สถานที่ในฝันของช่างภาพ # - เดินถ่ายรูปในใจกลางดินแดนหิมาลัย

ยินดีต้อนรับสมาชิกทุกท่านครับ

ขอแนะนำตัวเป็นทางการก่อนว่าชื่อ "JOB" ที่อยู่ๆได้กลายเป็น admin ของห้อง Travel Photography จากกการหลวมตัวรับปากท่าน Webmonster ให้มาช่วยดูแลห้องนี้ด้วย ก็..เอาจริงๆก็เขินนะครับ เพราะวันๆเอาแต่เที่ยวจนไม่เคยได้ศึกษาเทคนิคการใช้กล้องจริงจัง สมาชิกหลายๆท่านในนี้ถ่ายเก่งจะตาย เลยไม่รู้จะช่วยเขียนเรื่องอะไรดี ที่ถนัดที่สุดคงเป็นการเที่ยวครับ ถ้าเรื่องนี้สอบถามข้อมูลที่เที่ยวมากันได้เลยครับ



ชอบเที่ยวกันไหมครับ?

ถ้ามีสถานที่นึงในโลกที่คุณอยากไปก่อนตาย สถานที่นั้นคือ?

ผมเดาว่าบางคนคงตอบไปว่าอยากไปนอนเล่นที่มัลดีฟ หรือไปทางหมู่เกาะโบลาลา เฟรนซ์โพลีเนซีย แต่สำหรับคนชอบภูเขาผมว่า "หิมาลัย" นี่แหละครับคือความฝันของใครหลายๆคนที่อยากไป
ผมก็เป็นคนนึงเช่นกันที่ฝันอยากไป ก็เลยต้องไปตามฝัน

สุดท้ายคิดไม่ผิดครับที่ไป ถึงแม้จะผจญความยากลำบากแค่ไหน แต่ก็เตรียมตัวไปพอสมควรเลยครับ ไม่ว่าออกกำลังกาย การออกทดสอบเดินป่าขึ้นเขาในเมืองไทย สุดท่ายผมก็ไปถึงจุดที่สูงถึงราว 5500 เมตรจากระดับน้ำทะเล จุดที่เห็นยอดเขาเอวเอร์เรสต์ที่สวยงามที่สุดเท่าที่คนเดินเท้าที่ไม่ใช่นักปีนเขาจะทำได้ ....

วันนี้ผมจึงอยากยกเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับ Destination Himalaya ให้ได้ลองอ่านพร้อมภาพประกอบครับ


...





การจะไปชมหิมาลัยนี่เอาจริงๆมันก็ครอบคลุมหลายประเทศ แต่ประเทศที่นิยมไปมากที่สุดคือประเทศเนปาลครับ แล้วในประเทศนี้ยังมีจุดหมายปลายทางอีกหลายที่ให้เลือกไป ไม่ว่าจะไปทาง Poon Hill ตรงมืองโพคราที่คนไทยส่วนมากไปเดินเทรค 3-5 วันนี่ก็ได้ไปเห็นหิมาลัยระดับหนึ่ง ซึ่งจริงๆทางนั้นสามารถเดินต่อไปได้อีกเราเรียกว่าเส้น Annapurana Curcuit ใกล้ๆกันยังมีอีกเส้นหนึ่งชื่อ Annapurana Basecamp นี่ก็เดินกันไม่ใช่น้อยๆแต่ละที่ ส่วนที่ๆดังที่สุดเห็นจะไม่เกินเส้น Everest Basecamp เพราะที่นี่มี landmark ที่สูงที่สุดในโลกตั้งอยู่นั่นเอง ติดๆกันกับที่นี่ก็คือเส้น Gokyo ที่สามารถเดินทะลุถึงกันได้ ผมเลือกเส้นทางนี้ครับ

ช่วงที่ผมไปคือ ตค - พย เป็นช่วงที่ฟ้าใสที่สุด ใช้เวลาเดินทั้งหมด 14 วัน ระยะทางเดินเท้าขึ้นลงเกินกว่า 100 กม.

อยู่ๆก็หายไปครึ่งเดือนขาดการติดต่อจากโลกภายนอกใครๆก็ต้องห่วง แต่ส่งทีได้รับกลับมานอกจากการได้บันทึกภาพแล้วยังเป็นการบันทึกความทรงจำที่เล่าได้จนวันตายเลยทีเดียว

การไปที่นี่ไม่ยากนั่งเครื่องราว 3 ชมก็ถึงกาฏมัณฑุ จากนั้นนั่งเครื่องบินเล็กต่อไปอีก 1 ชมถึงเมืองลุคลาแล้วก็เริ่มออกเดิน แต่ควรเตรียมตัวก่อนแต่เนิ่นๆไม่ว่าการหาไกด์ การซื้ออุปกรณ์ ยา ฯ รวมถึงการฟิตซ้อมร่างกายก่อนเพราะข้างบนอากาศแสนจะเบาบาง




ที่นี่มีอะไรให้ถ่าย?

