ปัญญา นิรันดร์กุล PANYA’S God Talent

ก่อนอื่นเราอยากเตือนว่า 

“อย่าด่วนสรุปว่าเรารู้จักใครมากพอ! เพราะนั่นอาจทำให้คุณพลาดช่วงเวลาการเก็บเกี่ยวส่วนเสี้ยวสิ่งดีๆของใครคนใดคนหนึ่งให้กับชีวิตไปอย่างน่าเสียดาย” โดยเฉพาะเสี้ยวส่วนที่เราพูดถึง เป็นเสี้ยวส่วนที่มาจากสมองเจ้าของอาณาจักรเวิร์คพอยท์ ...ผู้เริ่มต้นความสำเร็จที่มีอยู่ทั้งหมดจาก...ศูนย์ ...และกำลังจะสร้างปรากฏการณ์บนจอทีวีไทย ด้วยสุดยอดรายการประกวดความสามารถระดับโลก “Thailand’s Got Talent” พรสวรรค์บันดาลชีวิต ซึ่งจะเปิดฉากแจกเสียงหัวเราะ และแรงบันดาลใจให้คนไทยทั่วประเทศ เย็นวันที่ 6 มีนาคม ศกนี้ 

เบื่อหน่ายข้อมูลเก่าๆ ของเจ้าพ่อเกมโชว์ที่อยู่ในหน่วยความจำศาสดา Google เหล่านี้ซะ 

>>>เขาเกิดในครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ.2497 มีชื่อเล่นว่า “ตา” 

>>>จบการศึกษาจาก คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 

>>>เข้าวงการบันเทิงครั้งแรก ด้วยการเป็นสมาชิกของรายการ เพชฌฆาตความเครียด 

>>>ใช้ชื่อว่า ซูโม่ตา โดยเล่นมุก “ภาษาไทยคำละวัน” 

>>> ล้อเลียนรายการ “ภาษาไทยวันละคำ” ของอาจารย์กาญจนา นาคสกุล 

>>> เคยแสดงภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ 

>>>รับบทพระเอกอยู่หลายเรื่อง คู่กับอรพรรณ พานทอง และเพ็ญ พิสุทธิ์ 

>>>เป็นพิธีกรในรายการต่างๆ ของ เจเอสแอล เช่น พลิกล็อก ฯลฯ 

>>>ก่อตั้งบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัดปี พ.ศ.2532 เป็นผู้ผลิตรายการมากมาย โดยรายการแรก 

>>>จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในปี พ.ศ.2547 

>>>สตูดิโอถ่ายทำรายการโทรทัศน์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

ฯลฯ 

แล้วมาทำความรู้จัก “ปัญญา นิรันดร์กุล” ไปพร้อมกับ TASTE อีกครั้ง ในย่อหน้าถัดไปได้เลย 

ในวันที่ เวิร์คพอยท์ ผลิตรายการร่วมๆ 20 รายการ ป้อนฟรีทีวีทุกช่องที่มีอยู่ในเมืองไทย พร้อมรุกคืบเข้ามาแชร์เม็ดเงินในไลน์ของธุรกิจภาพยนตร์ อีเวนต์ คอนเสิร์ต หนังสือ จนหลายคนเชื่อว่า นี่คือการครอบครองแบบเบ็ดเสร็จของ เวิร์คพอยท์ แต่ในสายตาเจ้าของอาณาจักรกลับมองว่า สำหรับเขาไม่มีอะไรเบ็ดเสร็จ เพราะทุกอย่างมันไม่มีอะไรแน่นอน อาจจะลดลงหรือเพิ่มขึ้นก็ได้ เมื่อเห็นว่าสิ่งใดควรเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยน สิ่งไหนไม่ดีก็ต้องปรับ เพราะการไม่หยุดนิ่งเป็นธรรมชาติของเวิร์คพอยท์ 



