เที่ยวพิพิธภัฑณ์แบบไม่หลับไม่นอน เทศกาลคนรักศิลป์และประวัติศาสตร์ Nacht Der Museen 2010

เปิดเทอมแล้วทำให้ชีวิตวุ่นวายเป็นพิเศษ เพราะคอรส์เรียนเริ่มแปดโมงเช้าทุกวัน เราเลยต้องตื่นเช้านอนไว อดเที่ยวอดสนุกไปเลย : ( จะมาเขียนอะไรก็ไม่ค่อยสะดวกอีกต่างหาก แต่วันนี้โชคดีที่เป็นวันหยุดสุดสับดาห์ มั่นใจว่าสามารถเขียนได้ทั้งวันโดยที่คุณสามีไม่บ่นแน่นอน

สับดาห์นี้ค่อนข้างถือว่าเครียดกันมากหลายสำหรับพี่น้องชาวไทย แต่ไม่เป็นไรเรามีงานคลายเครียดมาให้ดูกัน สำหรับคนรักพิพิธภัณฑ์โดยเฉพาะ เพราะคืนวันเสาร์เมื่อวาน เมืองแฟร้งเฟิรต์เปิดให้ผู้สนใจในงานศิลปะและประวัติศาสตร์ เข้าชมพิพิธภัณฑ์รอบเมืองแฟร้งเฟิรต์ 40 แห่ง ได้ตั้งแต่ทุ่มหนึ่งถึงตีสี่ !! (ปกติห้าโมงก็ทยอยปิดหนีกันหมดแล้วว ไม่รู้จะรีบนอนกันไปไหน)



เรื่องจริง! สำหรับเทศกาล Nacht Der Museen 2010 งานประจำปีที่จัดสุ่มทั่วเมืองเยอรมนี ปีนี้แวะเวียนมาถึงคราวเมืองแฟร้งเฟิรต์แล้วค่ะ ประกอบกับพิพิธภัณฑ์ Städel Museum ก็นำงานศิลปะเอ็กเพรสชั่นนิสม์(Expressionism)ของศิลปินตัวพ่อแห่งวงการ Ernst Ludwig Kirchner ในคอนเซป Kirchner Kirchner Kirchner มาให้ชมกันพอดี งานนี้จึงถือเป้นโอกาสดีสำหรับเรามากๆๆ เพราะยิงนกตัวเดียวตกมานอนกลิ้งห้าตัวเลยทีเดียว :p

เอาล่ะคว้ารองเท้าผ้าใบมาสักคู่ แล้วเดินไปด้วยกันนะ เพราะงานนี้มีเดินยาวไปรอบเมืองตั้งแต่ทุ่มหนึ่งถึงตีสาม แบบ None-Stop เลยทีเดียว ใครช้าเราไม่รอจริงๆด้วย อิอิ



17.40 น. ทุ่มนึงได้แต่ยังสว่างอยู่เลย รีบเดินออกมาแถวริมแม่น้ำไมน์ก่อน
มองเห็น Staedal Museum อยู่ลิบๆ พร้อมกับโปสเตอร์โฆษณาตึกใหม่
ตั้งอยู่ใต้ดินฝั่งหลังมหาวิทยาลัยค่ะ แต่ตอนนี้ยังไม่เปิด เลยขอข้ามไปก่อน

ระหว่างที่กำลังเดิน ตุนกระเพาะด้วยขนมปัง และโค้กไดเอท
อากาศวันนี้อุณหภูมิ 19 - 21 องศา ไม่หนาว แต่ลมเย็นโชยมานิดๆ แต่คนแถวนี้บ่นร้อนแล้ว






แวะข้างทาง ทางกรมขนส่งประจำเมืองเอารถเก่ามาจอดโชว์ค่ะ
รถเมล์คันเหลืองนี้ สอบถามแล้วใช้ขนส่งตั้งแต่สมัยเจ็ดสิบปีก่อนนู้นนน
แต่ทำไมมันดูใหม่กว่ารถเมล์ในกรุงเทพบ้านตูอีกฟะเนี่ย







ตรวจบัตรก่อนเข้าชม ถ้าไม่มีบัตรต้องต่อคิวซื้อบัตรเข้าชม 12 ยูโร
แต่เราทำบัตรพิพิธภัณฑ์ รายปีเรียบร้อยแล้ว เลยมาอยู่หน้าคิวทันที อิอิ




