ้าเป็นแบบนี้เธอก็ทำได้นี่! 



หน้าอกไซส์ 32 กับไฝเสน่ห์ที่ได้จากมีดหมอ และการย้อมผมบลอนด์ให้ดำขลับจนกลายเป็นเครื่องหมายการค้าของดีต้า วอน ทีสสาวในฝันของผู้ชายทั้งโลก คือผลงานที่เธอสร้างขึ้นในเวลาต่อมา 

“ฉันภูมิใจกับสิ่งที่ตัวเองสร้างขึ้นมา เพราะรู้สึกเหมือนว่าตัวฉันคือผืนผ้าใบของตัวเองเป็นผลงานศิลปะของตัวเอง” 

แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น การเปลี่ยนตัวเองเป็นอีกคนตามแรงบันดาลใจจากหนังเริ่มจากการแต่งหน้าอย่างประณีต และเสื้อผ้าสไตล์วินเทจก่อน 

เธอนับหนึ่งที่ร้านขายชุดชั้นในสุดชิกชื่อ Lady’s Ruby ไม่ไกลจากร้านเสริมสวยที่แม่ทำงานอยู่ หลังจากเพียรพยายามขอเข้าไปทำงานตำแหน่งอะไรก็ได้ในร้าน สุดท้ายเจ้าของร้านก็ใจอ่อนรับสาวน้อยวัย 15 เข้ามาทำงานในตำแหน่งพนักงานเช็กสต๊อก 

เด็กใหม่คนนี้ไม่เพียงขยันสุดๆ แต่ยังทำให้ทุกคนทึ่งด้วยการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับชุดชั้นในรวมถึงชุดชั้นในวินเทจอย่างละเอียด ตอนนั้นเธอไม่รู้เลยว่านั่นคือการกรุยทางด้านอาชีพการงาน นำไปสู่การได้เลื่อนตำแหน่งเป็นคนเลือกซื้อสินค้าเข้ามาขายในร้าน จนถึงขั้นไปเป็นผู้จัดการแผนกชุดชั้นในของห้างสรรพสินค้าใหญ่ในอีกหลายปีต่อมา 

และที่สำคัญกว่านั้น ความหลงใหลนี้ยังพาเธอไปสู่โลกอีกใบ โลกอันหวือหวาที่สาวๆ สวมบราและกางเกงในตัวจิ๋วเป็นชุดทำงาน 

Queen of Burlesque 

ตอนนั้นนอกจากงานขายชุดชั้นในแล้ว ยังมีงานอื่นๆ ที่หญิงสาววัย 18 ปีทำไปพร้อมๆกัน นั่นคือการเป็นสาวเสิร์ฟในบีกินี่บาร์ เต้นอะโกโก้ และถ่ายแบบชุดชั้นใน 

สองงานแรกเธอทำเพราะเงินดีและไม่ต้องแก้ผ้า (จนหมด) ส่วนงานถ่ายแบบเกิดจากความชอบส่วนตัวที่อยากจะโชว์ของ 

ของที่ว่าคือรัดทรง หรือคอร์เส็ต (corset)ซึ่งเป็นชุดชั้นในวินเทจที่ดีต้าโปรดปรานที่สุด 

สำหรับสาวไซส์กลาง ส่วนสูง 165 เซนติเมตร สัดส่วน 32-22-33 ก็ขยี้ใจชายมากพออยู่แล้ว แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่สวมคอร์เส็ต เธอยิ่งรู้สึกเป็นคนพิเศษที่สะกดทุกสายตา โดยเฉพาะเมื่อการสวมรัดทรงนานๆ วันละหลายชั่วโมงแทบทุกวันในหนึ่งสัปดาห์ ทำให้ชินจนรัดเอวคอดลงๆ ได้จนถึง 16.5 นิ้ว! 

การถ่ายแบบชุดชั้นในทำให้เธอได้โชว์คอร์เส็ตตัวโปรดแลกกับเงินค่าขนมและการได้ภาพสวยๆ เก็บไว้ หรือบางครั้งเธอเสนอถ่ายแบบให้โดยไม่รับค่าจ้างแต่ขอเป็นคอร์เส็ตสุดเซ็กซี่ตัวใหม่แทน 

แม้แต่เวลาเต้นในคลับอะโกโก้ สาวสวยซึ่งตอนนี้ใช้ชื่อในวงการว่าดีต้า ตามนักแสดงชื่อดังยุค 20s ชื่อดีต้า พาร์โล (Dita Parlo) ยังเตรียมเสื้อผ้าของตัวเองโดยซื้อของวินเทจมาตกแต่งใหม่เป็นสไตล์เฉพาะตัว ดูเข้ากันดีกับวิชาที่เธอเรียนที่วิทยาลัย เกี่ยวกับประวัติศาสตร์เสื้อผ้า การทำแพตเทิร์น และสไตลิ่ง 



