ถามมาตอบไป 1 : การรับงานถ่ายภาพตกแต่งภายใน เรื่องจำนวนรูปที่ให้ลูกค้า

หวัดดีคับ พี่เด๋ย และคุณเต้ย อยากสอบถาม เกี่ยวกับเรื่อง การรับงานถ่ายภาพตกแต่งภายใน เรื่องจำนวนรูปที่ให้ลูกค้า ว่ามากสุดประมาณกี่รูป และ น้อยสุดกี่รูป ขอบคุณคับ / โต้ง

Views: 1545

Replies to This Discussion

ขอบคุน มาก คับ ผม จะได้ นำเทคนิคไปใช้บ้าง


ขอบคุนคับ
โต้ง
ดีมาก เต้ย
สวัสดีครับคุณอาหมอเด๋ยที่เคารพ

ผมอายุ 27 ปี แต่งงานกับภรรยามาจะครบ 1 ปีในเดือนหน้าแล้วครับ มีความสุขดีครับ
อยากจะถามคุณอาหมอเด๋ยว่า
ถ้ามีคนจ้างเราถ่ายงาน แล้วลิขสิทธิ์รูปจะเป็นของใครครับ
ในกรณีถ่ายด้วยฟิล์ม ก็คงให้ฟิล์มเค้าไปเลย ลิขสิทธิ์ก็เป็นของเจ้าของงาน (คนจ้างเรา) ผมเข้าใจถูกต้องไหมครับ
แต่กรณีถ่ายด้วยดิจิตอล เราไร้ท์ไปให้เค้า แล้วรูปที่อยู่ในเครื่องเรา เราสามารถเอามาโพสเป็น portfolio ได้มั๊ยครับ

ขอให้คุณอาหมอเด๋ยมีความสุขนะครับ
นาย ต.
ถึง นาย ต เต้ยอย่างเดียว แจกกระจาย โดย เฉลิมพล มาลาคำ

อาหมอเด๋ย ขออนุญาตเปิดเป็นกระทู้ใหม่เลยละกัน คงไม่ว่าอะไร ถ้าว่า อาก็ไม่ว่าอะไร

อาหมอเด๋ย
มีคำถาม คุณเด๋ย หรือคุณเต้ยก็ได้ครับ

คำถามเเรก - ผมอยากลองถ่าย interior/architecture ดูบ้าง อยากทราบว่าอุปกรณ์ที่จำเป็น (เลนส์) ควรใช้ช่วงไหนดีครับสำหรับ 35mm digital (Canon 5DII) TSE24 ? เเละการถ่าย interior/architecture นั้นไม่ควรใช้เลนส์มุมกว้างเกินกว่าเท่าไหร่ครับ (กว้างสุดที่ผมมีตอนนี้คือ 20mm) เกรงว่าหากกว้างไปจะหลอกตาเเละไม่ให้สัดส่วนที่สมจริง

คำถามที่ 2 ผมเห็นผลงานที่ได้จากกล้อง medium format Hasselblad H3DII เเละมี adapter tilt & shift สำหรับ lens ในเเต่ในช่วง ออกมาสุดยอดมาก เเต่ราคาเเรงน่าดู คงไม่เหมาะสำหรับการเริ่มต้นเเน่ๆ อยากทราบว่าในวงการถ่ายภาพ interior/architecture อาชีพทุกวันนี้ช่างภาพที่เคยใช้ 4X5 ย้ายไปใช้ digital back กันเยอะหรือยังครับ เป็นการสมควรเเก่เวลาที่จะย้ายไปใช้ digital back เเทนกล้องฟิล์ม 4X5 หรือยังครับ ถามประดับความรู้ครับ ผมไม่มีปัญญาซื้อกล้องเป็นล้านมาถ่ายเเน่ๆ
ตอบคุณจี ครับ