คนเต็มหน้าพิพิธภัณฑ์ Städel Museum อย่างที่คิดไว้ ขนาดเพิ่งเปิดได้ยี่สิบนาที!
ข้างในมีคาเฟ่ ฟาสต์ฟู้ดเยอรมัน สไตล์ไส้กรอกขนมปังราดมาสตารด์ค่ะ (อร่อย แต่อ้วน)
พอเดินลัดเข้าไปก็จะถึงโซนงาน
Kirchner พอดี



รองเท้าเหลือง เคยเอามาลงในเอนทรี่ก่อน
ซื้อแล้วสนับสนุนพิพิธภัณฑ์ แต่วันนี้ไม่มีใครใส่มาเลย สงสัยเพราะสีแว๊นเกิน





แผลนวันนี้ค่ะ ไปที่นี่ก่อนเลย แปล: คริซเนอร์ คริซเนอร์ คริซเนอร์! (Ernst Ludwig Kirchner)
ศิลปินเอ็กเพรสชั่นนิสม์ เจ้าของกลุ่ม Die Brücke (ไทย: ศิลปินกลุ่มสะพาน)
หนึ่งในความภาคภูมิใจของวงการศิลปะเยอรมนี

ข้างในงดถ่ายรูปค่ะ เลยไม่ได้เก็บอะไรมาเลยนอกจากโปสการด์
ถามความพึงพอใจของการเข้าชม ให้เต็มสิบค่ะ เพราะว่าขนงานกันมาแบบครบทุนจริงๆ
บางชิ้นงานมีดีเลย์มาบ้าง จากสถานการณ์ภูเขาไฟระเบิด สนามบินมีอันปิดไปพักหนึ่ง
แต่เดี๋ยวมะรืนนี้น่าจะได้มาตั้งโชว์แน่นอน แวะมาดูกันได้ตลอดทั้งเดือนเลยทีเดียว

คริซเนอร์เป็นศิลปินที่ชาวเยอรมันให้ความภูมิใจสูงค่ะ ถือเป็นศิลปินเอกประจำชาติ
เพราะเอ็กเพรสชั่นนิสม์เป็นนางเอกของวงการศิลปะที่นี่ ตั้งแต่สมัยสงครามโลกอยู่แล้ว
พอเรามาดูนิทรรศการวันนี้ เลยมีนักศึกษาศิลปะ ประวัติศาสตร์ศิลปะมาบรรยายงานฟรีๆ
(ปกตินานๆก็จะเจอบ้างตามกลุ่มผู้เข้าเยี่ยมชม ที่ออกเงินจ้างผู้บรรยาย)
Passion กันมากๆ นักศึกษาอารต์เยอรมันนี้ เตรียมงานมาบรรยายข้อมูลแน่นปึ้กๆ

เราใช้เวลาหมดไปกับงานคริซเนอร์ชั่วโมงกว่าๆ จริงๆก็อยากเดินเล่นต่อ
แต่ต้องรีบทำเวลาแล้วคะ ไปต่อกัน



คิดถูกจริงๆที่มาดูงานคริซเนอร์เป็นกลุ่มแรกๆ โชคดีสุดๆ ตอนนี้คนเยอะมากกกก
เชื่อมั้ยต่อคิวกันไปถึงหน้าพิพิธภัณฑ์ก่อนเข้ามาเลยอ่ะ คนเยอะสุดๆไม่ไหวแล้ว
ถ้าเราเจอคิวยาวแบบนี้สงสัยเลิก อดดูแน่นอน พันกว่าคนได้มั้งเนี่ยย



เดินต่อไป ไม่ท้อ ขอเพียงได้ซดเบียร์อร่อยๆ





เปิดแสงไฟยังกะดิสโก้เทค พิพิธภัณฑ์นิเทศศิลป์และการสื่อสารประจำเมืองค่ะ
(Museum für Kommunikations,Frankfurt)
ปกติไม่เคยย่างกรายแวะเข้าไปดูเลย มัวแต่ไปดูอะไรเก่าๆๆอะ วันนี้ได้มาดึกเลย



