เคยทำอะไรโดยไม่ยับยั้งชั่งใจมั้ย ก่อปัญหา เป็นอันธพาล ประสบการณ์ไร้เดียงสาที่ขาดการไตร่ตรอง อาจจะไม่ได้ผิดมาก แต่ที่รู้ๆคือเรื่องที่ผิดพลาด ดูแล้วคงไม่ต่างกับพระเอกของเรื่องในวันนี้

Alex และผองเพื่อนของพวกเขา จากภาพยนตร์เรื่อง A Clockwork Orange (1971) อีกหนึ่งผลงานชิ้นสำคัญของ Stanley Kubrick เจ้าพ่อแห่งวงการภาพยนตร์ที่มีอิทธิพลของชาวอเมริกัน – อังกฤษ ที่ยังฝากผลงานชิ้นโบว์แดงไว้อีกหลายเรื่อง (Lolita (1962), 2001: A Space Odyssey (1968),The Shining (1980)) และหนังเรื่องนี้ก็คงไม่แพ้หนังเรื่องอื่นๆ  A clockwork Orange ว่าด้วยเรื่องราวของ กลุ่มเพื่อนกลุ่มหนึ่ง ที่อาศัยอยู่ในเมืองที่วุ่นวายอย่างกรุงลอนดอน ด้วยสภาพสังคมที่เน่าเฟะ พวกเขาทำตัวเป็นหัวโจก ทุบตีคนแก่จรจัด มีเรื่องกับแก็งค์อันธพาล ข่มขืนผู้หญิง หรือแม้กระทั่งทำร้ายผู้บริสุทธิ์ พวกเขาทำตัวเสเพลโดยที่ไม่ได้ตระหนักเลยว่าสิ่งที่ทำมันโหดร้าย หรือผิดศีลธรรม พวกเขาทำตัวแบบนี้โดยที่ไม่รู้เลยว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายที่เปลี่ยนชีวิตของพวกเขาไปสู่อีกหนทางหนึ่ง สำหรับหนังเรื่องนี้ Kubrick ยังคงมีชั้นเชิงในการเล่าเรื่อง ทั้งการเล่าด้วยภาพ การออกแบบฉาก คอสตูม หรือแม้แต่อินทีเรียดีไซน์ภายในหนัง (ทำให้เราตื่นตาตื่นใจกับฉากและเฟอร์นิเจอร์ที่พบเห็นอยู่ตลอดเวลา ดูแล้วรู้สึกว่าฉากแต่ละฉากมันล้ำมาก ทั้งๆที่ สร้างในปี 71)

และที่แน่ๆเรื่องเนื้อหา คือ เรื่องที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นหนังที่ถูกใจใครต่อใครหลายคน ประเด็นวิพากษ์ ความขัดแย้งในตัวเรื่อง ที่ศีลธรรมความดีงาม ความถูกต้อง ถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นหลักให้คนดูได้ไตร่ตรองนั้น Kubrick สามารถทำได้อย่างแนบเนียน และประนีประนอม เขาเล่าเรื่องอย่างตรงไปตรงมาเข้าใจง่าย ความขัดแย้งของตัวละครทำให้เราไม่สามารถละสายตาไปจากหน้าจอได้เลย นี้คือความอัศจรรย์ของหนังเรื่องนี้ ดูหนังจบตัวเราเองก็คงตั้งคำถามภายในใจขึ้นมาบ้างว่าสังคมที่เป็นอยู่ เราถูกหยิบยื่น ถูกป้อนศีลธรรม โดยที่ตัวเราเองไม่ได้ตระหนักเลยว่ามันดีหรือมันเลวเพราะอะไร หรือเพียงเพราะเราถูกป้อนมาเสมอว่าสิ่งนี้มันดี สิ่งนั้นมันเลวเท่านั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นเราคงไม่ต่างกับนาฬิกาสีส้มแสนสวย แต่ถูกคนนั้นคนนี้ผลัดกันหมุนให้เข็มนาฬิกามันเดินไปโดยไร้เสรีภาพ (เขียนคอลัมนี้จบ ก็ไปหยิบแผ่นหนังเรื่องนี้มาดูอีกสักรอบแล้วกัน)