ศิลปินข้างทาง: Jean Michel Basquiat Graffiti Artist คนสำคัญคนหนึ่งของโลก

 
เมื่อพูดถึงงานศิลปะ คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงการวาด การปั้นหรือการแกะสลัก แต่ในปัจจุบัน การสร้างงานศิลปะได้ขยายขอบเขตและวิธีการออกไปมาก ศิลปินในอดีตคงงงกันเป็นแถวหากรู้ว่า การยืนแหกปากตะโกนอยู่กลางสี่แยกก็ถือเป็นงานศิลปะได้เหมือนกัน 

 


เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ.1960 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน เกิดศิลปะแขนงหนึ่งที่เป็นการสร้างงานจากการขีดเขียน วาดภาพหรือพ่นสีบนฝาผนังหรือกำแพงในที่สาธารณะที่เรียกว่า Graffiti Art การสร้างผลงานในลักษณะดังกล่าวเป็นที่นิยมมากในหมู่วัยรุ่นที่ต้องการ"ขบถ" ต่อรูปแบบของการสร้างงานศิลปะในลักษณะเดิมๆ เพราะนอกจากจะมีคนเห็นเป็นจำนวนมากแล้ว ยังสร้างความสนุกและท้าทายให้กับบรรดาศิลปินนอกกระแสเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะต้องคอยหลบเจ้าหน้าที่ของรัฐที่จ้องจะห้ามปรามหรือจับกุม จุดเริ่มต้นของ Graffiti Art อยู่ที่เมือง Philadelphia แต่กลับมาเป็นที่นิยมอย่างมากในกรุง New York 

 

 

 


Jean Michel Basquiat เป็นศิลปินชาวอเมริกัน เขาเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะที่เป็น graffiti artist คนสำคัญคนหนึ่งของโลก แม้เขาจะเสียชีวิตตั้งแต่อายุน้อยมากและเสียชีวิตไปเป็นเวลานานแล้วก็ตาม แต่ล่าสุดเมื่อปี ค.ศ.2007 ผลงานของเขาที่ทำขึ้นในปี ค.ศ. 1981 ก็ขายไปได้ในราคาที่สูงถึง 14.6 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา 

 

 


Jean Michel Basquiat เกิดเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ.1960 ที่ Brooklyn ในกรุง New York ที่เขามีชื่อเป็นภาษาฝรั่งเศสก็เพราะ Gerard พ่อของเขาเกิดที่เมือง Port-au-Prince ในประเทศ Haiti ส่วนแม่เป็นชาว Puerto Rican ที่เกิดใน Brooklyn กรุง New York ในวัยเด็ก Jean Michel Basquiat เป็นเด็กที่มีความสามารถมากกว่าเด็กในวัยเดียวกัน สามารถอ่านและเขียนภาษาอังกฤษได้ตั้งแต่อายุ 4 ขวบ เขามีความสนใจศิลปะเป็นอย่างมาก 

เมื่อครูบอกว่าเด็กคนนี้มีพรสวรรค์และมีแววของศิลปิน แม่ของเขาจึงสนับสนุนให้เรียนศิลปะ เขาสามารถวาดการ์ตูนได้เมื่ออายุเพียง 5 ปี นอกจากนี้แล้ว Jean Michel Basquiat ยังมีความสามารถพิเศษด้านภาษาอีกด้วยโดยเมื่ออายุได้11 ปี เขาสามารถพูด อ่าน และเขียนภาษาฝรั่งเศส เสปนและอังกฤษได้คล่อง 

 

 

 


เรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นกับชีวิตของ Jean Michel Basquiat เป็นครั้งแรกในเดือนกันยายน ค.ศ.1968 โดยเขาถูกรถชนขณะเล่นอยู่ข้างถนน ทำให้เขาแขนหัก ต้องผ่าตัดหลายครั้ง ต้องทรมานจากความเจ็บปวด ส่งผลทำให้เขากลายเป็นคนฉุนเฉียว ขี้โมโหตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ในปีเดียวกันนั้นเอง พ่อแม่ของเขาตัดสินใจหย่ากัน Jean Michel Basquiat และน้องต้องอยู่กับพ่อที่ Boerum Hill ใน Brooklyn เป็นเวลา 5 ปี ต่อมาจึงย้ายไปอยู่ที่ San Juan ใน PuertoRico ในปี ค.ศ.1974 ครอบครัว Basquiat อยู่ที่ Puerto Rico ได้เพียง 2 ปีก็ย้ายกลับมาอยู่ที่กรุง New Yorkตามเดิม 

 