มาข้างใน วงดนตรีเล่นเพลงดังมากก ร๊อคแอนด์โรลมาเลยอ่ะ ยุค 50'สุดๆๆ
ชอบงานอารต์กลุ่มน้องแกะมากๆ ดูหัวน้องแกะเป็นโทรศัพท์น่ารักดี







แวะๆมาดูป้าๆน้าๆ แดนซ์ร๊อคแอนด์โรล ข้างๆเป็นบาร์จุ๋มจิ๋ม เลยซดเบียร์ไปอีก
เพลงเก่ามากก แต่สามารถทำให้คนลุกขึ้นมาแดนซ์ได้ ทั้งรุ่นป้า รุ่นเด็ก




คู่นี้แต่งตัวกะจะย้อนยุคไปเลยทั้งเสื้อผ้าหน้าผม แดนซ์กันไปถึงโลกพระจันทร์



ขึ้นมาชั้นสองดูนิทรรศการ วันนี้โฟกัสในงานพิเศษของพิพิธภัณฑ์จัดทำเรื่องเงินๆทองๆ
หรือประวัติค่าสกุลเงินทั่วโลก เกร็ดค่าสกุลเงิน อะไรประมาณนี้








มีแบงค์ไทยด้วย แต่เนื้อหาเกี่ยวกับแบ้งค์ปลอม
ประเด็นแบงค์ปลอมว่าของเราเนียนมาก ข่าวแบ้งค์ปลอม (งามหน้าอีกแล้วประเทศตู)





เครื่องคิดเลขจีน อันเล็กข้างๆเชื่อว่าปัจจุบันอาก๋งอาม่าของใครหลายคนก็ยังใช้อยู่



หลักเศรษฐศาสตร์การเงินในบุคคลเจ้าลัทธิต่างๆ มีวิเคราะห์ทั้งข้อดีข้อเสีย



เครดิตการด์บาร์บี้ อันนี้เป็นที่โจมตีกันมากในอเมริกาค่ะ เพราะจะประมาณว่า
หนูน้อยวัยเด็กก็สามารถมีเครดิตการด์เป็นของตัวเองได้ รูดปื้ดๆๆได้เหมือนผู้ใหญ่
โดยสนับสนุนจากแบรนด์เสื้อผ้าเด็กชั้นนำ (เสื้อผ้าเด็กยังมีชั้นนำ คิดดู)
เลยโดนวางประเด็นทุนนิยมครอบงำเยาวชนกันไป

โอ้ย หงุดหงิดกล้องไม่ค่อยชัดเลยอ่ะ มันมืดๆด้วยค่ะ เปิดเป็นดิสโก้กันทั้งตึกเลย






อันนี้เป็นชารต์ความสุขในประเทศต่างๆ รวมกับการกระจายรายได้ของผู้คน
ประเทศไทยได้ระดับสีล้มกลาง เป็นความสุขระดับถือว่าดี

อาจไม่ได้ดีมากสักเท่าไหร่เหมือนตะวันตก แต่ไม่เป็นไร อย่างน้อยสุขกว่าประเทศข้างเคียง
ระหว่างดูก็คิดๆอยู่ รู้ชารต์มันทำตกปีหรือปล่าวนะ ตอนนี้คนไทยเราเครียดกันเหลือ




ทีวีเครื่องเก่า สีสวยอยากได้ เลยเนียนถ่ายรูปซะเลย xD


ทำเวลาค่ะ อุบไว้ก่อนเดี๋ยวแวะมาเที่ยวใหม่ ตอนนี้ต้องรีบไป
เพราะไม่งั้นไม่ทันจุดมุ่งหมายเราวันนี้แหงๆ




มาต่อกันที่ที่ว่าการเมืองแฟร้งเฟิรต์ เป็นจุดหลักการเมืองที่นักท่องเที่ยวต้องไป
โซนนี้มืดไปหน่อยแต่คนเดินกันเต็มมากมาย ลืมแจ้งเวลา ตอนที่ถ่ายอยู่ประมาณห้าทุ่มกว่าได้ค่ะ





แวะที่นี่เป็นที่ต่อไปเลย
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เมืองแฟร้งเฟิรต์ (Historisches Museum Frankfurt)


