“เธอกับฉันไม่จำเป็นต้องคิดเหมือนกัน”
ไม่จำเป็นสักนิดที่เธอจะต้องมาเข้าใจ
ไม่จำเป็นสักนิดที่เธอจะต้องมาทำเป็นห่วงใย
ฉันไม่ใส่ใจสักนิด เพราะไม่เห็นว่ามันจำเป็น...
เธอมีโลกส่วนตัวของเธอ
ฉันมีโลกส่วนตัวของฉัน
สิ่งนั้นต่างหากที่จำเป็นสำหรับเรา...
โลกของเธออาจมีทุ่งหญ้าสีเหลืองสุดสดใส
โลกของฉันอาจมีทุ่งหญ้าสีแดงไม่เหมือนใคร
แต่ที่สำคัญเราต่างก็มีหัวใจที่งดงามเหมือนกัน...
ไม่ต้องแสร้งว่าเห็นพ้อง
ไม่จำเป็นที่จะต้องคล้องจอง
เราสองก็สามารถรวมใจ...
พระอาทิตย์ที่เธอว่าแสนสวย ส่งแสงแรงกล้าและงดงาม
แต่ฉันว่าดวงจันทร์นั้นนวลใสถูกใจไม่เห็นพ้องต้องตาม
ถึงอย่างนั้นในยามนี้เราต่างก็ตรงใจในจักรวาล...
เธออาจชื่นชมจตุพร+ณัฐวุฒิ เพราะรักในทักษิณ
ฉันอาจโบยบินนิยมยินฝักใฝ่ในพันธมิตรฯ
แต่ฉันก็ไม่เคยคิดว่าเราควรต้องมาแตกแยก...
ฉันรักเธอในสิ่งที่เธอเป็น
ฉันสามารถรักเธอได้โดยไม่ยากเย็น
ไม่เห็นจำเป็นต้องแสร้งว่ารักเธอ...
ฉันไม่ขอเสแสร้งใดๆอีกต่อไป
ฉันรักเพื่อนร่วมสังคมได้อย่างบริสุทธิ์และสุดขั้วหัวใจ
แม้นเธอจะชิงชังฉันอย่างไรนั้นไม่สำคัญ
เพราะมันไม่ใช่ปัญหาของฉัน นั่นมันปัญหาของเธอ เพื่อนเอ๋ย...
****************************************************************
ป.ล. จากบทที่ว่า ‘ฉันอาจโบยบิน นิยมยิน ฝักใฝ่ในพันธมิตรฯ
ผมยกมาเป็นตัวอย่างประกอบ เพื่อให้เห็นถึงความแตกต่างทางความคิดของคนในสังคม
หาใช่ผมนิยมยินฝักใฝ่ในกลุ่มพันธมิตรฯจริงๆแต่ประการใด
ผมต่อต้านกระบวนการการยุยงให้คนในสังคมแตกแยกครับ...
Tags: