Drive Me Crazy: จินตนาการสร้างแรงบันดาลใจ

จินตนาการไร้ขอบเขตจริงหรือ? 

ไม่รู้มีใครเคยคิดบ้างไหมว่าทำไมพวกเรื่องราวเกี่ยวกับ UFO มักพูดถึงมนุษย์ต่างดาวตัวสีเทาตาสีเขียวดวงโต มีแขนขา แต่หัวโต ซึ่งความจริงมันก็เหมือนๆ กับมนุษย์ แต่รูปร่างเพียงผิดสัดส่วนไปเท่านั้น 

นั่นหมายความว่าจินตนาการของคนเรา ถึงแม้ว่าอาจจะกว้างไกลแต่ก็มักมีกรอบและขอบเขตที่จำกัดอยู่ในสิ่งรอบๆ ตัว ไม่งั้นพวกที่เคยเห็นมนุษย์ต่างดาวคงจะบอกว่า มันมีหน้าตาเหมือนก้อนหิน ไม่มีแขนขา ลอยไปลอยมาได้เหมือนผีกระสือแล้ว ว่าไปแล้วผมรู้สึกชื่นชมกับไอเดียที่ว่า ชาวมนุษย์ต่างดาวมีรูปร่างเป็นปลาหมึก ซึ่งอย่างน้อยมันก็เป็นอะไรที่แตกต่าง แต่ว่านั่นก็เป็นเครื่องบ่งบอกว่า มันก็ยังมีขอบเขตของจินตนาการอยู่ดีนั่นแหละ 

ถ้าเรานำทฤษฎี ‘จินตนาการ (ไม่) ไร้ขอบเขต’ มามองด้านรถยนต์กันบ้าง ผมว่าหนึ่งในบรรดารถที่ดูเหมือนจะมีจินตนาการกว้างไกลและสุดยอดที่สุดคันหนึ่งคงจะเป็น Batmobile หรือรถคู่ใจของ Batman หนึ่งในซุปเปอร์ฮีโร่ตลอดกาลอย่างแน่นอน 

ถ้าเราสืบประวัติกันแต่เริ่มต้น ความจริงแล้ว Batmobile ไม่ได้ ‘เจ๋ง’ อย่างที่เราคุ้นเคยกันทุกวันนี้ มันเริ่มจากการเป็นรถซีดานธรรมดาในยุคนั้น ประวัติของ Batman เริ่มต้นจากการ์ตูนอเมริกันซีรี่ส์ที่ชื่อว่า Detective COMICS โดย Batman เริ่มปรากฏตัวครั้งแรกในเล่มที่ 27 ประจำเดือนพฤษภาคม ค.ศ.1939 ซึ่งเป็นสมัยที่การ์ตูนแนวซุปเปอร์ฮีโร่สะท้อนความฝันกึ่งจินตนาการของคนในสมัยนั้นที่ต้องการผู้ผดุงคุณธรรมมาปกปักรักษาเมืองของตน ซึ่งเมืองในบริบทของ Batman ก็คือเมือง Gotham City ซึ่งแท้จริงแล้วมันเป็นเมืองเสมือนของมหานครนิวยอร์ก เพียงแต่ผู้เขียนไม่ต้องการสื่อถึงตรงๆ เท่านั้นเอง 

ถ้าเรามองผ่านทฤษฎี ‘จินตนาการ (ไม่) ไร้ขอบเขต’ ก็จะต้องตั้งคำถามว่า “ก็ Batman บินได้แล้ว ทำไมต้องขับรถด้วยล่ะ?” เอาเถอะ พักตรงนั้นไว้ในใจ กลับมามองรถของ Batman ต่อแล้วกัน ในการ์ตูน Detective COMICS เล่มที่ 27 ซึ่งเป็นการปรากฏตัวครั้งแรกของ Batman นั้น Batman ขับรถยนต์ซาลูนเปิดประทุนที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายรถ Chrysler Imperial รุ่นปี 1939 ที่แสนธรรมดา หาได้มีสุดยอดอุปกรณ์ต่างๆเหมือนกับที่เราๆ คุ้นเคย 