โชคดีพิพิธภัณฑ์เปิดให้ถ่ายรูปได้ตามสะดวกด้วย รู้สึกแฮปปี้เป็นที่สุด



ตราประจำเมือง กับภาพสกรีนสมัยยุคกลางของเมืองแฟร้งเฟิรต์คะ
แล้วก็มีมาพร้อมประวัติศาสตร์ เลคเชอร์เบาๆ รายละเอียดต่างๆของเมืองนี้





โซนนี้เป็นของเก่าจากยุคกลาง มีทั้งภาพวาดและปฏิมากรรม
ส่วนใหญ่เป็นจิตรกรรมทางคริสตศาสนา ดูไม่ยาก รูปสวยงามตามสไตล์ปลายมิเดวัล
เลยไปถึงเรอเนซองค์ยุคต้นค่ะ ปฏิมากรรมหลายชิ้นสภาพค่อนข้างไม่ค่อยสมบูรณ์มาก
เพราะผลกระทบจากสงคราม มีภาพเขียนผู้นำ นักบุญ และผู้ปกครองเมืองในช่วงเวลานั้น











ดูโซนจิตรกรรมอิ่มแล้ว ไปดูโซนของใช้ในพิธีคริสตศาสนาที่กันบ้าง
มุมนี้เป็นข้าวของเครื่องใช้ของนักบวช มีทั้งไบเบิลของบิชอพสมัยโบราณ
คอสตูมเครื่องแต่งกายของบาทหลวง สวยงามแบบงานฝีมือระดับหัวกะทิเลยทีเดียว
มีกางเขน โอฐิเก็บกระดูกนักบุญ และจอกศักดิ์สิทธิ์ที่นิยมใช้กันในพิธีมิซซา







เดี๋ยวเดินขึ้นไปดูชั้นสองกันค่ะ
ชั้่นสองนี้ค่อนข้างจะเป็นโซนชาวต่างชาติ และการพัฒนาเมืองแฟร้งเฟิรต์ที่มีมาตั้งแต่ชนชั้นสูง
เจ้าเมือง เลยไปถึงผู้ว่าการ รวมไปถึงชาวต่างชาติอย่างเราๆด้วย ตั้งแต่ ตุรกี ยิว หลายที่ในยุโรป
เลยไปจนถึงเกาหลี จีน ญี่ปุ่น พี่ไทย และอีกหลายเชื้อชาติ ก็มาตั้งรกรากใหม่กันที่นี่



(ป้าย) I wanna do something good for this land.

เรารู้กันดีกว่าแฟร้งเฟิรต์ เป็นเมืองที่มีคนต่างชาติอาศัยกันอยู่เยอะเป็นพิเศษค่ะ
เรื่องนี้ไม่ได้เพิ่งมาเกิดในยุคเรา แต่เป็นธรรมเนียมที่นิยมกันมาตั้งแต่ยุคกลาง
ถือเป็นเมืองธุรกิจ มีชาวต่างชาติมาร่วมลงทุน ปัจจุบันมีธนาคารหลายประเทศมาตั้งสาขาหลักกันมากมาย
เป็นเมืองที่มีปัญหาเรื่องการกีดกันระหว่างเชื้อชาติน้อยที่สุด ในเยอรมนีเลยก็แทบจะว่าได้นะ

ในโซนนี้ก็จะประกอบไปด้วยเหล่าชนชั้นปกครอง ที่อุปการะคุณดูแลเมืองแฟร้งเฟิรต์เสมอมา
ซึ่งคนเหล่านี้ก็ไม่ใช่เป็นเพียงชาวเยอรมันแต่อย่างเดียว ยังมีพ่อค้าต่างชาติร่วมอยู่ด้วย








โมเดลเล็กจำลองเมืองแฟร้งเฟิรต์ทั้งเมืองเลย ในปีค.ศ. 1943
ก่อนสงครามโลก





อันนี้หลังสงครามโลกครั้งที่สอง
ดูไม่จืดเลย ดูไปก็ปลงไป ที่เหลือๆนี้เป็นโรงพยาบาลกับโบสถ์วัดค่ะ
เพราะตามธรรมเนียมเขาจะไม่ยุ่งกันอยู่แล้ว แต่ผลกระทบก็มีหลังคากระเจิงกันเลยทีเดียว