ในความขี้เบื่อก็มีดี 

“20 กว่าปีที่ผ่านมา เวิร์คพอยท์ แข่งกับตัวเองตลอดเวลาหรือป่าว ผมไม่รู้ เพราะอย่างที่บอกเราไม่ได้ถูกบังคับให้ทำงานด้านนี้ หรือถูกบังคับให้มาเลือกอาชีพนี้ เรารักที่จะทำ บวกกับนิสัยขี้เบื่อ เราเลยอยากทำให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ เป็นต้นว่าถ้าไม่ดีจริงเราก็รื้อทำใหม่ แต่การแข่งมันก็ต้องแข่งอยู่ ทีนี้พอนานวันเข้าก็มีการเปรียบเทียบ มีการแข่งขัน มีการรับรางวัล รวมถึงการพัฒนา” เจ้าของสตูดิโอราคากว่า 400 ล้านบาท ฉายภาพรวมเวิร์คพอยท์ให้ฟัง พร้อมกับตอบคำถามข้อดีของความขี้เบื่อว่า 

“จริงๆ แล้วความขี้เบื่อก็มีประโยชน์นะ ไม่ว่าผม หรือคุณประภาส รวมถึงน้องๆ ที่มารับเรื่องได้เร็ว เรามีนิสัยคล้ายๆ กัน เพราะฉะนั้นมันก็เลยมีการปักได้เร็ว แล้วก็มองเห็นได้ชัดเจน คือคนที่จะเป็นตัวจริง มันต้องมองเห็นมองเป็น รู้ว่าทำกับข้าวแบบนี้มันจะต้องออกเค็ม ทำไมมันต้องมีไข่ด้วย ทำไมมันต้องออกสีแดงนำ ต้องจานยาวๆ ใหญ่ๆ อันนี้มันต้องมีของแถมด้วย ทั้งหมดมาจากความเป็นคนขี้เบื่อของพวกเรา 

อย่างเรื่องของการมองเห็นกับมองเป็นนี่ ผมว่าน่าจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของการที่จะเป็นมืออาชีพเลยนะ คือถ้ามืออาชีพมองไม่เป็นมองไม่เห็นเนี่ยมันเหนื่อย เหนื่อยแล้วไม่มีจุดหมาย เหนื่อยแล้วไม่มีความสนุก เหนื่อยแล้วไม่มีความสำเร็จเพราะฉะนั้นโอกาสสำเร็จก็ยาก 

จากที่เป็นคนเบื่อง่ายผมจึงดู และก็ฟังในทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเด็กน้อย คนรุ่นใหม่ คนเก่าคนแก่ ใครที่บอกว่าคนนี้จะหมดสภาพเราก็ไปฟัง ไปดู ไปอ่าน แม้กระทั่งทารกไร้เดียงสาเราก็ไปฟัง ไปดู ไปอ่าน เพราะฉะนั้นจะรับรู้เรื่องราวต่างๆ ทุกรูปแบบ เป็นอะไรที่มันผ่านเข้ามาในชีวิตเรา ทำงานร่วมกับทุกๆ คน ให้โอกาสกับทุกๆ คน เพราะอยู่คนเดียวไม่สนุกเท่ากับอยู่กันหลายๆ คน 

แต่ทั้งนี้ต้องฟังคนอื่น และก็ฟังตัวเองด้วย ไม่ใช่คนนี้หาวทีผวา ขาดความมั่นใจ อย่างนี้ก็ไปเป็นคนใช้แรงงานดีกว่าเพราะน่าจะชอบฟังคำสั่งมากกว่า ไม่ใช่ไม่ดีนะ และอันนี้ไม่ได้ประชดด้วย สิ่งต่างๆเหล่านี้เราจะต้องดูให้เป็น เพราะงานที่สำเร็จมันต้องประกอบด้วยคนทุกรูปแบบที่อยู่ร่วมกันในองค์กร ถ้าถามว่าตรงนี้ที่พูดมันเป็นพรสวรรค์หรือว่าเป็นประสบการณ์ที่สั่งสมมาในการอ่านคน ผมก็จับไม่ถูกเหมือนกัน แต่คิดว่าน่าจะรวมๆ กันครับ” 




ทำงานสไตล์ “เสี่ย” 