Jean Michel Basquiat หนีออกจากบ้านเมื่ออายุได้ 15 ปี เขาต้องไปอาศัยนอนบนม้านั่งใน Washington Square Park แต่อยู่นอกบ้านได้ไม่กี่วันก็ถูกจับส่งตัวกลับไปให้พ่อตามเดิม Jean Michel Basquiat กลายเป็นเด็กเกเรและก้าวร้าว เขาตัดสินใจเลิกเรียนตอนอยู่เกรด 10 ต่อมาเมื่อพ่อไล่ออกจากบ้าน เขาก็ได้ไปอาศัยอยู่กับเพื่อนใน Brooklyn ในช่วงนี้เองที่ Jean Michel Basquiat เริ่มให้ความสนใจเพลงและศิลปะ เขาหาเลี้ยงชีพด้วยการทำเสื้อ ยืดและ postcard ออกมาขาย ต่อมาเขาได้งานทำที่ Unique Clothing Warehouse ใน West Broadway 

 

 

 


ในปี ค.ศ. 1976 Jean Michel Basquiat กับเพื่อนชื่อ Al Diaz เริ่มพ่นสีบนผนังตึกใน Manhattan โดยใช้ชื่อว่า SAMO มีคนสนใจสิ่งที่พวกเขาพ่นบนผนังตึกและกำแพงมาก ทำให้หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับหนึ่งเขียนบทความเกี่ยวกับพวกเขาและ Graffity เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ค.ศ.1978 ต่อมาในปี ค.ศ.1979 Jean Michel Basquiat และเพื่อนก็ได้ตัดสินใจที่จะเลิกพ่น ข้อความสุดท้ายของพวกเขาก็คือ SAMO is dead ที่พ่นบนผนังตึกในย่าน Soho

 


ปี ค.ศ.1979 Jean Michel Basquiat ปรากฎตัวในรายการโทรทัศน์ของ Glenn O′Brien ต่อมาทั้งคู่ก็ได้กลายมาเป็นเพื่อนกัน ทำให้ Jean Michel Basquiat ได้ออกโทรทัศน์บ่อยขึ้นในรายการของ Glenn ไม่นาน Jean Michel Basquiat ก็เริ่มแตกแขนงการทำงานของเขาออกไปอีกขั้นหนึ่งด้วยการตั้งวงดนตรี rock ชื่อ Gray ร่วมกับเพื่อนๆอีกหลายคน วงดนตรีของเขาเล่นตามคลับชื่อดังต่างๆ ต่อมาเขาก็ได้เล่นหนังของ Glenn O′Brien เรื่อง Downtown 81 ทำให้ Jean Michel Basquiat กลายเป็นคนดังของ New York เมื่อ Glenn O′Brienแนะนำให้ Jean Michel Basquiat รู้จักกับ Andy Warhol ศิลปิน Pop Art ชื่อดังในยุคนั้น ในเวลาต่อมา ทั้งคู่ก็ได้กลายเป็นเพื่อนกัน ความดังของ Jean Michel Basquiat ทำให้เขามีโอกาสปรากฎตัวใน music video เพลงRupture ของ Blondie วงดนตรีชื่อดังในยุคนั้น โดย Jean Michel Basquiat แสดงเป็น DJ 

 



ในปี ค.ศ. 1980-1981 Jean Michel Basquiat เริ่มหันมาสนใจศิลปะแบบอาฟริกัน จึงได้นำมาผสมกับงานของตัวเอง ต่อมาในเดือนมิถุนายน ค.ศ.1980 เขามีโอกาสได้ร่วมแสดงผลงานศิลปะของเขากับศิลปินอื่นๆในงานแสดงศิลปะครั้งสำคัญของกรุง New York ที่ชื่อ Time Square Show การแสดงครั้งนี้ทำให้ผลงานศิลปะของเขาเป็นที่สนใจของผู้คนจำนวนมาก ในปีต่อมาคือปี ค.ศ.1981 Rene Ricard จึงได้เขียนบทความลงในหนังสือ Artforum เกี่ยวกับ Jean Michel Basquiat โดยใช้ชื่อบทความว่า Radiant Child ชื่อบทความนี้มีที่มาจากภาพวาดเด็กคลานของ Keith Haring เพื่อนอีกคนหนึ่งของ Jean Michel Basquiat นั่นเอง บทความทำให้ Jean Michel Basquiat เป็นที่สนใจและเป็นที่รู้จักของผู้คนในวงการศิลปะมากขึ้น 


