กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ เดือนแห่งความรักของคนไทย

ให้บทความนี้ส่งท้ายเดือนกุมภาพันธ์ เดือนแห่งความรักอย่างนี้ ซึ่งเดือนแห่งความรักสำหรับคนไทยในปีนี้เห็นจะไม่สำคัญ ตื่นเต้นเฉพาะวันวาเลนไทน์ท่านั้น ในเดือนสีชมพูของปีนี้ที่มี ๒๘ วันมีเหตุการณ์น่าระทึกใจเกิดขึ้นหลายต่อหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นวันตรุษจีนที่ปีนี้ปะเจาะเหมาะเหม็งแจ๊คพ้อตสุดในรอบ ๕๐ ปีเค้าว่างั้นที่จะพิเศษแบบนี้มีที่ไหนได้บ่อยๆ ที่วันแห่งความรักตรงกับวันตรุษจีน วันปีใหม่ของพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีน จึงเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นและมีประเด็นให้ได้คลิกไอเดียต่างๆหรือเราอาจได้ยินคนพูดออกแนวขำๆ เช่น “ตรุษจีนปีนี้ตรงกับวันวาเลนไทน์ ผู้ชายถ้าจะให้ดีพอมีการแสดงความรักต่อกันเรียบร้อยแล้วก็น่าจะให้แต๊ะเอียเธอแถมไปด้วย!” หรือบ้างก็ให้คำจำกัดความเฉพาะไปเลยว่าเป็น “วันตรุษจีนแห่งความรัก” ที่น่าจะแฮปปี้มีสุขกว่าเพื่อนก็คงเป็นคู่รักตาชั้นเดียวหนุ่มสาวชาวไทยเชื้อสายจีนที่นอกจากเป๋นวันไหว้บรรพบุรุษแล้วยังเป็นวันที่โลกเป็นสีชมพูได้แสดงความรักต่อคนที่รักได้อย่างไม่เคอะเขิน จากนั้นถัดมาอีกสัปดาห์ที่ฮือฮาน่าจับตาและดูเหมือนว่าคนไทยจะจับตาให้ความสนใจกับเหตุการณ์ในวันนั้นทั้งวันราวโลกหยุดหมุนอยู่ที่วันพิพากษาคดียึดทรัพย์ของอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร คนไทยส่วนใหญ่ให้ความสนใจกับข่าวนี้คนข่าวเกาะติดรายงานสถานการณ์ด้วยวิธีต่างๆ เพราะคนไทยทั้งประเทศต่างๆ ก็หวั่นวิตกกับผลที่จะออกมาจะสร้างกระแสความไม่สงบให้คุกรุ่นขึ้นมาอีกหรือไม่ แต่ในช่วงสัปดาห์นั้นสื่อต่างๆ ที่ทำข่าวประเด็นนี้พร้อมใจกันโดยส่วนใหญ่ ต่างก็รายงานข่าวสารในเชิงทำความเข้าใจ อธิบายถึงที่มาที่ไปของคดี ว่าทำไม, อย่างไร, เพราะอะไร เพื่อที่ว่าเมื่อถึงวันพิพากษาคดียึดทรัพย์ ๗.๖ หมื่นล้านซึ่งมีการถ่ายทอดแทบทุกช่อง ประชาชนที่รับฟังคำพิพากษาจะได้พอเข้าใจและยอมรับคำตัดสินและฟังอยู่ด้วยใจที่เป็นกลาง เพราะคนไทยบางกลุ่มคนก็เป็นประเภทพวกมากลากไป บางทียังไม่ทันเข้าใจอะไรโดยแจ่มแจ้ง เพื่อนว่าไงก็ว่าตามเค้าพาไปชุมนุมก็ไป... จึงเป็นเหตุจุดชนวนการแบ่งแยกที่เกิดขึ้นอย่างที่ผ่านๆมา การพยายามให้ข้อมูลให้มากและทำความเข้าใจกับประชาชนเสียก่อนก็ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ฟังคำตัดสินแล้วท้ายที่สุดก็เข้าใจแม้ว่ามันจะเป็นคำศัพท์ที่ฟังยากเกินคนธรรมดาจะเข้าใจได้ง่ายๆ แต่สื่อที่แต่ละแขนงสังกัดต่างทำงานหนักได้รายงานให้ข้อมูลไว้ล่วงหน้าบ้างแล้ว ประชาชนก็รับข่าวที่ย่อยมาแล้วก็เข้าใจได้ดีความน่ารักของสื่ออยู่ตรงนี้ และยิ่งในวันพิจารณาคำตัดสินมีไอคอนคนข่าวหลายท่านที่รายงานข่าวสั้นๆ อัพเดทอย่างกระชับให้ทันเหตุการณ์ในข้อจำกัด ๑๔๐ ตัวอักษร ช่วยให้ประชาชนได้ติดตามข่าวทาง Twitter ได้อีกด้วย ในที่สุดการพิจารณาคำตัดสินก็เสร็จสิ้นอย่างสงบ ขอชื่นชมและขอบคุณอย่างเต็มๆในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่ง

