โปสเตอร์ภาพยนตร์ "Fahrenheit 9/11" --------------------------
  "สิ่งเดียวที่เราจะหยุดสงครามได้ก็คือหยุดทำงานซะ" ชายวัยกลางคนคนหนึ่งพูดถึงสงครามในอิรัก "พวกเขาจะได้ไม่มีเงินทุนไปซื้ออาวุธ" 

นี่เป็นสิ่งที่ไมเคิล มัวร์พยายามจะบอกกับคนดูของเขาตลอดมา ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2004 นิตยสารเดอะนิวยอร์กเกอร์อ้างคำพูดของมัวร์ที่ว่า ชาวอเมริกันและชาวอังกฤษต้องเป็นผู้ที่รับผิดชอบต่อสงครามดังกล่าว เพราะเงินภาษีของพวกเขาถูกใช้เป็นเงินทุนในการทำสงคราม 

ไมเคิล มัวร์ เป็นนักสร้างหนังชาวอเมริกัน นักวิจารณ์ทุนนิยม - โลกาภิวัฒน์ - ระบบบรรษัทขนาดใหญ่ - ระบบประกันสุขภาพ - อดีตประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช และ สงครามอิรัก 

ภาพยนตร์เรื่อง "Fahrenheit 9/11" ของเขาพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์เครื่องบินชนตึกแฝดเวิร์ลเทรดเซ็นเตอร์เมื่อวันที่ 11 กันยายน ปีค.ศ. 2001 ซึ่งมัวร์เชื่อว่ารัฐบาลของนายจอร์จ ดับเบิลยู บุชได้ใช้เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุผลในการทำสงครามในอิรักและอัฟกานิสถาน 

ภาพยนตร์ดังกล่าวยังได้บรรยายถึงความเกี่ยวพันอันซับซ้อนระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯ - ตระกูลบุช - ตระกูลของนายบิน ลาเด็น - รัฐบาลซาอุดิอาระเบีย - กลุ่มตอลิบาน กับ ผลประโยชน์ในกิจการน้ำมันของสหรัฐฯ 

เหลือเวลาอีก 4 วันก่อนที่ "11 กันยา" จะเวียนมาบรรจบอีกครั้ง หากคุณยังไม่เคยดูหนังเรื่องนี้ เราขอแนะนำ!

 

 

ไมเคิล มัวร์...เป็นใครมาจากไหน? 

ไมเคิล มัวร์เกิดในเมืองฟลินท์ รัฐมิชิแกน ภายใต้การเลี้ยงดูของบิดา ผู้ประกอบอาชีพคนงานประกอบชิ้นส่วนรถยนต์ กับมารดาเลขานุการที่มัวร์ได้บรรยายว่า เขาทั้งสองเป็น "ชาวคอทอลิกเชื้อสายไอริชที่เชื่อในเสรีประชาธิปไตย" 

มัวร์มีความสนใจในกิจกรรมละครและการโต้วาทีขณะเรียนในโรงเรียนมัธยมเดวิดสันไฮสคูล เมื่ออายุได้ 18 ปี เขาได้รับเลือกเป็นคณะกรรมการของโรงเรียน มัวร์ออกจากมหาวิทยาลัยแห่งมิชิแกน-ฟลินท์หลังจากที่เข้าเรียนได้ปีเดียว และเมื่ออายุ 22 เขาก็ได้ก่อตั้งนิตยสารทางเลือกที่ชื่อ "เดอะ ฟลินท์ วอยซ์" ที่ภายหลังได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น "เดอะ มิชิแกน วอยซ์" มาในปีค.ศ. 1986 เขาได้เข้าเป็นบรรณาธิการนิตยสาร "มาเธอร์ โจนส์" ซึ่งเป็นนิตยสารการเมืองที่มีแนวคิดเสรีนิยม 

ภาพยนตร์เรื่องแรกที่ทำให้มัวร์มีชื่อเสียงคือภาพยนตร์ที่มีชื่อว่า "โรเจอร์ แอนด์ มี" ซึ่งเป็นภาพยนตร์สารคดีที่บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดในเมืองในเมืองฟลินท์ บ้านเกิดของเขาหลังจากที่บริษัทรถยักษ์ใหญ่อย่างเจอเนอรัลมอเตอร์สได้ปิดตัวลง โดย "โรเจอร์" ในหนังเรื่องนี้ก็คือ โรเจอร์ บี สมิธ อดีตซีอีโอและประธานของเจอเนอรัลมอเตอร์สนั่นเอง 

ส่วนภาพยนตร์เรื่องอื่นๆของมัวร์ที่เป็นที่รู้จักกันดีนั้นได้แก่ Bowling for Columbine (ปี 2002), Sicko (ปี 2007) และ Capitalism: A Love Story (ปี 2009) 


 
ที่มา: matichon.co.th / 7 กันยายน 2554