
มีทั้งหล่อด้วยชินหล่อด้วยสำริดปั้นด้วยปูนขาวโดยใช้ศิลาแลงเป็นโกลนหรือแกนในสลักจากหินและไม้รวมทั้งหุ้มหรือบุด้วยทองคำและเงินพระพุทธรูปเหล่านี้มีรูปแบบศิลปะหลากหลายโดยเฉพาะพระพุทธรูปหล่อด้วยสำริดที่หลงเหลืออยู่มากกว่าพระพุทธรูปชนิดอื่น
พุทธศิลปะ
เมืองกำแพงเพชร
พระพุทธชินราช
ผ่านอารยธรรมสุโขทัย
พระพุทธรูป คือรูปเปรียบหรือรูปแทนองค์พระพุทธเจ้า เป็นรูปเคารพประเภทหนึ่งที่พุทธศาสนิกชนสร้างหรือทำขึ้นเพื่อสักการะ น้อมรำลึกถึงองค์พระพุทธเจ้า พระธรรมคำสอน พระพุทธประวัติ เหตุการณ์สำคัญทางพระศาสนาหรือชาดก
คำว่า พระพุทธปฏิมา พุทธปฏิมากร พระปฏิมา หรือปฏิมากร ก็ใช้เรียกแทนพระพุทธรูปได้
“เรื่องทางพระศาสนา พบหลักฐานครั้งแรกเป็นภาพสลักหินในรัชสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชแห่งราช วงศ์โมริยะ (พ.ศ. 270 ถึง พ.ศ. 307 หรือราวพุทธศตวรรษที่ 3) และต่อมาในสมัยราชวงศ์ศุงคะ (ราวพุทธศตวรรษที่ 4 - 5) เรื่อยมาถึงสมัยอมราวดี ประมาณพุทธศตวรรษที่ 6 – 9 ภาพสลักหินเหล่านี้ปรากฏอยู่ที่พระสถูปเมืองสาญจี ภารหุตและพุทธคยา” พัชรินทร์ ศุขประมูล นักภัณฑารักษ์ เขียนเรื่อง “พระพุทธรูปในพิพิธ ภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร” ในวารสารศิลปากร (ฉบับก.ย.-ต.ค. 2549)
พัชรินทร์ ได้กล่าวถึงดินแดนประเทศไทย ได้พบพระพุทธรูปรุ่นเก่าขนาดเล็ก ที่อาจนำมาจากอินเดียหรือลังกา หรือเป็นลักษณะที่ได้รับอิทธิพลมาทั้งในภาคใต้ ภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ กำหนดอายุในราวพุทธศตวรรษที่ 11 – 13 (ประมาณ พ.ศ. 1001 - 1290)
ต่อมา พุทธศิลปะอย่างอินเดีย ลังกาได้ผสมผสานกับความนิยมในท้องถิ่นกับศิลปะของดินแดนใกล้ เคียงอย่างชวา เขมร และพม่า กลายเป็นพุทธศิลปะรูปแบบที่แตกต่างกันไปตามยุคสมัย นิยมรวมทั้งคติการสร้างด้วยเดิมการแสดงปาง (มุทรา) ของพระพุทธรูปมีเพียง 7 ปาง ปางหลักได้แก่ ปางสมาธิ ปางมารวิชัย ปางปฐมเทศ นา ปางแสดงธรรม ปางประทานอภัย ปางประทานพร และปางปรินิพพาน
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ มีการสร้างพระพุทธ รูปปางต่างๆ เพิ่มขึ้นจากเดิมรวมเป็น 40 ปาง ซึ่งคติการสร้างพระพุทธรูปจากเดิมเพื่อเป็นพุทธานุสติ ก็พัฒนามาเป็นการสร้างตามความศรัทธา เพื่อการสืบพระศาสนา กุศลบุญแก่ผู้สร้าง อุทิศให้ผู้ตาย หรือเพื่อสะเดาะเคราะห์
เมื่อหันมามองกำแพงเพชร เมืองสำคัญทางประวัติศาสตร์ช่วงสมัยสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา และต้นกรุงรัตนโกสินทร์ พุทธศาสนิกชนที่อาศัยอยู่ภายใต้ขอบเขตขัณฑ สีมาของกำแพงเมืองได้ศรัทธาสร้างสรรค์ผลงานศิลปกรรมในพระพุทธศาสนาไว้มากมายหลายประเภท ยังหลงเหลือให้เห็นมาถึงปัจจุบันคือพระพุทธรูป