ก็ภูเขาหิมะล้วนๆครับ ไม่ว่าจะเป็นวิวแบบพานอรามา ยิ่งเดินลึกเข้าไปในหิมาลัยเรื่อยๆ เราจะเห็นภูเขาหิมะใกล้ขึ้นๆ จนในที่สุดก็อ้าว เห้ย เราอยู่ท่ามกลางหิมาลัยแล้วนี่หว่า มันอยู่ทั้งข้างหน้า ข้างหลัง รวมถึงข้างๆ สุดขั้ว! มันเหมือนในสารคดีที่เราเคยเห็นแต่ในหน้าจอทีวี แต่ที่นี่ โอ้ว พระเจ้ายอดมันจอร์จมาก เราทำได้ อยากกระโดดถ่ายรูปแบบไทยๆแต่กลัวว่าออกซิเจนจะขึ้นไปเลี้ยงสมองไม่พอ

มันมีอะไรให้ถ่ายเยอะครับ ตื่นเช้ามาเจอโคตรแม่คะนิ้งก็ถ่าย ตอนแรกนี่ถ่ายไม่ยั้งเลย ทั้งๆที่ภูเขาหิมะยังไม่โผล่มาให้เห็นเท่าไหร่นะ ตอนหลังภูเขามาเพียบแต่ เอ...ทำไมเราหมดแรงถ่ายหว่า ยิ่งสูงยิ่งหนาวยิ่งเครียดยิ่งขี้เกียจ แค่ถอดถุงเท้ายังเหนื่อยเลยครับ ขอบอก มีอยู่วันผมก้มๆจะไปถ่ายลำธารแข็งเป็นน้ำแข็งนี่อยู่ๆวูบ กล้องตกลงไปกับพื้นเลย แทบร้องไห้ นี่หรือที่เขาเรียกว่าน็อคกลางอากาศ


10 สิ่งที่ควรจะถ่ายเมื่อไปเอเวอร์เรสต์เบสแคมป์

1. วิวภูเขาหิมะระดับโลกแบบพานอรามา - เดี๋ยวก็จะได้เห็นครับ นับแทบไม่ทัน นี่สูงอันดับนี่ของโลก นี่ก็อันดับนี่ของโลก เห้ย มันท็อปเทนหมดเลยนี่หวา ตื่นเต้นมากๆ วู้ๆ

2. แสงสีส้มยามพระอาทิตย์ตกสาดลงไปบนหิมะสีขาว - อันนี้ต้องร้องอื้อหือ คนไม่เคยเห็นนี่เชื่อเถอะว่ามีนสวยจนน้ำตาแทบไหลพราก มันสวยจริงๆ ถึงแม้จะมีเห็นแค่แปบดียวก็เถอะ ตลอดทริป ผมเห็นอยู่แค่ 2 ครั้ง

3. วิถีชีวิต - มีให้เห็นตลอดทางครับ ชาวบ้าน ชาวเชอร์ปา เด็กน้อยแก้มแดงน้ำมูกเขียว ลูกหาบที่เทินของแบกสูงๆ อันนี้น่าถ่ายมากๆครับ รอจังหวะ candid ดีๆ แล้ว แช๊ะ...

4. แพะภูเขา(ถ้าเจอ) - อันนี้ต้องถือว่าได้ลาภ เพราะมันจะแทะโลมหญ้าอยู่ใกล้ๆเราแบบไม่หนีเหมือนสัตว์ในป่าดิบชื้นด้วย เอาจริงๆมันอาจจะชินคนและก็ถูกทำเครื่องหมายติดตามที่ใบหูทุกตัวเพื่อให้เจ้าหน้าที่มาคอยวัดความเป็นอยู่ของมัน

5. ปรากฏการณ์ Brocken Spectre(ถ้าเจอ) - อันนี้ก็ลาภอีกอัน เห็นไม่ค่อยบ่อยที่เมืองไทย แต่ที่เนปาลไกด์บอกว่าเจอบ่อย มันจะเกิดขึ้นเวลาที่พระอาทิตย์ตกอยู่ข้าหลังเรา ข้างหน้าเป็นฉากคล้ายกับผ้าใบ เราจะเห็นรุ้งปรากฏเป็นวงกลมครอบเงาตัวเราบนฉากที่อยู่ข้างหน้า ซึ่งผมเจอที่กาลาร์พัตตาร์เป็นทะเลหมอกตอนเย็นพอดี