แต่ความสงบก็มีระยะเวลาไม่นานเท่าไหร่ อีกคืนขอวันถัดไปมีรายงานข่าวการวางระเบิด๔ แห่งในกรุงเทพฯ เป็นจุดยุทธศาสตร์เศรษฐกิจอย่างธนาคารกรุงเทพสำนักงานใหญ่ ที่ถนนสีลม ซึ่งเป็นการตอกย้ำซ้ำเติมความไม่มั่นใจในการลงทุนจากชาวต่างชาติยิ่งเข้าไปอีก ส่วนข่าวต่างประเทศก็มีรายงานเกิดสึนามิที่ชิลี ยังผลให้มีคนบาดเจ็บและเสียชีวิตไม่น้อย
แน่นอนข่าวใหญ่ข่าวร้ายที่สร้างความไม่สบายใจให้คนไทยหลายคน แต่ก็เทียบไม่ได้กับข่าวดีข่าวนี้ที่คนไทยตื้นตันเปรมปรีทั้งประเทศที่ในหลวงทรงหายจากอาการพระประชวร

ในช่วงเย็นเราก็ได้เห็นคนไทยเหล่าพุทธศาสนิกชนไปทำบุญเวียนเทียนตามครรลองของคนพุทธ เพราะวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ วันสุดท้ายของเดือนแห่งความรักในปีนี้ตรงกับวันมาฆบูชา วันสำคัญทางพุทธศาสนาที่พระสงฆ์ ๑,๒๕๐ รูปมาชุมนุมกันโดยพร้อมเพรียงปราศจากการนัดหมาย และพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมจักรกัปวัฒนสูตร ซึ่งเป็นเทศนาธรรมบทแรกได้ใจความว่า “เว้นชั่ว ประพฤติชอบ ทำจิตใจให้บริสุทธิ์” เพื่อที่ชาวพุทธจะได้ดำรงตนอยู่อย่างคนมีปัญญาและสงบร่มเย็น วันมาฆบูชาจึงเป็นวันสำคัญทางศาสนาที่ถึงพร้อมด้วยองค์ ๓ คือ พระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์

กุมภาพันธ์ เดือนแห่งความรักของคนไทยในปีนี้ ถ้าเป็นความรักก็เป็นความรักที่ตื่นเต้นระทึกทะลักเลยทีเดียว หลากหลายเหตุการณ์คละเคล้าหลากอารมณ์และก็ “จบสวย” ที่วันพระใหญ่ มาฆบูชา ให้พี่น้องไทยได้ทำบุญฟังธรรมเวียนเทียนอิ่มบุญ ดำรงรอยจารีตไทยอันดีงามให้คงไว้ ทำบุญกันหน้าตาอิ่มเอิบแจ่มใส ก็ได้พักผ่อนนอนตื่นสายได้เพราะเช้าวันใหม่อีกวันได้หยุดชดเชยให้หนำใจ ชาร์จแบตกันเต็มที่ก่อนที่จะลุยงานที่รักในเดือนหม่ที่ย่างเข้ามา
จึงส่งท้ายว่า กุมภาพันธ์ ปีนี้สุขีดีแท้....