เจ้าพ่อเกมโชว์เมืองไทยหนึ่งเดียวเผยว่า ทุกวันนี้เขาเป็นคนตกงานเต็มตัว และไม่เคยคิดว่าทำงานมานานแล้ว ที่ใครต่อใครเห็นว่าทำงาน แต่ “เสี่ยตา” บอกว่าเป็นการพักผ่อน และท่องเที่ยว “ผมเที่ยวทุกวันครับ วันนี้เที่ยวพักผ่อนที่บ้าน มาเที่ยวที่บริษัท (หัวเราะ) ไม่รู้นะผมรู้สึกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่รู้สึกสนุกเมื่อเจอคำถาม และก็ได้อ่านคน ทำไมคนนั้นถามแบบนั้น ทำไมคนนี้ถามแบบนี้ มันน่ารักดีเว้ย คนนี้ถามเก่ง คนนั้นถามได้อารมณ์ เลยไม่รู้สึกว่าเรากำลังทำงานเลย 

สนุกกับการคิด เหมือนเด็กที่ติดเกม เขาก็อยากจะไปเล่นเกม พอชนะตรงนี้ก็อยากจะไปเล่นเกมต่อไป เราก็เหมือนกัน ทำรายการนี้เสร็จปุ๊บ เราก็เอ๊ะมันน่าจะพัฒนาตรงนี้ได้อีก ไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นงานหรือไม่เป็นงาน เพราะว่ามันทำอย่างอื่นไม่เป็น ก็เลยคิดโน่นนี่ไปเรื่อยๆ ผมอาจจะเป็นคนคิดมากก็ได้เพราะว่าคิดเยอะเหลือเกิน (หัวเราะ) 

ตรงนี้มีทั้งดี และเสียนะ เคยถามตัวเองเหมือนกันว่าเมื่อไหร่เราจะหยุดคิด พอเราหยุดคิดปุ๊บ ก็มีคำถามอีกว่าเราจะหยุดคิดไปทำไม เพราะฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่มีเส้นตรง ชีวิตไม่มีเส้นตรง ชีวิตมีเส้นกระเพื่อม มันจะกระเพื่อมไปเป็นเรนต์แล้วแต่ว่ามันจะไปอยู่ตรงไหน แล้วเราก็จะกระเพื่อมขึ้นกระเพื่อมลงอยู่ในช่วงประมาณยุคไหน บางคนบอกขาวคืออะไร ดำคืออะไร โลกนี้ไม่มีขาวดำ โลกนี้มันจะประมาณๆ แล้วก็พยายามดันตรงนั้นไปในทางที่เราชอบไปในทางที่เรารัก ไม่น่าจะมีสิ่งที่ผิดหรือถูกชัดเจนขนาดนั้น แล้วแต่มุมมองของคนนั้น 

ชีวิตผมวันนี้จึงต่างจากชีวิตที่ผ่านๆ มามาก เพราะที่ผ่านมาเราก็เติบโตมาจากศูนย์ มีครอบครัวที่ดี มีการงานที่ดี เพื่อทำตัวเองให้ได้รับสิ่งที่ดำรงชีพอยู่ในสังคมได้ แต่ปัจจุบันผมคิดว่าจะทำอย่างไรให้คนที่เราดูแลสามารถดำรงชีพอยู่ได้ด้วย เราจึงไม่ได้ทำเพื่อเงินอย่างเดียว มีเรื่องของสังคมแฝงอยู่ในรายการเราตลอดเวลา ยิ่งนานเข้าเราก็ยิ่งบอกตัวเองว่า เออเรามีประโยชน์นะ ฉะนั้นมันก็เลยมีพลังมากๆ ในการจะไปทำโน่นทำนี่ให้กับสิ่งอื่นๆ ได้สตังค์บ้างไม่ได้สตังค์บ้าง บางครั้งถึงแม้ว่าจะใช้แรงเยอะไม่ได้พักผ่อนเลย แต่มันก็มีความสุข ผมว่านี่คือพลังวิเศษ 

อย่างเมื่อก่อนทำเสร็จเราก็อยากจะพัก หรือเคยคิดเหมือนกันว่ามันอะไรนักหนา (หัวเราะ) ตอนนี้ก็ถามว่ามีงานเยอะแยะมั้ย ก็เยอะแยะ แต่มันเป็นประโยชน์ มันก็เลยเลยจากตรงนั้นไปแล้ว ตรงนี้มันไม่ใช่ประเด็นของเงินแล้ว มันมีค่ามากกว่าเงิน เพราะรู้แล้วว่าชีวิตเราก็มีประโยชน์นะ” 




