หน้าที่การทำงาน ผ่าย “Designer”

1. ศึกษา Brandและ Target Group

2. หา Research Trend วิเคราะห์เทรนด และประยุกต์ให้เข้ากับแบรนด์

3. คิด Theme และ Inspiration ของคอลเล็คชั่น

4. คิด Story เรื่องราวในการออกแบบ

5. กำหนดจำนวนชุดที่ต้องออกแบบ Top, Bottom

6. หาผ้า ดีเทล อุปกรณ์ในการตกแต่งเสื้อ (กำหนดไม่ให้เยอะจนเกินไป)

7. อธิบายแบบให้แพทเทริน พร้อมตัวอย่าง References ถ้ามี

8. กำหนด Statusการทำงานแต่ละแผนกเช่น Design, Pattern, Marker, Cutting, Sewing

9. ทำใบสั่งงานแต่ละแผนก

10. ระหว่างเย็บงานตัวอย่าง ดูแลขั้นตอนการเย็บ เผื่องานมีปัญหาจะได้แก้ไขแบบได้

11. ระหว่างการทำงานจะอัพเดด Status การทำงานทุกวัน

12. เมื่อชุดเสร็จแล้วจะ Fitting อาจมีการแก้ไขชุดเป็น Photo 1, Photo 2

13. ให้แพทเทรินเตรียมทำ Full Size

14. ส่งงานให้ Marker คิดconsumptionผ้า (บอกหน้าผ้า สี1, สี2 และชิ้นส่วนของงาน)

15. เตรียมทำ Line Sheet ให้ลูกค้า

16. Mix & Match ชุดไว้สำหรับงานถ่ายแบบ

หน้าที่การทำงาน ผ่าย “Detail”

1. ดู Shipment ลูกค้า เทียบจำนวนสไตล์ จำนวนแบบในการผลิต

2. เช็คอุปกรณ์ในสต๊อค จัดเตรียมอุปกรณ์ในการผลิต

3. ติดต่อ Supplier สั่งซื้ออุปกรณ์ และเปิด PO

4. กรณีสั่งซื้อผ้าให้เช็คคุณภาพผ้า และหน้าผ้าให้เรียบร้อย

5. กำหนด Status และอัพเดดการทำงาน ว่าควรเริ่มตัด-เย็บสไตล์ไหนก่อน-หลัง
6. ให้ Marker คำนวณผ้าที่ใช้ในการตัด ว่าต้องสั่งตัดกี่หลาต่อสไตล์ (มีใบงานด้วย)
7. Pass งานให้แผนกตัด (มีใบงานด้วย)
8. Pass งานให้แผนกเย็บ (มีใบงาน และ Full Spec เช็คสเปคก่อนเย็บ)
9. Pass งานให้ QC (มี Full Spec)

ปัญหาในการทำงาน

1. ในการอกแบบที่ดี ควรมีรูปหรือตัวอย่าง Reference ในการออกแบบ เพื่อให้ง่ายต่อการทำแพทเทรินหรือเย็บ

2. ในการออกแบบควรคำนึงถึง การลดขั้นตอนการผลิตเพื่อให้งานเย็บเสร็จทันเวลา

3. การทำงานควรอยู่ในกรอบของ Status การทำงาน