6. จุดชมวิวกาลาร์พัตตาร์ - สูงราว 5550 เมตรเป็นจุดทีเราจะเฝ้าชมเจ้ายอดเอเวอร์เรสต์ด้วยตาเปล่า เห็นความยิ่งใหญ่ๆของมัน รายล้อมด้วยยอดโดลโฮเซ นัปเซ อาบาดาบลัม ฯ ใครที่มาต้อมาให้ถึงให้ได้ถึงแม้จะเดินขึ้นได้ทรมาณมาาาาากกกกกกกกๆ

7. จุดชมวิว โกเคียวรี - อันนี้อยู่อีกด้าน เดินโหดพอๆกับกาลาพัตตาร์ แต่วิวอาจจะสวยที่สุดโนโลก ข้างล้งเป็นทะเลสาปที่สูงรายล้อมด้วยภูเขาหิมาลัยต่างๆนานา สวยจริงๆ 4 thumbs up! (ที่ 4 thumbs เพราะเดินขึ้นเป็นหมาเลย)

8. Tengboche monastery - วัดธิเบตที่อยู่ระหว่างทางๆเดิน เป็นวัดเก่าแก่ที่สำคัญมาก คนขึ้นยอดเอเวอร์เรสต์ที่นับถือพุทธจะมากราบไหว้ที่นี่กันก่อน ถ้ามาถูกช่วงจะมีพิธิกรรมที่งดงามมาก

9. วิวหมู่บ้านนัมเชบาร์ชาร์ และ วิวจากเอเวอร์เรสต์โฮเตล - ศูนย์รวมชาวเชอร์ปาสมัยก่อน ทุกวันนี้เจริญไปมาก มุมจากทีสูงเราจะเห็นเมืองขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนหุบเขาที่ห่างไกล ส่วนวิวจากเอเวเรสต์โอเตล เราจะเห็นยอกเอเวอร์เรสต์ครั้งแรกได้จากที่นี่ ถึงแม้จะอยู่ไกลก็ตาม แต่การได้มานั่งจิบกาแฟหรือชาร้อนๆที่นี่ มีความสุขมาก

10. ถ่ายตัวเองกับยอดเขา - อย่าลืมนะครับ ครั้งหนึ่งมาถึงที่นี่แล้ว เราจะพลากภาพเรากับภูเขาอย่างเอเวเรสต์นี่ก็ยังไงอยู่ แล้วเอาธงชาติไทยไปด้วยจคูลกิ๊บเก๋เป็นอย่างยิ่ง

(รูปตัวเองไม่รู้หายไปไหน เอารูปจามรีไปดูแทน )




วิธีการถ่ายรูป

งานนี้ทางใครทางมันเพราะเราคงจะไม่ได้มากันบ่อยๆ ส่วนเรื่องน้ำหนักคงจะต้องมาพิจารณากันว่าจะหิ้วได้แค่ไหนเพราะระยะทางเดินนี่นับกันเป็นร้อยกิโล สิ่งทีสำคัญมากที่สุดคือสัมภาระอื่นๆพวกเสื้อผ้า อุปกรณ์จำเป็น ฯ เราควรจ้างลูกหาบหรือ Porter ให้แบกแทนเรามากที่สุดเพื่อที่จะได้ไม่ต้องหมดสนุกกับการแบกของเหนื่อยๆ ตลอดระยะการเดินทาง