อายุเท่าไหร่...ก็เต็มที่กับชีวิตได้ 

ถึงตัวเลข พ.ศ.เกิดจะแจ้งว่า วันที่ 24 มีนาคมที่จะถึงนี้ นักต่อสู้คนนี้จะมีอายุครบ 57 ปีเต็ม แต่เขาก็ไม่เคยวางแผนอะไร ไม่ว่าจะ 60 หรือ 70 ปี ตราบที่ยังทำประโยชน์อะไรได้ ก็จะขอทำให้มันเต็มที่ 

“ไม่รู้เหมือนกันนะว่าจะแก่อย่างไร แต่อย่างน้อยๆ ที่ผ่านมาเราก็ได้ทำให้กับคนอื่นๆ มากมายแล้วนะ วันนั้นอาจจะเป็นวันที่เขาทำอะไรให้เราบ้าง หรืออาจจะมีโลกของเราส่วนตัวก็เป็นได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ไปตั้งเป้าอะไรทั้งนั้น เหมือนรายการ หรือบริษัทที่ผมดูแล ผมก็แค่ทำให้มันดีที่สุดตามกำลังของเรา ฉะนั้นไม่ต้องไปคิดว่า 60 ทำไอ้นี่ 70 ทำไอ้นั่น วันนี้เอา 3 รายการ พรุ่งนี้เอา 15 รายการต่างๆ คือมันทำได้ทำเลย ไม่ต้องรอ เราก็จะทำๆๆๆๆ ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรนะ แต่มันตอบโจทย์ว่าถ้าเราไม่ทำมันเหนื่อยมากกว่าทำ มันก็เลยต้องทำ (หัวเราะ) 

สำหรับผมไม่มีรางวัลอื่นไปกว่าการได้ทำสิ่งต่างๆ แล้วมีคนยอมรับในหน้าที่การงานของเรา จากNobody ที่เงยหน้าขึ้นไปดูสิ่งต่างๆ อยู่ตลอดเวลา วันนี้ทุกคนก็เป็นผู้ที่เงยมาดูเรา แถมยังมีโอกาสได้ทำสิ่งที่เป็นคุณประโยชน์ มันก็เป็นสิ่งภาคภูมิใจครับ 

เสียงจากความสำเร็จ 

ความสำเร็จบอกคนอื่นอย่างไรไม่รู้นะ แต่มันบอกพี่ว่า “ทุกคนสามารถเป็นได้ ทุกคนสามารถเป็นอย่างผมได้ ทุกคนสามารถไขว่คว้าหามันได้ และความสำเร็จมันไม่มีจุดสูงสุด ไม่ใช่ว่าตรงนี้มันพอแล้วตรงนี้จะไปถึงไหน ความสำเร็จมันมีอยู่เรื่อยๆ ขอเพียงแค่เปิดใจว่าตัวเองจะต้องประสบความสำเร็จเท่านั้น คนที่บอกว่าชีวิตฉันไม่มีทางสำเร็จ นั่นเท่ากับว่าคุณแพ้ไป 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว 

แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณหลอกตัวเองว่าชีวิตต้องสำเร็จ 
คุณก็พ่ายแพ้เช่นกัน เพราะคุณไม่ได้พูดความจริงไง ซึ่งความสำเร็จนั้นอาจจะเริ่มต้นน้อยๆ ก่อน แต่คุณก็ต้องหัดสำเร็จนิดหนึ่งให้เป็น เดี๋ยวสำเร็จสองสำเร็จสามก็ตามมาเอง ไม่ต้องมองให้มันไกลเกินไป หรือมองให้มันเศร้าเกินไป ปรามาสตัวเองเกินไป ดูถูกตัวเองเกินไป ดูถูกคนรอบข้างเกินไป 