คำถามแรก โดยปกติกับ sdmarkii ผมใช้ 16-35 / 2.8 ตัวเดียวเอาอยู่เลยครับ แน่นอนว่าอาจจะคมสู้เลนส์ fix ไม่ได้ แต่มันทำให้การทำงานยืดหยุ่นมากครับ อ้อ ต้องบอกก่อนว่า ปกติงานที่ถ่ายให้นิตยสาร ผมจะใช้กล้องฟิล์มและเลนส์ fix ครับ แต่พอหลังๆมีลูกค้าเป็นงานโฆษณา เขาจะเอาเร็ว ผมก็เลยชินกับ 16-35 เป็นหลักครับ สำหรับ tse-24 ผมจะใช้เวลาที่ต้องถ่ายอาคารภายนอกที่มีความสูงมากๆ เพราะตอนตั้งกล้องเราต้องตั้งให้ได้แนวขนานกับแกนโลกทั้งแนวตั้งแนวนอนใช่มั้ยครับ และจะไม่งัดกล้องเพราะ perspective ของอาคารจะเพี้ยน ดังนั้น ts-e จะช่วยแก้ตรงนี้ได้ (จริงๆตัวผมมี nikon ps 28 แต่ tse24 ของแคนนอนผมเช่าเค้าเอา) หรือบางทีเวลาเราเจอความสูงของห้องที่เป็นแบบ double height เช่นห้องโถง ห้องประชุม atrium หรือบ้านแบบ loft มันก็มีเรื่องความสูงมาเป็นข้อจำกัด อีกทั้งระยะที่เราจะถ่ายก็ค่อนข้างประชิด ผมก็จะใช้ ts-e ในกรณีนี้ด้วยเหมือนกัน แต่บางกรณี สำหรับคนไม่มี ts-e หรือหาไม่ได้จริงๆ ก็สามารถใช้ 16-35 ถ่ายที่ระยะที่มัน cover ภาพที่เราต้องการทั้งหมดได้ แล้วก็เอามา crop จัดองค์ประกอบภาพใน photoshop ทีหลังก็ได้ แต่เราจะสูญเสียความละเอียดของภาพไป


อย่างภาพนี้ผมใช้เลนส์ 90 มมของ 4x5 ซึ่งก็เทียบเท่า 28 หรือ 30 มม ของ dslr fullframe อาคารมีความยาวประมาณเกือบร้อยเมตรอยู่ห่างจากกล้องประมาณ 50 เมตร (อันนี้ตัวเลขสมมุตินะครับ)
คือถ้าจะเอาเหมือนตาเห็น ผมคงต้องหา 50 มม มาใช้ แล้วต้องถอยไปอีกกี่เมตรก็ไม่รู้ ซึ่ง ณ จุดที่ยืนอยู่ตรงนั้น เทสโพลารอยด์แล้วออกมาแบบนี้ ผมก็รับได้ เพราะมันไปเพี้ยนจนเกินไป


ขณะที่รูปนี้ ระยะทุกอย่างใกล้เคียงกับรูปแรก แต่ผมสามารถถอยมาได้อีกสิบเมตร แต่ผมเลือกใช้ เลนส์ 65 มม ของ 4x5 ซึ่งเทียบแล้วก็ใกล้เคียงประมาณ 18 หรือ 22 มม ของ dslr full frame เพื่อที่จะเก็บสวน เก็บอาคารข้างเคียงให้เห็นบรรยายกาศ คุณจีจะเห็นว่าขนาดของตัวอาคารจะเล็กลง เพราะมันถูกความ wide ของเลนส์ดันให้ตัวอาคารดูไกลออกไป ผมเลือกที่จะทำให้เห็นตัวอาคารเล็กลง เพื่อที่จะเก็บสวนเขียวๆและอาคารเก่าด้านขวาไว้