มีทิปแนะนำเล็กน้อย
- เลนส์ช่วงไวด์ ช่วงที่จำเป็นที่สุดคือช่วงเลนส์ไวด์ ผมเห็นบางคนใช้ฟิสอายถ่ายก็ยังสวยเลย แต่อยากจะบอกว่าต่อให้ใช้เลนส์ไวด์ถ่ายก็ยังไม่สวยเท่ากับถ่ายด้วยตาเปล่าสำหรับสถานที่นี้ เลนส์ช่วงนี้แทบจะถูกหยิบใช้มากที่สุดจนกลายเป็นเลนส์ติดกล้องตลอดเวลา ถ่ายได้มันส์มาก
- เลนส์ช่วงเทเล อันนี้ถูกใช้ในโอกาสสำคัญน้อยลงมา แต่ถามว่าจะเป็นไหม แม้จะหนักแต่ผมว่าจำเป็น เพราะบางมุมที่เราต้องการโคลสอัพ เช่น ต้องการถ่ายครอปเฉพาะยอดเอเวอร์เรสต์ตอนพระอาทิตย์ตก หรือเวลาที่เราบังเอิญไปเจอแพะภูเขาระหว่างทาง หรือแม้กระทั่งถ่ายภาพบุคคลพวกเด็กชาวบ้าน เชอร์ปา หรือ แม้ระทั่งลูกหาบ เราควรเก็บภาพพวกนี้มาด้วย
- อุปกรณ์ทำความสะอาด จำเป็นอย่างยิ่งเพราะระหว่างทางเราจะเจอฝุ่นเยอะมากที่เกิดจากการทับถมของหินที่ค่อยๆกร่อน ดังนั้นเอาไปเถอะครับ ไม่หนักเพิ่มขึ้นมาเท่าไหร่
- CPL filter อันนี้แล้วแต่ แต่สำหรับคนชอบฟ้า จะได้ฟ้าที่มืดได้ใจเป็นอย่างมาก เพราะเราจะได้จังหวะที่ฟ้าเคลียร์ไม่เหมือนเมืองไทย เพราะฟ้าจะบลูเข้มมากกว่าเพราะอยู่บนที่สูงมากกว่า และละอองบนอากาศหรือเมฆที่เคลือบฟ้าจะไม่ค่อยเจอ ถ้าใสคือใสไปเลย ภาพที่ได้ก็จะแทบ อืมมม....... ส่วนเรื่องจะได้ฟ้าเคลียร์ตลอดไหมอันนี้แล้วแต่ดวงครับ ไกด์ของผมมักจะบอกว่า เมื่ออยู่ภายใต้หิมาลัยเราไม่เคยแน่ใจอะไรได้เลย (ช่วง พ.ย. ส่วนมากฟ้าจะใสกว่าช่วง เม.ย.)
- กระเป๋าใส่กล้องและอุปกรณ์ ใครคิดว่าไม่สำคัญ ถ้าเดินระยะสั้นๆ เราจะเอาเป็นกระเป๋าสะพายหรือแบบ Lowepro Slingshot หรือ Tamrac Velocity ที่เป็นเป้สะพายข้างเดียว ไปได้ แต่ที่นี่ผมแนะนำเป็นหลังอย่างเดียวครับ เพราะเวลาเดินน้ำหนักจะกระจายไปทั่วหลังและจะสมดุลมากกว่า สำคัญมาก ไม่อย่างนั้นเราจะยิ่งเดินยิ่งทรมาณชีวิตบัดซบ (กูหิ้วมาทำไมวะเนี่ย) หลีกเลี่ยงได้หลีกเลี่ยงเลยครับ ถึงแม้มันจะเก็บถอดยากกว่า แต่ให้ดีต้องเสริมด้วย...
- Lens Case แบบใส่เลนส์คาดเอว นี่ล่ะครับจำเป็นมากๆ สำหรับการเปลี่ยนเลนส์ระหว่างที่เดินอยู่สะดวกมาก ใส่มันซ้ายขวาเลย ตอนที่ผมไปนี่ถ้าไม่มีเจ้านี่เห็นจะแย่
- ขาตั้ง อันนี้แล้วแต่ แต่เป็นอุปกรณ์ที่ใช้น้อยมาก แต่เมื่อเทียบกับน้ำหนักแล้ว ไม่ค่อยโสภาแน่ๆ ในะระหว่างเดินเราคงไมได้ใช้เพราะแดดแรง แต่กลางคืนถ้าใครอยากจะถ่ายดาวกับหิมาลัยก็ไม่ว่ากัน แต่ขอบอกว่าพอเดินออกมานอกที่พักนี่แทบจะวิ่งกลับเข้าไปแทบไม่ทัน ถ้าเลือกจะเอาไปขอให้เอาไปแบบเบาๆที่สดลแวกัน เผื่อจะได้ถ่ายพระอาทิตย์ตกได้บ้างในบางช็อต
- แฟลช ผมไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องเอาไปเลยครับ เพราะส่วนมากจะเป็นแนว Landscape ยิ่ง Macro นี่ไม่ค่อยเห็นดอกไม้ระหว่างทาง พอขึ้นที่สูงต้นไม้สักต้นแทบจะไม่มีจนเหมือนดาวอังคารเลยทีเดียว ส่วนมากผมเลือกที่จะใช้แสงธรรมชาติแทนแทบทุกอย่างเลย
- แบตเตอรี่ เตรียมไปอย่างน้อย 3 ก้อน เพราะที่นั่นอากาศหนาวมากทำให้แบตหมดเร็ว และบางสถานที่ไม่มีที่ให้ชาร์จไฟ ถ้ามีก็จะคิดแพงมากๆ เป็นร้อยบาท เอาไปเผื่อแล้วหาจังหวะชาร์จดีๆ เราจะได้ไม่ต้องเศร้าเวลาแบตหมด ก่อนนอนเอาแบตทั้งหมดซุกไว้ในถุงเท้าแล้วเอาเข้าไปนอนในถุงนอนด้วยจะช่วยได้
- memory พกไปให้หมดเลยคร้าบ ใช้จนหมดแน่นอน

Views: 2382

Replies to This Discussion

สุดยอดครับ

trip อลัง การแบบนี้ ; D

RSS

© 2009-2024   PORTFOLIOS*NET by CreativeMOVE.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service