อย่าง ภรรยาหรือสามีที่อยู่ด้วยกัน ตอนจีบกันภาพสวยหรู แต่พอถึงจุดที่พุงออกมาปุ๊บ ไปมองแต่พุงของภรรยามันก็เกิดความเครียด อย่างนี้ไม่ได้ ไอ้ที่ดีก็มีตั้งร้อยกว่าเรื่องไม่ดู แต่สิวเม็ดเดียวอยู่บนหน้าไปมองทุกวัน มันก็เห็นเม็ดใหญ่ขึ้นๆ ผมจึงเลือกมองแต่สิ่งที่ดี แต่ที่ไม่ดีเนี่ยไม่ใช่ไม่มองนะ มองแล้วนำมาปรับแก้ไขมากกว่าเก็บไว้บ่อนทำลายกำลังใจ 




ความสำเร็จไม่มีสูตร 

โดยส่วนตัวแล้วปัญญาบอกว่า เขาไม่เชื่อว่ามีสูตรแห่งความสำเร็จ เพราะถ้ามีสูตรสำเร็จจริง ก็คงมีคนสำเร็จมากกว่าล้มเหลว แต่เขามั่นใจว่ามันมีหลายๆ อย่างรวมกัน “ต้องบอกว่าสิ่งที่ทำออกไปแล้วเนี่ยคุณไม่สามารถไปกำหนดอะไรได้ ยกเว้นคนที่จะบริโภคงานของคุณ เพราะฉะนั้นคุณจะต้องมองผู้บริโภคของคุณออก สิ่งต่างๆ มันคาดเดาไม่ได้ และไร้สูตรสำเร็จที่ตายตัว 

อย่างรายการสัญชาติอังกฤษที่เรานำมา ผมว่าถึงครีเอทีฟจะเหมือนกัน แต่ผลออกมาไม่เหมือนกัน ของทาง Got Talent บริษัทแม่เริ่มต้นจากอังกฤษก็มีของเขาไป เราก็มีของเรา โอกาสของเขาก็ต้องมีมากกว่าเราในเรื่องราวของผู้บริโภค รวมถึงวิธีการเสพงาน พื้นฐานวัฒนธรรม ความรู้ความสามารถคนดูทีวีของยุโรป ฉะนั้นงานมันก็จะฟ้องไปที่คนดู อาหารมันก็จะต้องไปเสิร์ฟตามคนกิน ถ้าเกิดเราสูงเกินเหตุ ผู้บริโภคก็ไม่สามารถแตะได้ งานของเวิร์คพอยท์ จึงเป็นงานคุณภาพดีราคาไม่แพง และไม่หนีคนที่ดูงานเราจนเกินไป 

สิ่งที่คนไทยทั้งประเทศจะได้จากThailand Got Talent ก็คงจะได้เห็นตัวตนของคนไทยที่อยู่ตามที่ต่างๆ แล้วก็มีโอกาสได้อวดพลัง รวมถึงรู้จักตัวเองมากขึ้นด้วย อย่างบางคนคิดว่าตัวเองเก่งเลอเลิศประเสริฐศรี ประทานโทษห่วยรับประทานตามมุมมองของส่วนรวม 

แต่คุณอย่ายอมแพ้นะ เพราะถึงเขาเห็นว่าคุณห่วย แต่คุณคิดว่าคุณไม่ห่วยคุณก็ต้องสู้ต่อไป ดังนั้นตัวตนของคนไทยจะปรากฏทางด้านนี้ออกมา Thailand Got Talent จะเปิดโอกาสให้คนไทยกล้าแสดงออกอย่างถูกต้องครับ 

ถ้าถามว่าพรสวรรค์ของปัญญาคืออะไร ก็อาจจะเป็นเรื่องของการพูดการแสดงออก ไม่ประหม่าบนเวทีนะ พรสวรรค์ของบางคนอาจจะอยู่เบื้องหลังคิดงานออกมา บางคนอยู่ที่การชิมอาหาร หลายคนอยู่ที่การร้องเพลง นี่จึงเป็นเวทีอวดพรสวรรค์โดยไม่จำกัดจำนวน เพศ หรือวัย สำหรับคนไทย 