น่าจับพวกสร้างความเดือดร้อนในประเทศมานั่งดูบ้างนะ
ว่าความแตกแยกที่อยากได้กันนัก สุดท้ายแล้วมันจะออกมาเป็นแบบไหน






แวะโซนแรก ยุค 80's ในแฟร้งเฟิรต์ แอบขำที่เอากล่องไข่ไก่ไปห้อยข้างบนอะ

อันนี้ก็เป็นตู้เย็นและสติ๊กเกอร์รณรงค์ต่างๆ ตามประสาหนุ่มสาวยุคเอซตี้ไฟแรง
มีสติ๊กเกอร์รณรงค์ต่างๆ ตั้งแต่อนุรักษ์ธรรมชาติ กูไม่เอาสงคราม รักน้ำรักปลารักโลก
รณรงค์ขี่จักรยานเพื่อสภาพแวดล้อม ยันโฆษณาลัทธิคอมมิวนิสต์



อันนี้เสื้อทีมฟุตบอลแฟร้งเฟิรต์ค่ะ เอ้อ เกร็ดสำหรับการเที่ยวเมืองแฟร้งเฟิรต์นี้
พยายามอย่าไปเชียร์บาเยิรน์ออกหน้าออกตาในหมู่คณะเขาค่ะ อาจมีเฉ่งกันได้ อิอิ
สองทีมนี้เป็นทีมคู่แค้นคู่อาฆาตกันค่ะ เจอกันทีไร คนที่นี่จะเมาท์กันแต่เรื่องนี้ทั้งวัน



อันนี้เป็นโซนแฟร้งเฟิรต์ในสงครามโลกครั้งที่สองค่ะ
และระฆังโบสถ์เก็บตก ยับเยินมาจากช่วงสงคราม







รูปถ่ายแฟร้งเฟิรต์ชัดๆ หลังสงครามอีกรูปหนึ่ง เยินเลย
ส่วนข้างๆเป็นป้ายพรอพพากานด้าของนาซี เพราะตอนนั้นทหารเยอรมันสภาพไม่ไหวแล้ว
จึงมีป้ายรณรงค์ให้ประชาชนและเด็กๆในเมือง ออกมาต่อสู้กับทหารฝ่ายตรงข้าม
และรักษาเมืองแฟร้งเฟิรต์ให้คงอยู่ในวาระสุดท้าย

ทั้งที่ประชาชนตาดำๆที่บริสุทธิ์เหล่านี้ เป็นแค่พลเมือง ไม่ได้ไปเกี่ยวข้องอะไรด้วยเลยแท้ๆ






จดหมายของทหารเยอรมัน ส่งถึงคนที่บ้านในแฟร้งเฟิรต ก่อนสงคราบจะจบ
จริงๆแล้วหนาเป็นปึกเลยนะ สองปึก บันทึกและเรียบเรียงสะกดคำใหม่ ลงหน้าข้างๆ

สิ่งที่น่าเศร้ามากๆ หรือทหารเหล่านี้ รุ่นน้องๆเราทั้งนั้น สิบแปดปีบ้าง ยี่สิบกว่าบ้าง
ไม่คิดว่าสงครามจะพาเด็กวัยรุ่นที่ถ้าอยู่บ้านเรา ยังเรียนมัธยมกันอยู่เลย ไปแบบกู่ไม่กลับอย่างนี้
สิ่งที่ทุกคนเขียนกันมาก็เศร้ามาก อ่านไม่หมด แต่ถ้าเราเป็นครอบครัวหนึ่งในนั้น คงเศร้ามากนะ


อันนี้ไม่ได้เขียนถึงใคร แต่เป็นจดหมายจากกรมทหาร ส่งถึงคนที่บ้าน
ว่าทหารนายนี้เสียชีวิตแล้ว กรุณามารับสิ่งของด้วย ประมาณนี้แหละค่ะ


เด็กๆ ก็จะได้รับหนังสือเรียนเป็นเล่มพิเศษ สำหรับสิทธิและการเป็นเยอรมันที่ดีโดยเฉพาะ
แม้ว่าตอนนั้นสงครามจะล่วงเลยจนกู่ไม่กลับแล้ว เด็กในเมืองก็จะต้องกล้ำกลืนเรียนกันต่อไป

