กลยุทธ์การตลาดไม่เคยคำนึงคิดถึง ใจผู้บริโภคในส่วนของ กิเลส
ได้แต่ใส่ความต้องการอยากซื้อลงไป อัดมันเข้าไป ยิ่งอยากเท่าไหร่ ยิ่งดี
ไม่น่าเชื่อว่าผมจะได้มีโอกาสได้คุยถกเถึยงกับพี่คนขับแท๊กซี่ชาวอีสาน เกี่ยวกับงานโฆษณา ดนตรี ร๊อค แคน พิณ
ผมไม่รู้ว่ามีอะไรดลใจให้พี่เขาถามผมมาว่า "น้องเล่นดนตรีรึเปล่า" ผมก็ตอบว่าเล่น เขาบอกว่าเขาอยากให้ลูกชาย ป.สอง ของเขาเล่นดนตรีจริงจัง ไม่อยากให้ไปติดเกมส์ และ ยา ผมก็ตอบเขากลับไปว่า "ดนตรีดีครับ"
พี่เขาพูดต่ออีกว่า ลูกชายเขาชอบเล่นกลอง จึงอยากจะหาที่เรียนเป็นจริงเป็นจังให้ที่ร้อยเอ็ด
ผมเลยตอบไปว่า "ถ้าเขาได้เรียนได้จับเครื่องดนตรีอะไรก็ตามมากๆ เขาก็จะหลงใหลไปเอง เหมือนผู้หญิงนะครับ"(หัวเราะ)
พี่แท๊กซี่ก็พูดต่อว่า สมัยก่อนเขาก็พยายามจะหัดเล่นดนตรี หัดเป่าแคน เป่าขลุ่ย แต่ก็ไม่เคยสำเร็จ เขาสงสัยว่าเขาคงไม่มีพรสวรรค์ทางด้านดนตรี เขาเงียบไป
ผมพูดต่อขึ้นมาเพื่อไม่ให้การพูดคุยครั้งนี้เงียบไป ผมบอกกับพี่เขาว่า ผมอยากเล่นพิณเป็นนะ
พี่แท๊กซี่รีบตอบรับด้วยท่าทีตื่นใจ "ใช่ๆๆๆๆ พิณเพราะมาก พี่ชอบมาก ยิ่งคนเล่นเก่งๆหวานๆ นี่ฟังได้ทั้งวันเลยนะ"
พี่เขายังบอกอีกว่า สมัยก่อนตอนเขาอยู่ที่อีสาน เขาจะทำพิณให้พี่ๆเพื่อนๆของเขาเล่น เอาสายลวดเบรคจักรยานมาเป็นสาย เอาเมือกของแมลงอะไรผมไม่แน่ใจมาเป็นสิ่งที่ทำให้เป็นโน๊ต
ดูพี่แท๊กซี่เขาภูมิใจใหญ่
ผมเลยพูดกลับไปว่า "อย่างน้อยพี่ก็พรสวรรค์ในการทำเครื่องดนตรีนะฮะ"(หัวเราะ)
การพูดคุยเงียบไปอีกครั้ง แต่คราวนี้พี่แท๊กซี่เป็นคนเริ่มเรื่องบ้าง
"น้องเล่นดนตรีแนวไหนล่ะ"
ผมตอบว่าเป็นเพลง ร๊อคๆหน่อย พี่เขาบอกกลับมาว่า เหมือนพวก บิ๊กแอส บอดี้แสลม น่ะเหรอ
ผมตอบว่าไม่เหมือน วงผมไม่เจ๋งเหมือนพวกพี่ๆเหล่านั้น
วงผมเคยเป็นวงที่ทำเพลงเอาแต่ใจตัวเอง แต่ตอนนี้ ผมกำลังพยายามทำเพลงเอาใจคนอื่นๆด้วย
พี่แท๊กซี่ดูงงๆกับคำพูดของผม จึงเปลี่ยนทอปปิค 55
"น้องเรียนอะไรอยู่ล่ะ"
ผมตอบว่าผมเรียนโฆษณาปีสุดท้าย
พี่เขาดูชอบใจต่อสิ่งที่ผมเรียนมาก เขาบอกว่าวันก่อนเขาได้ดู รายการอะไรไม่แน่ใจ ได้เอาผู้กำกับแคมเปญ "เลิกเหล้า เลิกจน" มาออก พี่เขาบอกว่าผู้กำกับคนนี้ ได้บอกว่า เขาชอบทำโฆษณาที่เอาความจริงมาเล่น
ไม่ใช่สักแต่ว่า จะเอาเซเลบ เอาผู้หญิงผู้ชายหน้าตาดี มาเล่นอย่างเดียว
ผมก็บอกกับพี่เขาว่า นั่นมันก็เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่จะทำให้ดึงดูดผู้บริโภคได้อย่างหนึ่ง