หรืออย่างรูปนี้ จริงๆแล้วอาคารมันไม่สูงเลย จริงๆผมใช้แค่ 90 มม (30มมของ ff dslr ) ก็พอเพื่อที่จะเก็บความสูง แต่ปรากฏว่าตัวอาคารโรงงานมันไม่สูง แต่กว้าง แล้วเจ้าของตึกต้องการให้เก็บภาพเป็นภาพ perspective ที่เห็นทั้งด้านหน้าและด้านข้าง ผมเลยต้องใช้ 65 มม ( 18 มมของ ff dslr ) มาช่วยซึ่งมันก็จะได้ฟ้ากับพื้นมาเพียบเลยอย่างที่เห็น จริงๆเวลาส่งงานผมจะ crop พื้นทิ้ง แล้วเก็บเอาแต่ฟ้า แต่ลูกค้าไม่เอาเอง จะเอาแบบเนี้ย และถ้าถามว่าทำไมไม่ shift ให้เห็นฟ้าเยอะ แล้วเหลือพื้นน้อย ก็จะตอบว่า ถ้ายกขึ้น มันก็จะมี vignette หรือขอบดำที่ภาพด้านบนซ้ายขวา เกิดขึ้น จริงๆจะทำก็ได้ ก็ถ่ายแล้วเอาฟิล์มไปสแกนแล้วลบใน photoshop แต่ลูกค้าไม่เอาฟ้าเยอะอีก มันก็เลยจบที่ตรงนี้ครับ อ้อลืมบอกไปว่าตอนถ่าย หลังผมติดกำแพงเลยล่ะ


ส่วนรูปนี้คือประโยชน์ของเลนส์ชิฟต์ จะเห็นว่า ถ้าผมตั้งกล้องโดยไม่ชิฟต์ มันจะต้องเห็นพื้นมากกว่านี้ และด้านบนของอาคารจะขาดหายไป ดังนั้น ผมก็เลยต้องชิฟต์เลนส์ขึ้นมา 1.5 ซม เพื่อที่จะเก็บด้านบน และตัดด้านล่างทิ้ง (มันเป็นข้อดีของกล้อง 4x5 ที่ทำให้เราสามารถจัดองค์ประกอบภาพได้โดยเพียงดันเลนส์ไปทางซ้ายขวาบนล่างนะครับ)


ส่วนรูปนี้ ผมอยู่ระดับพื้นดิน แต่ตึกสูงประมาณสี่สิบชั้น ระยะถอยมีประมาณสองร้อยเมตร เก็บเกือบไม่หมด จะเห็นว่ามีขอบดำๆติดมาด้านบนแล้ว แต่ก็ยังพอไหว อันนี้ชิฟต์เลนส์ 3 ซมนะครับ (อืมม จริงๆเวลาเราดันเลนส์ขึ้นมันต้องเรียก rise เนาะ แต่พวกเราก็เรียกว่าชิฟต์กันติดปากแล้ว ท่านผู้รู้ท่านอื่นๆไม่ว่ากันนะครับ )




กับคำถามที่ว่าไม่ควรใช้เลนส์มุมกว้างเท่าไหร่ ผมว่ามันอยู่ที่มุมของภาพที่เราต้องการจะเก็บมากกว่าครับ โดยปกติ ถ้าเทียบกับกล้อง 4x5 ที่ผมใช้ แล้วเทียบกลับมาที่กล้อง dslr อีกทีเนี่ย ผมพบว่า เลนส์ 28-30 มม เนี่ย เป็นเลนส์มุมกว้างที่สวยที่สุดสำหรับผม แต่ในบางกรณีที่ผมมีระยะระหว่างกล้องกับวัตถุที่จะถ่ายประชิดมาก เช่นห้องน้ำ ห้องครัว หรือห้องแต่งตัวในร้านขายเสื้อผ้า ผมก็ต้องยอมให้มุมมันเพี้ยนบ้าง หรือดูอลังเกินเหตุบ้าง เพื่อที่จะเก็บรายละเอียดให้ได้ทั้งหมดครับ

RSS

© 2009-2024   PORTFOLIOS*NET by CreativeMOVE.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service