สถานที่ในฝันของช่างภาพ # มัลดีฟส์ สวรรค์ โรแมนติก

ได้มีโอกาสไปทำงานไม่กี่วันในมัลดัฟส์ จึงมีโอกาสเก็บภาพบรรยากาสมานิดหน่อย



มัลดีฟส์เป็นประเศที่อยู่ในมหาสมุทรอินเดียอยู่ด้านซ้ายล่างของอินเดียซึ่งเป็นด้านตรงข้ามกับศรีลังกา มีความสวยงามโดดเด่นที่สุดคือ Atoll หรือเกาะแก่งหาดทรายที่เกิดจากภูเขาไฟจนเกิดแนวปะการัง เมื่อสลายตัวจึงกลายเป็นหาดทรายงดงามโผล่พ้นน้ำที่มีลักษณะตื้นแผ่ออกไปทำให้รอบๆนั้นมีสัตว์น้ำมากมายรวมถึงสัตว์ขนาดใหญ่อย่างฉลามวาฬ ฉลามหัวค้อน ฯ

มัลดีฟส์นั้นได้ขึ้นชื่อว่าเป็น Honeymoon Destination และ Diving Paradise ในแต่ละปีจึงมีนักท่องเที่ยวมาอย่างมากมายโดยเฉพาะแถบยุโรปอย่างประเทศ UK, Italy และ France อีกหนึ่งที่โดดเด่นคือ ความหรูหรา ที่นี่มีรีสอร์ทประเภทหรูหราอยู่ราว 96 แห่ง การมาแต่ละครั้งจึงต้องคิดให้ดีเพราะกระเป๋าจะฉีกได้ง่ายๆ แต่อย่างไรก็ตามที่นี่คือ Once in a Lifetime Destination ที่ใครทุกคนเมื่อได้ยินชื่อแล้วถือว่าเป็นสถานที่ในฝันอันดับต้นๆเลยทีเดียว



การเดินทางต้องเริ่มต้นที่เมืองหลวง Male สายการบินที่ผมไปคือ Singapore Airline เปลี่ยนเครื่องที่สิงคโปร์ โดยปกติต้องนอนค้างที่ Male หนึ่งคืน (แนะนำ Holiday Inn เท่านั้น) จึงนั่ง Air Taxi หรือ Sea Plane ที่เป็นเครื่องแบบ Twin Otto จุผู้โดยสารได้แค่ประมาณ 10 คน  มุมมองจากอากาศตรงนี้แหละคือความที่สุดของมัลดีฟส์เมื่อได้มีโอกาสเห็นเกาะแก่งต่างๆที่อยู่รายล้อม Atoll อีกทีหนึ่งที่ทำให้แทบลืมหายใจในความสวยงาม



Atoll ในมัลดีฟส์มีอยู่ 19 กลุ่ม แต่ละกลุ่มจะมีเกาะย่อยๆ รวมกันเป็นหมู่ตรงขอบๆของ atoll รวมกันมีลักษณะเป็น atoll แบบกลมบ้าง รีบ้าง เมื่อรวมทุก Atoll จะมองเห็นการวางตัวเป็นเส้นแนวยาวกว่า 800 กม. นั่นก็คือแนวภูเขาไฟหรือประเทศมัลดีฟส์นั่นเอง

 

การเดินทางจึงควรเลือกว่าตั้งใจจะอยู่ที่  Atoll ไหน เนื่องจากความยาวของมันไม่ต่างจากประเทศไทย หากอยู่ที่ Kaafu Atoll ก็สามารถนั่งเรือข้ามไปเกาะได้ แต่ถ้าหากเป็น Atoll ที่ไกลออกไปก็ต้องเป็นเครื่องข้อดีคือเราสามารถเห็นมุมสวยงามจากอากาศได้นานกว่าหากออกไป Atoll ที่ไกล ส่วนมากนักท่องเที่ยวจึงเลือกรีสอร์ทที่มีมากมายภายใต้ Kaafu Atoll และ Ari Atoll ส่วน Atoll ที่เหลือมีรีสอร์ทจำนวนน้อยกว่าและก็อาจจะแพงกว่า