ดีต้าคิดว่างานกลางคืนของเธอเป็นแค่การสะสมประสบการณ์ชีวิตรูปแบบหนึ่ง ไม่นานเธอคงกลับไปใช้ชีวิตธรรมดา อาจทำงานเป็นสไตลิสต์ให้กองถ่ายหนังพีเรียด แต่งงาน มีลูก และมีเรื่องราวแก่นเซี้ยวสมัยยังสาวไว้เล่าให้ลูกฟังยามว่าง 

แต่เรื่องบางเรื่องเริ่มแล้วหยุดได้ยาก โดยเฉพาะเมื่อมันเป็นสิ่งที่เรียกว่า 'บอร์นทูบี' 

จากการเต้นในคลับนำไปสู่การเป็นแด๊นเซอร์เดินสายไปตามคลับต่างๆ ทั่วประเทศ แต่ความโดดเด่นมีเอกลักษณ์ของดีต้าทำให้มีคนเห็นแวว และชักชวนให้เธอทำโชว์ของตัวเอง 

มาถึงจุดนี้ดีต้าหันหลังให้มหาวิทยาลัยและก้าวขึ้นเวทีโชว์แนวเบอร์เลสค์ (Burlesque) อย่างเต็มตัว 

ต้นกำเนิดจริงๆ ของการแสดงแนวนี้ มาจากละครเวทีแนวล้อเลียนและเสียดสี ซึ่งมีสาวๆ มาโชว์วับๆ แวมๆ เป็นกิมมิก แต่มาถึงยุคหลังๆ เมื่อพูดถึงเบอร์เลสค์ คนส่วนใหญ่ก็จะนึกถึงสาวๆ นุ่งน้อยห่มน้อยเป็นหลัก 

สิ่งที่ทำให้โชว์ของดีต้าแตกต่างจนทำให้เจ้าตัวได้รับยกย่องเป็นเจ้าแม่เบอร์เลสค์ยุคใหม่ คือการที่เธอทำให้คนนึกถึงโชว์เซ็กซี่มีระดับในยุคก่อนๆ ด้วยการออกแบบเสื้อผ้าอลังการ ใช้พร็อพตระการตา และที่สำคัญคือการเขียนบทให้ดูทะลึ่งน่าหยิกอย่างมีรสนิยมทั้งหมดนี้เธอมีส่วนร่วมด้วยทุกขั้นตอน 

"พวกที่บอกว่าเต้นเบอร์เลสค์แต่ไม่ได้เปลื้องผ้าน่ะไร้สาระทั้งนั้น ประเด็นคือจะทำยังไงถึงจะถอดเสื้อผ้าได้แบบดูดี มีรสนิยม และสง่างามต่างหาก" 

แน่นอนว่าเธอไม่ได้ปฏิเสธการเปลื้องผ้าเห็นได้ชัดๆ จากการพยายามเข้าไปเทสต์เป็นนางแบบนิตยสาร Playboy อยู่หลายครั้งหลายครา กว่าจะประสบความสำเร็จได้เป็นนางแบบหน้าในในปี 1997 

Art of the Teese 

ดีต้ากลายเป็นคนโปรดของราชากระต่ายฮิวจ์ เฮฟเนอร์ (Hugh Hefner) ผู้ก่อตั้งเพลย์บอย ที่จัดชุดใหญ่ให้ดีต้าได้ถ่ายแบบลงหนังสืออีกไม่ต่ำกว่า 30 ครั้ง หนึ่งในนั้นคือการเป็นนางแบบปกครั้งแรกในฉบับเดือนธันวาคมปี 2002 

เพลย์บอยนี่เองคือสิ่งที่พาโฉมงามจากโลกรัตติกาลสู่ความโด่งดังระดับฮอลลีวูด จาก ‘ดีต้า’ นางโชว์คนดังในคลับ กลายเป็นที่รู้จักในฐานะ ‘ดีต้า วอน ทีส’ นางแบบเพลย์บอยสุดฮอตเจ้าของโชว์เซ็กซี่อลังการ ทั้งการเปลื้องผ้าบนม้าหมุน ในตลับแป้งยักษ์ โชว์อาบน้ำในอ่างและที่โด่งดังที่สุดคือโชว์ในแก้วมาร์ตินี่ขนาดยักษ์ (ดีต้าได้นามสกุลใหม่จากเพลย์บอยซึ่งขอให้เธอคิดนามสกุลมาต่อท้ายชื่อ ดีต้าบอกไปว่าอยากใช้ Von Treese แต่ทางนิตยสารสะกดผิดเป็น Von Teese ซึ่งเธอใช้จนกลายเป็นนามสกุลปัจจุบัน) 