มีทั้งหล่อด้วยชิน (ตะกั่วและดีบุก) หล่อด้วยสำริด (ดีบุกและทองเหลือง) ปั้นด้วยปูนขาวโดยใช้ศิลาแลงเป็นโกลนหรือแกนใน สลักจากหินและไม้ รวมทั้งหุ้มหรือบุด้วยทองคำและเงิน พระพุทธรูปเหล่านี้มีรูปแบบศิลปะหลากหลาย โดยเฉพาะพระพุทธรูปหล่อด้วยสำริดที่หลงเหลืออยู่มากกว่าพระ พุทธรูปชนิดอื่น นับเป็นหลักฐานที่สามารถสะท้อนหรือบ่งบอกถึงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ พัฒนา การทางศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนภูมิปัญญาของบรรพชนกำแพงเพชรในอดีตได้เป็นอย่างดี
นักภัณฑารักษ์ท่านนี้ ยังพิเคราะห์พุทธศิลปะที่พบในกำแพงเพชรด้วย พิจารณาศึกษาลักษณะที่ปรากฏในพระพุทธรูปโบราณจำนวนมากโดยรวมแล้วแบ่งเป็นกลุ่มได้ 6 แบบ แบบศิลปะหริภุญไชย หรือลำพูน พบที่กิ่งอำเภอโกสัมพีนคร กำหนดอายุราวพุทธศตวรรษที่ 18 เก่าแก่ที่สุดเท่าที่พบในจังหวัดกำแพงเพชร
แบบศิลปะสุโขทัย ยังปรากฏอิทธิพลของพระพุทธรูปสุโขทัยหมวดใหญ่อยู่มาก นิยมในการทำท่าประทับขัดสมาธิราบ หัตถ์แสดงปางมารวิชัย ครองจีวรห่มเฉียง ชายจีวรหรือสังฆาฏิยาวลงมาอยู่ที่ระดับนาภี ปลายเป็นรูปเขี้ยวตะขาบ และเป็นรูปหยักแหลม อังสากว้าง ปั้นพระองค์เล็ก ขมวดเกศาใหญ่โค้งลงเป็นมุมแหลมกลางนลาฏ แต่รูปพักตร์จะแตกต่างจากพระพุทธรูปสุโขทัยคือ นลาฏค่อนข้างกว้าง หนุเสี้ยมหรือแคบเข้าเครื่องแต่งพักตร์ เช่น ขนงเปลือกพระเนตร นาสิกและโอษฐ์ดูมีขนาดเล็กกว่า เป็นลักษณะเฉพาะของพระพุทธรูปแบบสุโขทัย ที่เรียกว่า สกุลช่างกำแพงเพชร กำหนดอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 20 -21
แบบศิลปะล้านนา พบว่ามี 2 แบบ ได้แก่ แบบคล้ายพระพุทธรูปศิลปะล้านนาหรือเชียงแสนรุ่นแรก ที่เรียกว่าแบบสิงห์ 1 คือพักตร์กลม หนุเป็นปม ขมวดพระเกศาใหญ่ รัศมีเป็นรูปบัวตูมหรือลูกแก้ว องค์อวบอ้วน ประทับขัดสมาธิเพชรแลเห็นฝ่าพระบาททั้งสองข้าง สังฆาฏิสั้น ปลายเป็นลายเขี้ยวตะขาบ และแบบคล้ายศิลปะล้านนารุ่นหลัง คือพักตร์กว้าง ยาวขึ้น พระเนตรเปิดกว้าง อุษณีษะสูงขึ้น ขมวดเกศาเล็กลง และรัศมีเป็นรูปบัวสูงขึ้น กำหนดอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 21 -22
แบบศิลปะอู่ทอง พบว่ามี 2 แบบ ได้แก่ แบบศิลปะอู่ทอง 2 คือพักตร์เป็นรูปสี่เหลี่ยมค่อนข้างดุ ไรพระศกเป็นเส้นแบน หนุเป็นร่องตรงกลางรัศมีเป็นเปลวไม่อ่อนช้อย แบบศิลปะสุโขทัย และแบบศิลปะอู่ทอง 3 คือพักตร์ยาวแบบอิทธิพลศิลปะอยุธยา รัศมีเป็นเปลวยาวดูแข็งกระด้าง ไรพระศกเป็นเส้นเล็กลง สังฆาฏิยาวแต่ปลายหยักเล็กน้อย อังสาและพระชวฆ์เล็กหลุ่ลงไม่ผึ่งผาย กำหนดอายุในราวพุทธศตวรรษที่ 19 -20
แบบศิลปะอยุธยา พบว่ามีรูปแบบหลากหลาย มีทั้งพระพุทธรูปที่ยังคงแสดงอิทธิพลศิลปะอู่ทอง 3 ศิลปะสุโขทัย ศิลปะล้านนารุ่นหลัง และศิลปะลังกา แต่ลักษณะเครื่องแต่งพักตร์และขมวดพระเกศาเล็กลง คล้ายหนามขนุนจะเป็นลักษณะของศิลปะอยุธยา กำหนดอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 22 – 23