รีสอร์ที่มัลดีฟส์มีจุดเด่นใหญ่ๆ 2 จุด นั่นคือ การเป็น One island one resort และ Water Villa ที่ตั้งอยู่กลางน้ำ รวมถึงน้ำที่ใสและตื้นมากจนเมื่อมองออกไปจะเห็นเป็นสีที่เปลี่ยนเป็นสีต่างๆตามสัณฐานของเกาะใน Atoll ที่นี่ไม่สามารถหาสถานที่นอนแบบประหยัดได้ เพราะเกือบทั้งหมดคือรีสอร์หรูหราระดับ 5 ดาวแทบทั้งสิ้น



รีสอร์ทที่ผมมาคือ Diva Resort ที่อยู่บนเกาะ Dhidhoofinolhu บนด้านใต้ของ Ari Atoll หรือ South Ari Atoll  รีสอร์ทแต่ละแห่งจะมีจุดเด่นต่างกันไป ได้แก่ หาดทรายที่สวยงาม, แนวปะการังที่งดงาม, ดีไซน์ของห้อง, Excursion ทั้งหมุดนี้คือสิ่งที่ต้องพิจารณาหากจะเลือกมาเที่ยวมัลดีฟส์เพราะแต่ละแห่งมีจุดดีจุดด้อยต่างกันไป สำหรับบ้านพักแล้ว รีสอร์ทแต่ละที่จะมีให้เลือกหลายแบบไม่ใช่เฉพาะ Water Villa เท่านั้น รีสอร์ททุกแห่งยังมี beach villa หรือ pool villa ให้เลือกในราคาที่ถูกกว่า

ตัว Diva Resort เองมีจุดเด่นอยู่ที่การเป็นเกาะขนาดใหญ่จากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่งยาวถึง 1.8 กม. ทำให้ที่เกาะนี้มีพื้นที่ส่วนตัวเยอะกว่า หาดทราบขาวละเอียดที่งดงาม รวมถึงต้นไม้ดอกไม้ที่อยู่ตามทางเดินกลางเกาะที่ทำให้ร่มรื่นตลอดเวลาที่อยู่ทั้งทริป ที่สำคัญตรงจุดนี้เองที่ใกล้กับจุดดำน้ำที่สวยงามที่สวยที่สุดในมัลดีฟส์ มีทั้งปลาขนาดใหญ่มากมายควมถึงฉลามวาฬ เพราะบริเวณขอบด้านใต้ของ South Ari Atoll ที่เป็นตำแหน่งของรีสอร์ทที่อยู่ตรงนี้เองที่เป็นหนึ่งในสามแห่งของโลกที่เป็นจุดที่เห็นฉลามวาฬได้ตลอดทั้งปี (แต่ผมอดไปเพราะทำงาน)



ส่วนที่นี่หากใครต้องการสไตล์ Water Villa ที่เดินลงไปก็ว่ายน้ำดำน้ำท่ามกลางปะการังและปลาน้อยใหญ่อาจจะผิดหวังสักนิด แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะเราสามารถซื้อ Excursion ออกไปดำน้ำได้ทุกวัน

