พิพิธภัณฑ์คนรัก “แบรนด์”

 

การถ่ายทอดเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของคนเราทำได้หลายวิธี แต่ละคนก็มีวิธีของตัวเองแตกต่างกันไป 

เช่นเดียวกับ โรเบิร์ต โอพาย นักประวัติศาสตร์ด้านผู้บริโภคที่เห็นถึงความจำเป็นของการบันทึกประวัติศาสตร์การบริโภคของมนุษย์ จึงถ่ายทอดมันผ่านสิ่งของที่เขาสะสมไว้เป็นคอลเลคชั่นและเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อว่า แบรนด์ส แพ็คเกจจิ้ง และแอดเวอร์ไทซิ่ง (Brands, Packaging and Advertising) นักท่องเที่ยวที่มาเยือนจะได้เห็นวิวัฒนาการของการพัฒนาของแบรนด์ผ่านการโฆษณาและการออกแบบหีบห่อ หรือบรรจุภัณฑ์ที่สร้างสรรค์ รวมถึงการที่ผู้บริโภคอย่างเราๆ พัฒนาไปพร้อมๆ กับมันด้วย 

โรเบิร์ต เป็นคนแรกในโลกที่สร้างพิพิธภัณฑ์แบบนี้ขึ้นมา ความคิดนี้เกิดขึ้นตอนที่เขาอายุเพียง 16 ปี ในขณะที่เด็กหนุ่มคนอื่นวัยเดียวกันมักจะคิดถึงแต่เรื่องฟุตบอลและจีบสาว แต่เขากลับคิดถึงการบันทึกเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ความคิดนี้ผุดขึ้นมาตอนที่เขานั่งกินขนมขบเคี้ยวอย่างลูกกวาด บิสกิตและถั่วที่ซื้อจากเครื่องขายขนมที่สถานีรถไฟ ทันใดนั้นเขาก็คิดขึ้นมาได้ว่าถ้าเขาโยนถุงขนมที่กินหมดแล้วลงถังขยะ เศษเสี้ยวเล็กๆ ของประวัติศาสตร์ทางสังคมก็จะถูกทิ้งไปด้วย 


“ในขณะที่หลาย ๆ ครอบครัวมีแนวโน้มที่จะเก็บสิ่งของที่ได้จากโอกาสพิเศษไว้เป็นที่ระลึก และละเลยสิ่งของที่เราใช้เป็นประจำทุกวัน ผมกลับคิดว่าถ้าเรานำประวัติศาสตร์ของสังคมเรานับพันๆ ชิ้นมาวางต่อกันเป็นจิ๊กซอว์ขนาดยักษ์ เราก็จะมองเห็นการเดินทางอันน่าทึ่งที่พวกเราเดินทางผ่านมาด้วยกัน” โรเบิร์ตกล่าว 

ครอบครัวของโรเบิร์ตเป็นครอบครัวที่ชอบสะสมของ พ่อของเขาซึ่งเป็นนักแต่งหนังสือเด็กก็ชอบสะสมหนังสือเด็ก คอลเลคชั่นหนังสือเด็กของพ่อของเขาถือเป็นคอลเลคชั่นที่ดีที่สุดที่อยู่ในความครอบครองของบุคคลไม่ใช่องค์กร ปัจจุบันถูกเก็บอยู่ที่ห้องสมุดโบดเลียน (Bodleian) ของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด 

ตอนที่โรเบิร์ตยังเด็กเขาสะสมเหรียญ ลูกหิน แสตมป์ และของอย่างอื่นที่เด็กๆ ชอบสะสมกัน แต่เขาก็ต้องการความแตกต่างจากเพื่อนๆ ของสะสมชิ้นแรกที่เขาเก็บคือกระดาษห่อขนม Munchies จากนั้นเขาก็เริ่มสร้างคอลเลคชั่นและขยายการสะสมไปยังของที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันตั้งแต่ ของเล่น นิตยสาร เทคโนโลยี ของที่ระลึก แฟชั่นและงานดีไซน์ 



อีกเกือบ 40 ปีต่อมา โรเบิร์ตสะสมของพวกนี้ได้ราว 5 แสนชิ้น ซึ่งเขานำชิ้นที่เป็นสุดยอดหรือของดีไปโชว์ไว้ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ที่เขาตั้งขึ้นเมื่อปี 2527 ตอนแรกพิพิธภัณฑ์นี้ตั้งอยู่ที่เมืองกลอสเตอร์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอังกฤษ ต่อมาในปี 2548 ก็ย้ายมาอยู่ย่านนอตติ้ง ฮิลล์ ในกรุงลอนดอน โดยมีนักท่องเที่ยวเข้าชมปีละ 30,000 คน 

ของสะสมในพิพิธภัณฑ์นี้ส่วนมากเป็นตราสินค้าและบรรจุภัณฑ์ของอุปโภคบริโภคและภาพโฆษณากว่า 12,000 ชิ้น ประวัติศาสตร์ของวัฒนธรรมการบริโภคถูกถ่ายทอดผ่านเครื่องอุปโภคบริโภค ของใช้ประจำบ้านและตะกร้าจ่ายของใบโปรดในอดีต ของโบราณเหล่านี้จะพาผู้มาเยี่ยมชมย้อนเวลากลับไปหาอดีตตั้งแต่ยุควิคตอเรียเมื่อ 200 ปีก่อนจนถึงปัจจุบัน ซึ่งจะเห็นถึงการปฏิวัติของผู้บริโภคที่ยังคงมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา 

 



โรเบิร์ตพยายามเสาะแสวงหาสิ่งของที่หายากมาอยู่ในคอลเลคชั่นของเขา 
“ในโลกนี้มีสิ่งของเป็นพันๆ อย่างที่เป็นของหายาก แต่เราจะตัดสินมันจากอะไรว่าอันไหนหายากอันไหนหาง่าย เหมือนอย่างกระป๋องใส่ซุปก้อนยี่ห้อ Oxo (เหมือนซุปก้อนคนอร์บ้านเรา) คนมักจะสะสมกระป๋องเพราะเป็นของที่มีประโยชน์สามารถนำมาใส่ของอย่างอื่นได้ แต่การจะหากระดาษห่อซุปก้อนที่บรรจุอยู่ในกระป๋องเป็นเรื่องที่ยากกว่าเพราะไม่มีใครเก็บกระดาษห่อมันไว้” โรเบิร์ตกล่าว 

หลายคนอาจจะคิดว่าการเก็บของเหล่านั้นไว้มันก็ไม่ต่างจากการสะสมขยะดีๆ นั่นเอง แต่โรเบิร์ตบอกว่าจริงๆ แล้วมันเป็นชิ้นส่วนเล็กๆ ของชีวิตประจำวันของคนที่เมื่อนำมาประกอบกันแล้วจะเห็นถึงรากฐานทางจิตวิทยาและสังคมของมนุษย์รวมถึงแรงกระตุ้นของสังคม 


----------------------- 
ที่มา: เว็บไซต์ www.museumofbrands.com และ www.ukirelandtravel.suite101.com 



โดย: ลิเวอร์ เบิร์ด 
ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ 20 กรกฎาคม 2553 

Views: 235

Reply to This

Replies to This Discussion

thinking change,Just moment
Today the old store tomorrow.
้art of life *^_^*

RSS

© 2009-2024   PORTFOLIOS*NET by CreativeMOVE.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service