บุคลิกอันสง่างามและรสนิยมในการแต่งตัวทำให้ผู้คนลบภาพนักเปลื้องผ้าและโชว์เบอร์เลสค์ที่เคยมีอยู่ในหัวออกไปหมดคาเมรอน ดิแอซ (Cameron Diaz) ให้เครดิตดีต้าสำหรับฉากแก้วมาร์ตินี่ในหนังเรื่อง Charlie's Angels: Full Throttle (2003) นอกจากนี้ดีต้ายังได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรพิเศษสอนเต้นและโพสท่าแบบเบอร์เลสค์ให้ผู้เข้าแข่งขันในรายการ America's Next Top Model cycle 7 (2006) และในปีเดียวกันนั้นเธอมีผลงานหนังสือประวัติศาสตร์ชุดชั้นในและเบอร์เลสค์เรื่อง Burlesque and the Art of the Teese / Fetish and the Art of the Teese ซึ่งขายดีเป็นเทน้ำเทท่า 



ดีต้าติดอันดับสาวสวยที่แต่งตัวน่าประทับใจ (ทั้งๆ ที่แต่งหน้า ทำผม และเลือกเสื้อผ้าเองโดยไม่ใช้สไตลิสต์) และเป็นขาประจำแฟชั่นโชว์แบรนด์หรู ทั้งในฐานะผู้ชมและนางแบบ จากนิตยสารผู้ชายวับๆ แวมๆ เธอก้าวขึ้นปกนิตยสารผู้หญิงชื่อดังอย่าง Vanity Fair, Vogue, Elle ฯลฯ อย่างสง่างาม เผลอๆ เด็กรุ่นหลังอาจรู้จักผู้หญิงคนนี้ในฐานะพรีเซ็นเตอร์เครื่องสำอาง M.A.C และดีไซเนอร์รับเชิญชุดชั้นใน Wonderbra มากกว่าในฐานะนางโชว์เสียอีก 

ไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่นักเต้นจากคลับหรือนางแบบเพลย์บอยจะมาถึงจุดนี้ได้ และไม่ธรรมดาเช่นกันที่ยังมีคนอยากชมสาววัย 39 ปีเต้นโชว์เซ็กซี่จนตารางงานเธอเต็มแทบทุกวัน 

ขณะที่หนุ่มๆ ตื่นตะลึงกับเสน่ห์ของเธอจนตาค้าง พวกสาวๆ ก็ปลาบปลื้มกับไอดอลคนนี้ในฐานะผู้สร้างแรงบันดาลใจให้พวกเธอหันกลับมาชื่นชมความเป็นผู้หญิงของตัวเอง เว็บไซต์www.dita.net ซึ่งเป็นเว็บไซต์นางแบบลำดับแรกๆ ในโลกเวิลด์ไวด์เว็บ เป็นแหล่งนัดพบของสมาชิกสาวๆ ที่จะเข้ามาอ่านบันทึกประจำวัน และชมภาพจากการแสดงล่าสุดของดีต้า และคุยกันเรื่องเคล็ดลับความงามต่างๆ นานา 

สำหรับหลายๆ คน ดีต้ายังเป็นต้นแบบผู้หญิงสวยมีสมอง นักธุรกิจหญิงที่รู้จักจุดขายของตัวเอง ด้วยการพาผู้คนเข้าสู่ความฝันอันอ่อนหวานและวาบหวิว ในช่วงเวลาที่ตามบาร์ต่างๆเต็มไปด้วยสาวเปลื้องผ้าแนวฮาร์ดคอร์ที่เต็มไปด้วยรอยสักและฟาดแส้ประกอบการแสดงและรักษาภาพลักษณ์สวยเพอร์เฟ็กต์แบบย้อนยุคเอาไว้ได้ไม่มีหลุด 

นอกจากนี้เธอยังใช้เงินเป็น แม้จะทุ่มไม่อั้นกับสารพัดพร็อพพิสดารตระการตา แต่ดีต้าก็แบ่งเงินที่ได้มา (เธอแสดงแค่ 2 นาทีก็มีรายรับแล้ว 3,000 ดอลลาร์) ไปลงทุนเสมอ โดยเริ่มลงทุนในกองทุนตั้งแต่สมัยที่เริ่มเป็นนักเต้นใหม่ๆ 

ดีต้าบอกเคล็ดลับว่าทุกอย่างเกิดจากความพยายาม 

เธอออกกำลังกายอาทิตย์ละห้าวัน ทำการบ้านทุกครั้งก่อนเริ่มโชว์ใหม่ๆ และเลือกรับเป็นพรีเซ็นเตอร์เฉพาะสินค้าที่คิดว่าเข้ากับภาพลักษณ์ของตัวเองเท่านั้น 

“ถ้าคุณมีอะไรที่เป็นเอกลักษณ์และแตกต่างคุณจะไม่มีคู่แข่งเลย แต่เหนือสิ่งอื่นใดต้องซื่อสัตย์และเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำ และทำด้วยความรัก ไม่ใช่เพราะมันเท่หรือเพราะอยากรวย” 

 

 

 

โดย: ส้มขิง 
ที่มา: mars magazine

Views: 3723

Reply to This

© 2009-2024   PORTFOLIOS*NET by CreativeMOVE.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service