ที่มัลดีฟส์ส่วนมากจะมีแพคเกจให้เลือกตามมาตรฐานคือ Bed & Breakfast (อาหารเช้าเท่านั้น), Half Board (เช้าและเย็น), Full Board (เช้ากลางวันเย็น) และ All Inclusive (เช้ากลางวันเย็นรวมเครื่องดื่ม)  การจะแพลนขอแนะนำว่าศึกษาดีๆเพราะอาหารและเครื่องดื่มที่นี่แพงมาก ส่วนมากคนที่ไปไม่ได้ตั้งใจจะจ่ายขนาดนี้ หากคุณซื้อแค่ B&B ผมแนะนำให้เผื่อเงินอีกราว 60-70% ของค่าห้องเป็นค่าอาหารและเครื่องดื่ม เผื่อเงินอีกสัก 1-2 หมื่นสำหรับ excursion ต่างๆที่มีราคาต่างๆกันไป (ทุกอย่างที่นี่แพงมหาโหดครับ อาหารมื้อละ 1500 - 2000 ต่อคน ดำน้ำประมาณ dive ละ 5000) นอกจากดำน้ำแล้วยังมีบริการ snorkelling , ตกปลา, spa, กีฬาทางน้ำต่างๆ, Sunset Cruise, Local Village Visit, Cast Away Private Picnic, Tea Tasting, Wine Tasting เต็มไปหมดครับ ส่วนที่ไม่เสียตังคือให้อาหารปลากระเบนครับ มีแทบทุกเกาะ)



ชีวิตนี้ของผมถือว่ามีโชคที่ได้มา หากให้จ่ายเองคงคิดแล้วคิดอีกว่าจะจ่าย 2 แสน ต่อ 2 คน ไหวไหม สำหรับ 5 วัน แต่ถ้าหากเป็นคนที่ใฝ่ฝันจะมาแล้ว มาเถอะครับไม่เสียหลาย รีอสร์ทที่นี่มีเยอะมาก รวมถึง Centara ที่ไปเปิดที่โน่น (ผมเห็นรูป water villa แล้วใครอยากได้บ้านแบบไสตล์มัลดีฟส์คงผิดหวังครับ), Conrad Rangali ที่มี Underwater Dinner, Huvafen Fushi ที่มี underwater spa แห่งเดียวในโลก และโรงแรมเครือเด่นๆต่างๆ เช่น Taj, One&Only, Hilton, Per Aquum, Four Seasons มากมายครับ ส่วนราคาก็ตามอัธยาศัยครับ




การถ่ายภาพ
- CPL Filter จำเป็นมากๆเพื่อให้ได้ตัดฟ้าสีเข้มกับน้ำใสๆ
- Model ภาพที่ถ่ายเป็นการถ่ายแบบไม่ได้คิดอะไรมากจึงได้แต่เป็นภาพเวิ้งว้างที่เต็มไปด้วยเสน่ห์แบบมัลดีฟส์ แต่ถ้าหากให้ดีการจัดองค์ประกอบด้วยนางแบบหรือนายแบบในมุมต่างๆจะทำให้ภาพที่ได้มีพลังแบบเดียวกับโบรชัวร์เลยทีเดียว
- เลนส์ทุกช่วง โดยเฉพาะภาพ Aerial Shot เราไม่รู้เลยว่าเหล่า Atoll จะอยู่ใกล้หรือไกลแค่ไหนเมื่ออยู่บนเครื่อง ดังนั้นการเปลี่ยนเลนส์เพื่อเก็บเหล่า Atoll นี้ในช่วงต่างๆจึงสำคัญมาก
- Underwater Camera หรือ Housing จะทำให้ภาพทริปมัลดีฟส์สมบูรณ์ขึ้นเพราะนอกจากทะเลที่สวยแล้ว ใต้น้ำยังเต็มไปด้วยเหล่าปะการังและปลามากมาย ไม่ควรพลาดที่จะเอาไป
- อย่าลืมถ่ายคนท้องถิ่นด้วย มีเสน่ห์มากมาย หรือแอบไปดู Fish Market ก็จะไปภาพดีๆกลับมา


ดูภาพทั้งหมดที่นี่ http://chaoyun.multiply.com/photos/album/291

Views: 6384

Replies to This Discussion

อยากไปมากกก สักวันมีเงินแล้ว จะพาแม่ และ แฟนไปให้ได้
อยากไปมากครับ...ขอเก็บตังค์อีกนิสสสสสส
ภาพสวยงาม ทะเลใสดีจัง..

RSS

© 2009-2024   PORTFOLIOS*NET by CreativeMOVE.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service