ด้วยความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิด เนื้อเรื่องของ Batman ใน Detective COMICS ก็เข้มข้นขึ้น ซึ่งรถของ Batman ก็ต้องปรับตัวตามจนกระทั่งเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1941 ในเล่มที่ 48 พระเอก Batman ของเราได้รถคู่ใจ Batmoblie ซึ่งเป็นรถพิเศษไม่สามารถหาซื้อได้ตามโชว์รูม คาแร็กเตอร์หลักของรถ Batmobile ในเล่มเปิดตัวคือ ด้านหน้ายาว มีหน้ากระจังเป็นหัวค้างคาว พร้อมกับครีบหางที่ได้แรงบันดาลใจจากปีกค้างคาว 

ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แปลกและแตกต่างไปจากรถยนต์ที่ขายในสมัยนั้นมากนัก ทั้งด้านรูปทรงและดีไซน์ปลีกย่อย แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่โดดเด่นเป็นที่สะดุดสายตา นั่นคือครีบหางแนวตั้ง ที่ได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับเหล่านักออกแบบรถในยุคทศวรรษที่ 1950 ซึ่งต่างก็ได้ออกแบบรถของตนให้มีครีบหางเหมือนกับ Batmobile อย่างเช่น Chevrolet Bel Air, Lincoln Futura ซึ่งเป็นรถคอนเส็ปต์จากค่าย Ford หรือแม้กระทั่งในฝั่งยุโรปอย่าง Alfa BAT ซึ่งออกแบบโดย Bertone สำนักดีไซน์ชื่อดังจากอิตาลี 

ในยุคทศวรรษที่ 1960 เรื่องราว Batman ก็เฟื่องจนถึงจุดสุดยอดและได้กลายเป็นละครซีรี่ส์ในโทรทัศน์ ซึ่งพาหนะคู่ใจของ Batmanในทีวีซีรี่ส์ครั้งแรกคือ Lincoln Futura ที่โดดเด่นทั้งในด้านหน้าตา อีกทั้งยังเป็นรถที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Batmobile ในภาคการ์ตูนนั่นเอง ความพิเศษอีกประการคือ คุณไม่สามารถหาซื้อ Lincoln Futura ได้ตามโชว์รูมทั่วไป เพราะว่ามันเป็นรถคอนเส็ปต์ที่ถูกผลิตขึ้นมาสำหรับโชว์ในงานชิคาโกมอเตอร์โชว์ในปี 1955 เท่านั้น มันไม่ได้เข้าสู่สายการผลิต มีเสียงแว่วมาว่ารถคอนเส็ปต์ Lincoln Futuraคันนี้มีค่าตัวปาเข้าไปตั้งกว่า 250,000 เหรียญสหรัฐ แต่วันนี้มีคนคาดว่าค่าตัวของ Lincoln Futura หนึ่งเดียวคันนั้นที่ได้ถูกแปลงโฉมให้กลายเป็น Batmobile มีค่าตัวสูงถึง 2 ล้านเหรียญสหรัฐ 

Batmobile ซึ่งดัดแปลงมาจาก Lincoln Futura คันนั้นมีความสามารถต่างๆ มากมาย (ในเรื่องเท่านั้นนะครับ) อย่างเช่น ระบบโทรศัพท์จากภายในรถ (ซึ่งเป็นอะไรที่เป็นความใฝ่ฝันของคนในสมัยนั้น) ระบบยิงจรวด ระบบแสงเลเซอร์ที่สามารถตัดผ่านโลหะได้ ระบบจอมอนิเตอร์ภายในรถที่ติดกับกล้องด้านท้ายรถ สามารถมองเห็นด้านหลังโดยไม่ต้องหันหัวกลับหลัง (ซึ่งก็ได้กลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรถสมัยนี้ไปแล้ว) รวมไปถึงระบบเว่อร์ๆ อย่างระบบ ‘Bat Turn’ ที่ทำให้รถสามารถหมุนกลับลำ 180 องศา ทำงานโดยใช้ร่ม chute เบรกแล้วหมุนรถ ระบบปล่อยควันเพื่อพรางตัว และระบบไอพ่นเพื่อใช้ในการบู๊สต์ออกตัวด้วยความเร็วปานจรวด 