พี่เขาเข้าใจ แต่พี่เขาก็บอกกลับมาอีกว่า "ทำไมนักโฆษณาที่ไม่กล้าเล่นกับความจริง"
ผมเลยบอกว่า อันที่จริง มันขึ้นอยู่กับลูกค้าที่เป็นคนซื้อโฆษณาต่างหากที่ไม่กล้าเล่นด้วย
พี่เขาบอกต่อว่า คนร้อยเอ็ดบ้านพี่ จากพวกคนไม่มีอะไร ทำมาหากิน ทำนากันปกติ เดี๋ยวนี้พอโฆษณาอะไรออกมา
เชิญชวนนิดๆหน่อยๆ ก็อยากจะมีเหมือนกับเขา เห็นอั้มใช้แชมพูนี้ ก็ไปหามาใช้ เห็นเคน ใช้ไอนี่ก็อยากจะหามาใช้
โดยลืมว่าตัวเองเป็นใคร
พี่่เขายังบอกอีกว่า โดยส่วนตัวแล้ว คนอีสานมันเป็นคนซื่อ ไม่ทันเล่ห์อะไรซับซ้อน หลอกอะไรมาเนียนๆมันก็ไม่ทันเขาแล้ว
พี่เขาทิ้งมาอีกว่า "บางที(สื่อ)โฆษณาอาจจะเป็นตัวที่ทำให้เกิดโจรกรรมก็เป็นได้"
อยากมีในสิ่งที่คนเขามี
ผมเลยคิดได้ว่า
กลยุทธ์การตลาดไม่เคยคำนึงคิดถึง ใจผู้บริโภคในส่วนของ กิเลส
-ยังไม่ถึงบ้านผม/ฝนยังคงตกอยู่
"โอ้ย ฝนมันก็ตกลงมาได้ลงมาดีน้อ กรุงเทพ บ้านพี่เนี่ยสิ เหือดแห้ง เหลือเกิน"
ผมก็บอกกลับพี่แท๊กซี่กลับไปว่า ผมเห็นในข่าว แห้งแล้งมากเลยช่วงนี้ ในขณะที่ภาคกลางตกได้ตกดี
ผมบอกต่อว่า ผมเคยนั่งรถไปลาวกับเพื่อน ระหว่างทาง ผมเห็นจังหวัดต่างๆในภาคอีสาน สองฝั่งทางที่เคยเป็นทุ่งหญ้าเขียวขจีที่เห็นๆในทีวี แต่กลับกลายเป็นหญ้าสีแดง ต้นข้าวสีแดง แห้ง กรอบ จากการเผาไหม้จากดวงอาทิตย์โดยไร้ซึ่งเมฆปกคลุม
พี่แท๊กซี่บอกกลับมาอีกว่า เพราะขาดน้ำ เพราะความแห้งแล้ง คนอีสานจึงต้องมาดิ้นรน หาเงินในกรุงเทพ คนอีสานส่วนใหญ่ก็ไม่ได้อยากทำงานในกรุงเทพหรอก การแข่งขันมันเยอะ วิ่งแข่งกับเวลา เวลาก็เดินเร็วเหลือเกิน
อยู่อีสานนี่ สบาย ตื่นมากินข้าว ทำนา ขายข้าว มีงานวัดก็ไปเที่ยว กินเหล้า เมา ชีวิตมันเรียบง่าย
ไม่ต้องดิ้นรนอะไร มันสบาย
แต่เดี๋ยวนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว งานวัดก็ไม่สนุก คนก็เริ่มไร้น้ำใจมากขึ้น เห็นแก่ตัวมากขึ้น
เพราะมันต้องดิ้นรน
ที่เห็นส่วนใหญ่ พวกม๊อบเสื้อแดง คนบ้านพี่ก็เยอะ ที่มันทำก็อย่างที่บอก เล่ห์อะไรมา มันก็ไม่ทันหรอก
ขอแค่มีเงินใช้ ให้ทำอะไรก็ทำ
เสียดายความรู้สึกเมื่อก่อน "สงสารคนอีสานด้วยกันเองนะ" พี่แท๊กซี่ทิ้งท้าย
ถึงบ้านผม

Views: 152

Comment

You need to be a member of PORTFOLIOS*NET to add comments!

Join PORTFOLIOS*NET

© 2009-2024   PORTFOLIOS*NET by CreativeMOVE.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service