ไม่ใช่งานทุกชนิดที่ควรใช้ Creative Commons
งานที่เหมาะจะประกาศเป็น Creative Commons คืองานที่ตั้งใจเผยแพร่เพื่อเป็นประโยชน์แก่คนทั่วไปอยู่แล้ว (เท่านั้น) Creative Commons เป็นแค่ “เครื่องมือ” ในการตัดตอนกระบวนการเสียเวลาและเสียค่าใช้จ่ายที่ผมยกตัวอย่างให้ดูข้างต้นออกไป
ในความเป็นจริงแล้ว คนเราสามารถใช้ทั้งลิขสิทธิ์เต็มรูปแบบ (copyright) และ Creative Commons ควบคู่กันไปได้ ตัวอย่างเช่น นาย C เป็นช่างภาพฝึกหัดที่ยังไม่มีชื่อเสียง
สำหรับภาพถ่ายเวอร์ชันความละเอียดต่ำที่แสดงบนเว็บ เขาประกาศว่าเป็น Creative Commons
ภาพเดียวกันที่ความละเอียดสูงๆ สำหรับใช้ในงานพิมพ์ เป็นลิขสิทธิ์ของนาย C ตามปกติ (และแน่นอนว่าต้องขออนุญาต)
นาย D แวะเวียนเข้ามาเห็นภาพของนาย C ว่าสวยจัง เอาไปลงเว็บของตัวเองซึ่งสามารถทำได้ทันทีเพราะนาย C ประกาศเอาไว้แล้วว่าทำได้ เผอิญว่าเว็บของนาย D มีคนเข้าเยอะมาก ภาพนั้นดันไปเตะตา บก. E เข้าให้ บก. E เห็นชื่อของนาย C ใต้ภาพ (เพราะคุณพี่ D เคารพสัญญาอนุญาต เอารูปมาลงแล้วขึ้นชื่อให้ว่าเอามาจากที่ไหน) เลยติดต่อไปยังนาย C สุดท้ายแล้วภาพที่ว่าได้ลงปกนิตยสาร เป็นต้น
งานนี้ทุกฝ่ายแฮปปี้
นาย C ได้เงินจากการขายภาพเวอร์ชันความละเอียดสูง แถมดังเพราะรูปตัวเองได้ลงปก อนาคตอาจกลายเป็นช่างภาพอันดับหนึ่งของประเทศ
นาย D ได้รูปไปลงเว็บให้คนอ่าน แถมดีใจเสียอีกช่วยนาย C ให้ดัง
บก. E ได้งานคุณภาพไปลงปกหนังสือ
เห็นประโยชน์ของ Creative Commons กันหรือยังครับ :D
ที่มา : www.blognon.com
You need to be a member of PORTFOLIOS*NET to add comments!
Join PORTFOLIOS*NET