ในวงเล็บด้วยนะว่าต้องผ่านไม่รู้กี่ผ่านเลย จากจุดแรก คือกล้าเดินออกจากบ้านมาสมัครก่อน รวมถึงกล้าผ่านการตรวจสอบจากผู้คนภายนอก และก็ต้องเป็นที่ยอมรับของผู้คน โดยต้องมีการตัดสินจากกรรมการ และคนดูทางบ้านด้วย สังเกตมั้ยว่าชีวิตบางคนเก่งทุกอย่าง สอบได้เกียรตินิยม เรียนเก่ง แต่เรื่องของงานกลับทำได้ไม่ดีเท่ากับคนที่เรียนเกรดประมาณกลางๆ สรุปว่ามันไม่ได้ตัดสินที่คะแนนกระดาษ หรือกรรมการ มันตัดสินจากบางอย่างในสังคมด้วย 

ฉะนั้นผลงานอันนี้อยากให้คนไทยเตรียมตัวดูดีๆ ละกัน มันส์ สนุกมาก เพราะว่ามันมีความหลากหลายที่เกิดขึ้น อย่างเราทำรายการชิงร้อยฯ ก็ว่าหลากหลายนะ แต่มันหลากหลายในบางมุมบางประเด็น แต่อันนี้มันหลากหลายจริงๆ อย่างที่บอก ได้อารมณ์ดราม่า ฮา เศร้าซึม ประทับใจ เด็กตัวเล็ก คนพิการ ผู้ใหญ่ มีทั้งแบบโอ้โหอยากจะกรี๊ดเลยก็มี หรือมาทำไมวะ อะไรแบบนี้ก็มีอีกเช่นกัน” 

เมื่อถามว่าคิดว่าจะพบ ซูซาน บอยล์ ในเมืองไทยหรือเปล่า เจ้าของอาณาจักรเวิร์คพอยท์บอกว่า “เราลุ้น และรออยู่เหมือนกัน แต่อย่างไรก็อยากให้คนดูช่วยกันหา เพราะนี่มันในนามแผ่นดินไทย ไม่แน่ว่า ซูซาน บอยล์ ในเมืองไทยจะออกมาเป็นเด็กผู้ชาย ผู้ใหญ่ เป็นทีม เป็นก้อน หรือเป็นกลุ่มก็ได้นะ ผมกล้ายืนยันเลยว่ารสชาติของThailand Got Talent แบบไทยๆ ต่างจากฝรั่งแน่นอน และก็เชื่อด้วยว่าฝรั่งไม่มีทางได้ลิ้มรสชาติแบบนี้ในเมืองฝรั่งก็แล้วกัน แม้กระทั่ง ไซมอน โคเวลล์ ผู้ริเริ่ม และเจ้าของลิขสิทธิ์รายการ คุณก็ไม่มีทางได้รสชาติแบบนี้ในเมืองคุณแน่นอน แต่ถ้าอยากจะลิ้มรสชาติความเป็นไทย คุณต้องบินมาดูที่เวิร์คพอยท์เท่านั้นครับ 

ก่อนที่งานจะดึงแขน King of game show หนึ่งเดียวของเมืองไทยไปจากห้องสัมภาษณ์ ผมปล่อยคำถามที่ว่า “เป็นเสี่ยตา ปัญญา เหนื่อยไหม” ไว้ให้เป็นหมัน เพราะตั้งแต่นาทีแรกที่ย่างเข้าสู่ บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ที่เขาร่วมกับประภาส ชลศรานนท์ วางอิฐก้อนแรกกระทั่งเป็นสตูดิโอถ่ายทำรายการโทรทัศน์ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากจะมีตารางโปรแกรมขึงไว้แล้ว เขายังใส่ใจทุกรายละเอียดภายในสตูดิโอ ไม่ต้องรอคำตอบจากเขาเราก็รู้ว่า “เหนื่อย” ไม่ต้องให้เขาพูด ใครก็ตามที่มีโอกาสได้นั่งคุย หรือเห็นเขาผ่านจอตู้ก็รู้ว่า “เสี่ยตา-ปัญญา นิรันดร์กุล” มีความสุขกับสิ่งที่ทำ




โดย: กองบรรณาธิการ 
ภาพ: OOFSIDE
 
ที่มา: ผู้จัดการ 360 องศา รายสัปดาห์ / 25 กุมภาพันธ์ 2554

Views: 3339

Reply to This

Replies to This Discussion

:) thanks

สุดยอดครับ

RSS

© 2009-2024   PORTFOLIOS*NET by CreativeMOVE.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service