ปลายปี ค.ศ.1981 Jean Michel Basquiat นำผลงานไปแสดงที่ Annina Nosei ในย่าน Soho เมืองManhattan ต่อมาในปี ค.ศ.1982 เขาก็ได้ร่วมงานกับ David Bowie และในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1986 Jean Michel Basquiat ก็ได้รับเกียรติให้เป็นภาพหน้าปกของนิตยสาร New York Times Magazine 

 

 


ในระหว่างปี ค.ศ. 1982-1983 Jean Michel Basquiat เป็นศิลปินที่เป็นที่รู้จักดีของผู้คนในกรุง New York และ California ตลอดไปจนถึงยุโรปและญี่ปุ่น เขาวาดภาพจำนวนมากทั้งบนกระดาษ ผ้าใบ รองเท้า รวมไปถึงสิ่งของที่พบบนถนนอย่างเช่นกล่องหรือแม้กระทั่งตู้เย็นเขาก็ยังวาด 


ในปี ค.ศ. 1985-1987 Jean Michel Basquiat เดินทางไปอาฟริกาหลายครั้งเพื่อแสดงผลงานของเขา อีกทั้งยังนำผลงานไปแสดงที่เยอรมันด้วย 


วันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1987 เป็นวันที่เลวร้ายที่สุดอีกวันหนึ่งในชีวิตอีกวันหนึ่งของ Jean Michel Basquiat เพราะเป็นวันที่เพื่อนรัก Andy Warhol เสียชีวิต ความตายของ Andy Warhol ทำให้ Jean Michel Basquiat เศร้าโศกมาก เขาเหงาเพราะทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกัน ด้วยเหตุนี้เองที่ Jean Michel Basquiat หนีไปอยู่ที่ Maui ใน Hawaii เพื่อสร้างผลงาน การอยู่คนเดียวทำให้เขาเหงามากขึ้นแล้วก็เสพเฮโรอีนมากขึ้นด้วย ในเดือนกรกฎาคมปีเดียวกันนั้นเอง Jean Michel Basquiat ก็ได้เดินทางกลับมาที่กรุง New York ไม่กี่วันต่อมาคือวันที่ 12 สิงหาคมค.ศ. 1988 Jean Michel Basquiat ก็ได้เสียชีวิตลงเนื่องจากเสพเฮโรอีนเกินขนาด เขาตายที่กรุง New York เมื่ออายุได้เพียง 27 ปี 43 


แม้จะใช้ชีวิตอยู่บนโลกเพียง 27 ปีก็ตาม แต่ Jean Michel Basquiat ก็ได้ทิ้งผลงานเอาไว้มากมายทั้งภาพวาดสีน้ำสีน้ำมัน สีสเปรย์ ผลงานของเขากระจายไปอยู่ตามที่ต่างๆทั่วโลกและมีมูลค่าราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยในปี ค.ศ.2002 ภาพขนาด 220 x 400 เซนติเมตรของเขาขายได้กว่า 5 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา แต่อีก 5 ปีต่อมาคือในปี ค.ศ.2007 ผลงานที่ Jean Michel Basquiat ทำขึ้นในปี ค.ศ. 1981 ถูกนำออกมาขายที่ Sotheby ในกรุง New York ได้ในราคาสูงถึง 14.6 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา 


มีคนจำนวนมากที่ดูงานของ Jean Michel Basquiat แล้วไม่เข้าใจ ทุกภาพดูเลอะเทอะ มีเขียนคำประหลาดมากมายลองมาดูผลงานชิ้นหนึ่งของเขา งานนี้มีชื่อว่า The Nile เป็นภาพวาดสีน้ำมันที่วาดขึ้นในปี ค.ศ.1983 มีคำต่างๆปรากฎอยู่มากมายคือ 

espectaculo ภาษาเสปน หมายถึงงานแสดงที่ยิ่งใหญ่ 
Mujer ภาษาเสปน หมายถึงผู้หญิง 
Slave คือทาส 
Nile คือชื่อของแม่น้ำ 
Amen มาจาก Amun หมายถึงพระเจ้าของอียิปต์ 
Hieroglyphs คือตาและคลื่นในภาษาอียิปต์โบราณ 
Nuba เป็นคนที่อาศัยอยู่ในภูเขา nuba ใน Sudan 
Thebes คือเมืองเก่าแก่ในอียิปต์ 


อยากรู้ความหมายทั้งหมดและอยากสนุก ก็ต้องไปหาหนังสือรวมผลงานของ Jean Michel Basquiat มาดูแล้วก็ลองค้นหาคำและความหมายกันต่อไป. 




โดย: อายตนะ 
ที่มา: ประชาชาติธุรกิจ / 09 พฤษภาคม 2554

Views: 1649

Reply to This

© 2009-2024   PORTFOLIOS*NET by CreativeMOVE.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service