เธอฉันนั้นมาจากไหน ?

 

นับแต่ก่อเกิดกาลสมัย

ฝุ่นผงอากาศธาตุรวมตัวแล้วแตกดับ นับครั้งยากยิ่ง

ก้อนธาตุขนาดมหึมา ติดไฟบรรลัยลอยละลิ่วพุ่งปลิว

พริ้งพลิ้วกระจายในจักรวาล

เกิดเป็นดวงดาวนานาใหญ่ไพศาล

นักวิทยาศาสตร์กล่าวเอาไว้มาเนิ่นนาน

ดวงดาวที่สงบเย็นจากไฟและฝุ่นเถ้า เกิดมี H2O ชีวิตก็กำเนิดมาตามกาล

เกิดสัตว์เลื้อยคลาน วิวัฒนาการมาเป็นมนุษย์ฉัน เป็นมนุษย์เธอ...

 

ผีป่า ทวยเทพนานา

ความเชื่อ ความศรัทธา ก่อเกิด

บวงสรวง เซ่นไหว้ บูชายัญ

เปิดเป็นตำนานยำเกรงในสิ่งลับเร้น

กาลต่อมา ผู้ที่มีปัญญาประเสริฐ ชี้ทางสว่างให้หลุดพ้นจากอวิชชา

ดับทุกข์ ก่อสุข เพียรให้เป็น

ศาสดากี่พระองค์ทรงคำสอน

มนุษย์เธอฉัน ก็ยังคงจองจำตนอยู่ในความโฉด

สว่างมองไม่เห็น

อนิจจาสงครามนานา

ธนู หอก ดาบแหลม จวบระเบิดปรมาณู

พินิจดู เธอฉันช่างเป็นสัตว์ที่ดุร้าย...

 

มนุษย์ฉัน มนุษย์เธอ

 เพราะด้วยใช้หู ตา จมูก และดวงใจอย่างสามัญประเมินค่านิยม

ยโส โอหัง หยิ่ง ทระนง โฉด เขลา เบาปัญญายิ่ง

จึงจมดิ่งอยู่ในความขื่นขม แล้วแสร้งขำขัน

หลงอาจม ชิมรสสวะ แล้วเชิดชูในความไร้แก่นสาระเป็นพัลวัน

อาณาจักรของเธอ อาณาจักรของฉัน

กระจิริดดุจอยู่ในกะลาครอบของกันและกัน

เธอและฉันมาจากไหนรู้กันแล้วนะ แต่ว่ามันไม่สำคัญ

เธอและฉันจะไปสู่หนใดนั้น

คำถามนี้น่าสนใจและสำคัญกว่า...

 

 

******************

 

Views: 277

Replies to This Discussion

ไปแบบละเอียด ๆ คือ ....
อยากไปสู่นิพพาน แต่เป็นเรื่องที่ยังจับต้องไม่ได้ ..
กลับมาอีกที่ว่า นิพพานทุกขณะจิต *^_^*
ไปแบบหยาบๆ ก็คือตาย ไม่มีอะไรติดตัว .... แล้วว
จะหลง ยโส โอหัง หยิ่ง ทะนง โฉลด เขลา กันใย <3~~
ถือเสียว่าบทกวีบทนี้ เป็นการทบทวนประวัติศาสตร์โลก และมานุษยวิทยาไปด้วยในตัวเนาะ (ฮา) ;D

ก็ดังที่คุณ Kantima ว่ามานั่นแล
ทั้งๆที่เรามอบความรักและความดีงามให้แก่กันนั้น
ช่วยให้มีความสงบสุขร่มเย็นยิ่ง ทั้งภายในใจและภายนอก(รอยยิ้ม)
ไฉนไยเล่า จึงจ้องทำร้ายทำลายกันไม่จบสิ้น อนิจจาจริงๆเนาะมนุษย์ผู้ที่ยังเขลา (-*-).

ป.ล. เอาน่า ก็ค่อยๆใช้บทกวีและศิลปะช่วยกล่อมเกลาจิตใจเพื่อนร่วมโลกไปทีละน้อยๆก็แล้วกัน
หวังใจว่ามันจะดลให้ใครสักคนมีความสุขและเย็นใจได้ ก็นับว่าเป็นความสำเร็จงามยิ่งแล้วสำหรับผม ^^
เห็นด้วยค่ะ ทำได้บ้าง ดีกว่าไม่ได้ทำ ...
ยากง่ายต่างกัน ฉันใด ...
ก็ดังเช่นที่พระพุทธเจ้าท่านเปรียบว่า
คนเหมือนบัวสี่เหล่าฉันนั้นแล *^_^*
เนาะ โดยเฉพาะถ้าเราฝึกฝืนใจตัวเองด้วยการเอาชนะกิเลสบางตัวให้สำเร็จได้นั้น
โอ...เหมือนขึ้นสวรรค์จริงๆ นี่แลดังคำที่ว่า สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ ^^
เน๊าะ งั้นหาสวรรค์ทุกเช้า จะได้เป็นสวรรค์ไปทั้งวัน
เอาแค่นี้ เด๋วก็จะชินกับใจที่เป็นสวรรค์ อิอิ
กลับสู่บทกวีนี้อีกที
เธอฉันนั้นสามารถเข้าถึงสวรรค์ได้ ไม่ยากเย็น
หากเรียนรู้ ปล่อยวางเป็น
มรรควิธี วิถีธรรมะ พระพุทธะทดลองแสดงให้เห็น
๒๕๕๓ ปีผ่านมา จิตใจร่มเย็น
บ่ยากเข็ญเกินปฏิบัติ ^^
สาธุ สาธุ ขอให้ความนิ่งสงบ ปล่อยวาง จงเกิดกับจิต อย่างง่ายดาย อิอิ ..
อยากให้จิตเป็นสวรรค์ ทุกขณะจิต *^_^*
ช่วงนี้หนักธรรมะสักหน่อยนะครับ กำลังอิน 5555555+
ดีค่ะ ธรรมะควรอยู่กับเราตลอดเวลา อิอิ
เขียนดีจังค่ะ ^_^
ปลื้มแทนผู้เขียนมีคนชม อิอิ ...

RSS

© 2009-2024   PORTFOLIOS*NET by CreativeMOVE.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service