หนังสือก็รณรงค์ให้มีสุขภาพกายแข็งแรง ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมของพรรคนาซี
อะไรแบบนี้แหละค่ะ ยัดสมองกันเข้าไป



อันนี้เป็นวิทยุขนาดเล็กราคาถูก สำหรับชาวบ้านชาวนาคนจนไปซื้อมาฟังกัน
เริ่มแรกก็สร้างโดยพรรคนาซี ราคาถูกมากจนทุกคนสามารถซื้อได้เลยละ เหมือนแจกฟรี

เปิดปุ๊ปก็จะมีสถานีของพรรค คอยให้ข่าว ป้อนสื่อ โฆษณาชวนเชื่อ กรอกหูกันอยู่ทั้งวันทั้งคืน
โจมตีฝ่ายสัมพันธมิตร กักข่าวจากฝ่ายสัมพันธมิตร โจมตีว่าอเมริกากำลังโฆษณาชวนเชื่อ
อเมริกา โซเวียตเป็นปีศาจร้ายของเสรีภาพ อะไรประมาณนี้แหละค่ะ



วิทยุ หนังสือ ไม่พอ ต้องถึงหนังสือพิมพ์ด้วย จะได้ครบแก้วสามประการ
แฟนพรรคนาซี ควรจะอ่านหนังสือพิมพ์พรรคนาซีเท่านั้น อย่าเชื่อข่าวอื่น
ราคาหนังสือพิมพ์ถูกมาก แจกจ่ายกันตามหมู่บ้าน และสถานที่ราชการของพรรคหลายๆแห่ง

หลังๆคนเยอรมันที่ไหวตัวทัน ก็เลิกฟัง เพราะข่าวส่วนใหญ่เป็นพรอพพากาดา เชื่อถือไม่ได้
เบอร์ลินจะแตกแล้ว สถานี หนังสือพิมพ์ก็ยังออกข่าวว่าเบอร์ลินแข็งแรงดีอยู่
รณรงค์ให้ชาวบ้านต้องลุกขึ้นมาสู้ ใครออกไปสู้ก็ล้มตายกันไป คนเยอรมันก็กลัวค่ะ กลัวกันเอง
เวลาเราดูการ์ตูนยุคเก่าจะเห็นภาพคนคลุมโปงนั่งแอบฟังวิทยุ นี้มาจากเรื่องจริงเลยค่ะ
คือแอบฟังข่าวจากพรรคสัมพันธมิตร เพราะไม่มีใครรู้ว่าจะมาทิ้งระเบิดที่ไหนตอนไหน





พรอพากานดาเกลียดยิว ในแฟร้งเฟิรต์ค่ะ
อารมณ์ประมาณ ยิวเลว เพราะขูดรีดเงินจากประชาชนเยอรมัน ทำให้ประเทศระกำลำบาก
พวกยิว เป็นนายทุน คอยขูดรีด ทำให้เศรษฐกิจเยอรมันตกต่ำ ดูดเลือดประชาชน
บ้านยิว บริษัท ต่างๆก็เลยถูกยึด แล้วก็เขียนตราหน้าบ้านเป็นประมาณนี้

ทำไมมีแต่เรื่องเครียดๆฟะเนี่ยย เอสเลยเดินออกมาอีกโซนเลย
แวะไปดูส้วมโบราณกัน



ส้วมเยอรมันในยุคนั้น และพนักงานดูดส้วมค่ะ
.. ดูดได้ถึงใจ ไม่ใช้สแตนอิน ไม่ต้องใช้เครื่องมือ แฮนด์ฟรีล้วนๆ


จักรเย็บผ้า แบบแม่บ๊านนแม่บ้าน


(เขียนยาวรูปเยอะ น้องบลอคเริ่มเอ๋อแล้ว
แต่ยังเหลือพิพิธภัณฑ์อยู่อีกตั้งสองแห่ง ตามอ่านต่อเอนทรี่ 2 นะคะ)

Views: 606

Comment

You need to be a member of PORTFOLIOS*NET to add comments!

Join PORTFOLIOS*NET

Comment by exoexo on June 9, 2010 at 10:27am
ดีจังเลยครับอยากไปอย่างงี้บ้างแต่ไม่มีทุนครับ

© 2009-2024   PORTFOLIOS*NET by CreativeMOVE.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service