แบบศิลปะรัตนโกสินทร์ พบว่าในช่วงแรก ยังนิยมทำพระพุทธรูปแบบศิลปะอยุธยา แต่นิยมสลักด้วยไม้ปิดทอง หรือหล่อด้วยโลหะปิดทอง และในเวลาต่อมาการสร้างพระพุทธรูปปางต่างๆ พระพุทธรูปทรง เครื่องเต็มพระยศอย่างกษัตริย์ ที่เรียกว่า พระทรงเครื่องใหญ่ และพระพุทธรูปที่ครองจีวรลายดอกอย่างกรุง เทพฯ ก็พบเป็นจำนวนมากในกำแพงเพชร กำหนดอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 24 – 25
“พระพุทธรูปโบราณที่พบในจังหวัดกำแพงเพชร มีทั้งที่อยู่ในความครอบครองของวัดและเอกชน และที่ได้จากการขุดค้นขุดแต่งทางโบราณคดีก่อนการบูรณปฏิสังขรณ์โบราณสถานต่างๆ ในขอบเขตขัณฑสีมากำแพงเมือง” นักภัณฑารักษ์ กล่าวทิ้งท้าย
เมื่อมองพุทธศิลปะปูนปั้น แหล่งซากวิหาร เช่น วัดพระแก้ว มีพระพุทธรูปปูนปั้นขนาดใหญ่ ปางมารวิชัย 2 องค์ และปางไสยาสน์ 1 องค์ ลักษณะพระพักตร์ของพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ค่อนข้างเป็นเหลี่ยม พระขนงต่อกันคล้ายกับรูปปีกกา พระเนตรเรียวเล็กปลายแหลมขึ้น “มีผู้เสนอว่าพระพุทธรูปดังกล่าวเป็นแบบศิลปะอู่ทองหรืออยุธยาตอนต้น” จากศูนย์ข้อมูลมรดกโลกไทย
วัดพระสี่อิริยาบถ ด้านหลังวิหารเป็นมณฑปขนาดใหญ่ ลักษณะเป็นแบบจตุรมุข ยื่นออกมาทั้ง 4 ทิศ แต่ละด้านก่อผนังให้เว้าเข้าไปและประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้น ผนังด้านตะวันออกประดิษฐานพระพุทธรูปลีลา ด้านทิศเหนือเป็นพระพุทธรูปนอน ด้านทิศใต้เป็นพระพุทธรูปนั่ง และด้านทิศตะวันตกเป็นพระพุทธรูปยืน
อย่างไรก็ดี กำแพงเพชรเคยเป็นเมืองลูกหลวงเมืองหน้าด่านของสุโขทัย งานพุทธศิลปะก็ย่อมได้รับอิท ธิพลพุทธศิลปะสุโขทัยด้วยเช่นกัน กระนั้นก็ตามงานพุทธศิลปะก็คลี่คลายผ่านทางวัฒนธรรมส่งทอดต่อกัน แม้แต่องค์พระพุทธชินราขที่จังหวัดพิษณุโลกเช่นกัน ดังที่บทคำนำ “ลักษณะไทย” เล่ม 4 ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้เขียน ขอความตอนหนึ่ง
“คนที่เข้าไปนั่งอยู่ในโบสถ์พระพุทธชินราชที่จังหวัดพิษณุโลก จะได้เห็นด้วยตาตนเองว่า อารยธรรมของสุโขทัยตอนปลายคืออะไร การสร้างโบสถ์วิ หารและเทคโนโลยีในการหล่อพระพุทธรูปสำริดขนาดใหญ่ถึงเพียงนั้นได้ทั้งองค์เป็นอารยธรรม ความประณีตงดงามในการปั้นองค์พระพุทธรูปนั้น เป็นศิลปะและความเชื่อถือ ความดลบันดาลใจ และระเบียบแบบแผนทั้งหมดที่ทำให้สร้างพระพุทธรูปอันงดงามขึ้นนั้นเป็นวัฒนธรรมของสุโขทัย
องค์พระพุทธชินราชและโบสถ์ที่ประดิษฐานพระพุทธชินราชนั้นจึงเป็นลักษณะไทยอย่างหนึ่ง ที่ยังเห็นได้อยู่ในยุคปัจจุบัน ซึ่งเกิดขึ้นจากวัฒนธรรมไทยประกอบกับอารยธรรมในสมัยหนึ่ง และศิลปกรรมซึ่งเป็นเอกลักษณ์ไทยโดยสมบูรณ์ ไม่มีอย่างอื่นเข้ามาเจือปน เป็นลักษณะไทยซึ่งเราอาจมองดูได้โดยผ่านวัฒนธรรม”
โดย: เนติ โชติช่วงนิธิ
ที่มา: สยามรัฐ 14 กันยายน 2553