ในยุคทศวรรษที่ 1980 ที่เศรษฐกิจเฟื่องฟู เหล่าซุปเปอร์ฮีโร่ก็ดูเหมือนจะแผ่วไปบ้าง เนื่องจากผู้คนอิ่มเอมหรรษากับชีวิตที่มีความสุขอยู่ดีกินดี แต่วัฏจักรแห่งวงจรชีวิตลำเค็ญก็ย้อนกลับมาในยุคต้นทศวรรษที่ 1990 ที่สหรัฐอเมริกาประสบความลำบากทางเศรษฐกิจและวิกฤตความเสื่อมโทรมทางสังคม ทำให้เหล่าซุปเปอร์ฮีโร่ รวมถึง Batman ก็กลับมาเป็นที่ต้องการของทุกคนอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ Batman กลับมาในรูปแบบของการ์ตูนซีรี่ส์ทางโทรทัศน์ DC Animated Universe ในสังกัด Warner Bros. Animation เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป รถ Batmobile ก็ต้องเปลี่ยนตาม จากรถยนต์รูปทรงสมัยทศวรรษ 1960ก็กลายมาเป็นรถทรงสปอร์ตแบนลู่ลม แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ด้านดีไซน์ของ Batmobile ไว้ เช่น หน้ารถที่แสนยาวในแนวรถโร้ดสเตอร์คลาสสิก พร้อมกับครีบหางแนวตั้งที่เสมือนเป็นปีกค้างคาว ซึ่ง Batmobile ในการ์ตูนซีรี่ส์ DC Animated Universe ก็ได้ถูกถ่ายทอดสู่ภาพยนตร์ Batman ในปี 1989 กำกับโดยทิม เบอร์ตั้น (Tim Burton) และมีไมเคิล คีตั้น (Michael Keaton) เล่นเป็น Batman คู่กับนางเอกคิม บาซิงเจอร์ (Kim Basinger) โดยมีแจ๊ก นิโคลสัน (Jack Nicholson)เล่นบทตัวร้าย Joker ภาพยนตร์ Batman โดยทิม เบอร์ตั้นได้รับความสำเร็จอย่างถล่มทลายทะลุสถิติ Box Office ทำรายได้กว่า 400 ล้านเหรียญสหรัฐ จนทำให้ต้องมีภาคต่อ Batman Returns ในปี 1992 

เมื่อเทียบกับ Batmobile ในสมัยที่เป็นทีวีซีรี่ส์ก่อนหน้า ที่ดัดแปลงมาจาก Lincoln Futura นั้น Batmobile รุ่นนี้เป็นการเปลี่ยนโฉมของ Batmobile จากรุ่นเดิมอย่างสิ้นเชิง มันดูสุดแสนจะทันสมัย อีกทั้งยังมีใบพัดเครื่องเจ๊ตเหมือนกับเครื่องยนต์ของเครื่องบินอยู่ด้านหน้า อีกทั้งยังมีรูปทรงที่แบนราบลู่ลมในแนวรถสปอร์ต สมรรถนะตามท้องเรื่องก็ใช่ย่อย มันสามารถทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลา 3.7 วินาที ซึ่งเป็นอัตราเร่งที่เร็วพอๆ กับ Porsche 911 turbo รุ่นล่าสุดในวันนี้เลย แถมยังสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 530 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งออกจะโม้ไปซักหน่อย เพราะว่าสถิติความเร็วสูงสุดของโลกล่าสุดที่ทำไว้โดย Bugatti Veyron Super Sport ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาอยู่ที่ 431 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 

นอกจากนั้น Batmobile คันนี้ยังเต็มไปด้วยอุปกรณ์ต่างๆ อย่างเช่นระบบยิงขีปนาวุธ ปืนกลความเร็วสูง ที่ปล่อยควันพรางตัว และที่ปล่อยสารหล่อลื่นเพื่อเป็นกับดักสำหรับรถของผู้ร้ายที่ตามล่ามา แถมยังมีระบบเกราะป้องกันอาวุธต่างๆ ตั้งแต่ปืนกลยันระเบิดอีกด้วย ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของ ‘จินตนาการ’ ของพาหนะคู่ใจของซุปเปอร์ฮีโร่คนเก่งที่ช่วยปราบคนพาลอภิบาลคนดีนั่นเอง ถึงแม้ว่า Batmobile ในสองตอนนี้จะดูเจ๋งล้ำอนาคต แต่นั่นล้วนเป็น ‘จินตนาการ’ ของเหล่านักฝันล้วนๆในความเป็นจริง รถ Batmobile ที่ดูสุดยอดคันนี้สร้างอยู่บนพื้นฐานของ Chevrolet Impala ซึ่งดูแสนจะโบราณ ที่ฮอลลีวู้ดมักใช้เล่นเป็นรถตำรวจที่มักชนกันจนยับเยินระเนระนาด 

หลังจาก Batman Returns ในปี 1992 ก็มีเรื่อง Batman Forever ตามมาในปี 1995 ที่มีวาล คิลเมอร์ (Val Kilmer) เล่นเป็นพระเอก และมีตัวร้ายถึงสองตัวเล่นโดยทอมมี่ ลี โจนส์ (Tommy Lee Jones) เป็น Two-Face และจิม แคร์รี่ย์ (Jim Carrey) เป็น Riddler แต่แฟนๆ Batmobileถึงกับต้องผิดหวังเป็นอย่างมาก เนื่องจาก Batmobile ในตอนนี้ดูหน้าตาเห่ยๆ ไม่เร้าใจเอาเสียเลย ในทางกลับกัน รถคันจริงที่นำมาแสดง กลับมีสมรรถนะใช่ย่อย มันใช้เครื่องยนต์ Chevy 350 ZZ3 จาก Chevrolet Corvette ที่มีกำลังสูงถึง 345 แรงม้า ติดตั้งบนตัวถังน้ำหนักเบาทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ 

เรื่องของ Batman ดูเหมือนขายได้เรื่อยๆ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าตัวเนื้อเรื่องมีความร่วมสมัยอยู่ไม่สร่าง เพราะว่าทุกยุคทุกสมัยก็มักมีคนชั่วและคนดีปะปนกันอยู่ในสังคม ถึงแม้ว่าบางครั้งคนชั่วอาจจะปะปนอยู่กับเหล่าชนชั้นธรรมะ มาในคราบนักธุรกิจทีร่ำรวย ผู้ลากมากดี หรือแม้กระทั่งนักการเมืองผู้ทรงเกียรติ ในปี 1997 ภาพยนตร์ Batman กลับมาอีกครั้งในตอน Batman & Robin โดยมีจอร์จ คลูนีย์ (George Clooney) เป็นพระเอก และคริส โอ’ดอนเนลล์ (Chris O’Donnell) เป็น Robin ในขณะที่ตัวร้าย Mr.Freeze เล่นโดยอาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ (Arnold Schwarzenegger) แถมยังมีดาราดังๆ อีกเพียบอย่างอูม่า เทอร์แมน (Uma Thurman) และอลิเซีย ซิลเวอร์สโตน (Alicia Silverstone) แต่แฟนๆ Batmobile ก็คงต้องผิดหวังอีกครั้ง เพราะว่า Batmobile ในตอนนี้ ดูเหมือนรถซิ่งประดับไฟนีออนสีสันแสบทรวง แถมยังมีความยาวร่วม 10 เมตร ซึ่งนั่นมันบ้าไปแล้ว ไม่รู้ว่าเกี่ยวกันหรือไม่ ภาพยนตร์ Batman & Robin เป็นจุดตกต่ำที่สุดของ Batman เลยก็ว่าได้ มันได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดแย่ หรือ Golden Raspberry Award ในปี 1997 อีกทั้งยังได้รับการโหวตให้เป็นหนึ่งในภาพยนตร์แนวซุปเปอร์ฮีโร่ที่ห่วยที่สุดที่เคยมีมาด้วย 




นั่นทำให้ทั้งผู้สร้างและผู้กำกับต่างก็แหยงไปพักใหญ่กับหนังซุปเปอร์ฮีโร่ตลอดกาลอย่าง Batman จนกระทั่งปี 2005 ถึงได้มีผู้กำกับใจกล้าอย่างคริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan) นำเรื่อง Batman กลับมานำเสนอใหม่ในตอน Batman Begins โดยมีคริสเตียน เบล (Christian Bale) เล่นเป็น Batman ซึ่งเป็นการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของซุปเปอร์ฮีโร่ขวัญใจของทุกคน จนต้องมี The Dark Knight เป็นตอนต่อ Batmobileในทั้งสองตอนนี้ก็กลับมาโดดเด่นอีกครั้ง ด้วยดีไซน์ที่ผิดแผกไปจากธรรมเนียมรถ Batmobile ในอดีตทั้งหลายที่ต้องมีหน้ายาวและครีบแนวตั้งอันโต Batmobile คันใหม่นี้มาในแนวบึกบึนพร้อมบุกตะลุยไปทุกหนแห่งเพื่อปราบเหล่าร้าย ในด้านวิศวกรรมรถคันนี้ออกจะดูแปลกตาเพราะว่ามันไม่มีเพลาหน้า ล้อถูกยึดกับคานด้านข้าง เหมือนกับเอามอเตอร์ไซค์สองคันมาประกบกัน ในขณะที่ดีไซน์ก็เต็มไปด้วยเหลี่ยมสันที่คมคาย ถ้าจะต้องอธิบายสั้นๆ ให้เห็นภาพ มันคือลูกผสมระหว่างรถถังกับ Lamborghini สุดยอดจินตนาการเหลือล้ำสำหรับ Batmobile คันนี้ คือมันสามารถแยกร่างกลายเป็น Batpod ซึ่งเป็นมอเตอร์ไซค์แนว Harley แต่ล้อโคตรบิ๊ก 

Batmobile คันจริงที่นำแสดงในตอน Batman Begins และ The Dark Knight นี้มีขนาดความยาว 4.57 เมตร ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V8 จาก GM ขนาดความจุ 5.7 ลิตร กำลัง 500 แรงม้า สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 5.0 วินาที ตัวถังผลิตจากวัสดุคาร์บอน พร้อมระบบถังโพรเพนสำหรับพ่นไฟโดยเฉพาะ สิริแล้วต้นทุนสร้างสูงถึง 250,000 เหรียญสหรัฐต่อคัน อ้อ! แต่ว่าทั้งใน Batman Begins และ The Dark Knight รถของ Batman ไม่ได้ถูกเรียกว่า Batmobile ในภาพยนตร์ มันถูกเรียกว่า Tumbler ซึ่งเป็นชื่อเรียกเฉยๆ ไม่ได้มีคำแปลที่มีความหมายแต่อย่างใด 

ถึงแม้ว่าโลกมายาได้เปลี่ยนผันแนวจินตนาการ Batmobile ที่มาพร้อมกับครีบแนวตั้งอันโต เปรียบเสมือนปีกค้างคาว ไปแล้ว แต่โลกแห่งความเป็นจริงยังคงสานฝันจินตนาการอย่างต่อเนื่อง นั่นคือ Alfa Romeo BAT ซึ่งหลายคนมีความเห็นตรงกันว่า มันคือ Batmobile ตัวจริงเสียงจริงนอกจอเป็นแน่แท้ ด้วยรูปร่างหน้าตาที่เหมือนค้างคาว แถมมีครีบแนวตั้งอันโตเหมือนปีกค้างคาวอีกด้วย ในประวัติอันแท้จริงนั้น ไม่ได้มีการกล่าวถึงแรงบันดาลใจของ Alfa Romeo BAT ซึ่งเป็นรถคอนเส็ปต์ที่ Alfa Romeo ร่วมมือกันสร้างกับสำนักออกแบบชื่อดังแห่งอิตาลี Bertone ว่าได้ไอเดียมาจาก Batmobile แต่ว่าถ้าดูจากช่วงเวลาแล้ว มันก็ไม่ใกล้ไม่ไกลเท่าไรนัก เพราะว่า Alfa Romeo BAT คันแรกออกมาในปี 1953 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับยุคเฟื่องของ Batmobile นั่นเอง 

แต่นั่นก็เป็นเพียงการอนุมานของผมเท่านั้น ความจริงแล้ว Alfa Romeo BAT ที่มีชื่อเหมือนกับ Bat ที่แปลว่าค้างคาวนั้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับค้างคาวเลย Bertone บอกว่า โครงการ Bertone-Alfa Romeo BAT นี้ คำว่า BAT ย่อมาจาก ‘Berlinetta Aerodinamica Tecnica’ หรือ ‘รถสปอร์ตคูเป้ที่เด่นล้ำด้วยเทคโนโลยีแอร์โร่ไดนามิกส์’ โดยคันแรกที่ออกอวดโฉมที่ตูรินมอเตอร์โชว์ปี 1953 นั้นเป็นรุ่น Alfa Romeo BAT 5 ที่ดูยังไงก็เหมือนค้างคาว แต่ว่าเรื่องของแอร์โร่ไดนามิกส์ของรถรุ่นนี้อยู่ในระดับเทพทีเดียว ด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ Cd เพียง 0.19 นั้นยอดมากเมื่อเทียบกับรถอีกครึ่งศตวรรษต่อมาในวันนี้ ที่อย่างเก่งก็มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ Cd อยู่ที่ 0.26-0.32 

ยิ่งถ้าเปรียบเทียบสมรรถนะแล้วจะต้องยิ่งทึ่ง Alfa Romeo BAT สร้างอยู่บนพื้นฐานแชสซีของรถซาลูนขนาดเล็กรุ่น Alfa Romeo 1900 ใช้เครื่องยนต์สี่สูบ 90 แรงม้า พร้อมระบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด แต่มันสามารถทำความเร็วสูงสุดได้กว่า 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งมากทีเดียวสำหรับรถเครื่องยนต์ 90 แรงม้า แม้กระทั่งในสมัยนี้ นั่นคืออีก 50 ปีต่อมา รถตระกูล Alfa Romeo BAT มีทั้งหมด 3 รุ่น คือ Alfa Romeo BAT 5, Alfa Romeo BAT 7 และ Alfa Romeo BAT 9 ออกมาในปี 1953, 1954 และ 1955 สำหรับโชว์ในงานตูรินมอเตอร์โชว์โดยเฉพาะ และในปี 2008 ในงานเจนีวามอเตอร์โชว์ Alfa Romeo ก็ได้สร้าง Alfa Romeo BAT 11 ออกมาเพื่อเป็นการรำลึกถึงโครงการที่ยอดเยี่ยมในอดีต โดย Alfa Romeo BAT 11 สร้างอยู่บนพื้นฐานโครงสร้างของ Alfa Romeo 8C Competizione สุดยอดรถสปอร์ตจาก Alfa Romeo เพราะฉะนั้น เรื่องสมรรถนะไม่ต้องพูดถึง เจ๋งแน่นอน 

นั่นแทบไม่น่าเชื่อเลยว่ารถ Batmobile ที่มีครีบหางตั้งโด่เด่ เหมือนกับว่าเป็นสัญลักษณ์ปีกค้างคาวนั้น กลับมีฟังก์ชั่นด้านแอร์โร่ไดนามิกส์ที่สามารถใช้งานเป็นประโยชน์ได้จริงๆ เมื่อคิดทบทวนเหตุการณ์ดูแล้วมันก็น่าอัศจรรย์ใจ Batmobile นั้นเหมือนกับเริ่มจากจินตนาการ นั่นคือการออกแบบรถให้มีครีบหางเหมือนปีกค้างคาว เพื่อให้สมฐานะกับการเป็นพาหนะคู่ใจของ Batman แต่แล้วอยู่ๆ มันกลับกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับสิ่งที่มีความหมายและใช้งานได้จริงอย่างเรื่องแอร์โร่ไดนามิกส์ของ Alfa Romeo BAT...


เรื่อง/ภาพ: เศรษฐิพงศ์ อนุตรโสตถิ 
ที่มา: mars magazine

Views: 232

Reply to This

© 2009-2024   PORTFOLIOS*NET by CreativeMOVE.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service