เรื่องที่หลายคนไม่เข้าใจกับฉาก.....สุดท้ายของชีวิตกับหมาตัวนึง

    ก่อนอื่นต้องบอกกันตามตรงว่า ผมเองเคยสงสัยว่า ทำไมคนที่หมาตายต้องร้องไห้ เสียใจขนาดนั้น จนวันนี้เกิดขึ้นกับตัวเอง

โอเลี้ยง เป็น ล็อตไวเลอร์ เพศ ผู้ ตัวใหญ่ พูดกันง่ายๆว่า กำลังเข้าสู่วัยรุ่นเลย

นิสัยส่วยตัวของเค้า จะเป็นหมาที่ อารมณ์ดี ไม่กัด แต่เห่ากับคนที่จะเข้ามาในบ้าน แต่กับเด็กๆ กลับยอมให้เค้าเล่นทุกอย่างโดยที่ไม่มีท่าทีว่าจะโกรธ จึงเป็นที่รักของน้องๆตัวเล็กๆแถวบ้าน

มีหลายครั้งที่ เจ้าโอเลี้ยงเคยจะไปยกพวกกัดกับหมาซอยข้างๆ แต่เปนไงไม่รู้ พอจะกัดกลับรีบวิ่งเข้ามานอนใต้รถทุกที จน พ่อ บอกว่า" นี่แกเป็นหมาฝรั่งน่ะโว้ย สู้เค้าหน่อยดิ" แต่ก็มีหลายครั้งที่ หมาคู่อริมาตรงหน้าบ้าน โอเลี้ยงเข้าไปกัดปางตาย ต้องใช้ผู้ชาย 3 คนเข้ามาจับโอเลี้ยงไว้ ส่วนหมาอีกตัวนอนนิ่งไม่ขับแต่ว่ายังไม่ตาย ผมได้ โอเลี้ยงมาตอนประมาณเค้า 3 เดือน เลี้ยงไปเลี้ยงมา 4 ปีแล้วรักเค้ามาก ไม่รู้เปนไงน่ะ ตอนแรกคุณแม่บอกว่า อย่าเอามาน่ะ ฉันไม่เลี้ยงให้น่ะ แต่ทำไปทำมา กลับรัก โอเลี่ยงมากกว่าผมอีก มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมจำได้ไม่ลืม ผมกลับจากการไปถ่ายงานที่ โรงเรียน กลับมาที่บ้านค่อนข้างดึง แม่ กับ พ่อ ก็ยังไม่มา แต่ จู๋ๆ แม่โทรมา " กินข้าวแล้วยัง แม่ถาม

" ยังเลยแม่ หิวจังซื้ออะไรเข้ามาให้หน่อยดิ ผมตอบ

" ป่าวฉันไม่ได้ถามเธอ ฉันถามโอเลี้ยง เธออ่ะหากินเองได้ แม่ตอบ

ผมแบบว่า อิจฉาหมาโคตร เลยอ่ะ

เรื่องราวของผมกับโอเลี้ยงมีเยอะ แต่แล้วจู่ๆ เรื่อราวร้ายๆก็เกิดขึ้นเมื่อ ปีใหม่ที่ผ่านมา



เช้าวันนั้น โอเลียงเอาแต่นอน ไม่กระดิก สกิดก็ไม่กระดิก ผมเองก็เพิ่งกลับมาจาก กทม.มหาลัยปิดปีใหม่พอดี

ที่บ้านตกใจกันมาก รีบพาโอเลี้ยงไปหา คุณหมอปราโมทย์

ผลการตรวจพบว่า น้อง เป็นหัด ที่เชื้อลามเข้าไปสู่สมอง อาหมอ บอกว่า จริงๆเค้ามีเชื้ออยู่แล้วแต่อาการไม่แสดงออกมา อาหมอบอกว่า ไม่มีวิธีรักษา แล้วน่ะ คำนี้ผมแบบว่า แทบลมทั้งยืน แต่อาหมอบอกว่า เอายาไปกินสัก 1 ชุด ถ้าหมดยาชุดนี้แล้วน้องเค้ารอดให้รีบพากลับมาหา หมออีกทีน่ะ ยาชุดแรกส่วนใหญ่จะเป็น พวก ละลายลิ่มเลือด กระตุ้นประสาท แก้ปวด แก้อักเสบ

พวกเรากลับมาที่บ้าน ก็พูดว่า " เอ้า ลองดูจะอยู่จะไปเดี๋ยวเจ้าตัวเค้าตัดสินเอง"

และแล้ว น้องรอด

อาหมอแทบไม่เชื่อเมื่อคุณพ่อ โทรไปนัดเวลากับอาหมอ

อาหมอบอกว่า ไม่เคยเจอ ส่วนใหญ่ ไม่เกิน 3 วัน จนอาหมอต้องโทรคล้ายๆกับว่า ไปบอกพวก อาจารย์ เพื่อนๆให้รู้กัน

หลังจากวันนั้น ก็ได้รับยามาเรื่อยๆ อาการของเค้าก็ ทรงๆทรุดๆ แต่ โดยรวมแล้วจะมีการแกร็งของกล้ามเนื้อคอ ทำให้คอเค้าเอียงๆ



เหตุการณ์ที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นก็ เกิด

วันที่ 11 เมษา 2552 น้องชายเริ่มมีแผลจากการลื่นล้ม ที่ขาหลังขวาจนเลือดออก แล้วมีอาการบวม คุณแม่ดูแลราวกับว่า เป็นผู้ป่วยพิเศษ เพราะคุณแม่ทำงานที่ โรงพยาบาล ตอนเย็นวันนั้นเอง เราทุกคนที่บ้านต่างดูอาการแล้วไม่น่าจะป็นอะไรมาก เห็น กินข้าว + ยา ได้ ตามปรกติ เราจึงเดินทางไปบ้ายคุณ ปู่+คุณย่า

ที่ต่างอำเภอ

วันที่ 12เมษา 2552 คุณแม่ตื่นตอนเช้าพร้อมกับความฝันแปลก จึงมาเล่าให้ผมฟัง " คุณแม่ฝันว่า โอเลี้ยงนอนอยู่แล้วเรียกยังไงก็ไม่ตื่น" แม่จึงรีบบอกพ่อเพื่อจะกลับบนแต่วันนั้น มีธุระ ที่นั้นนิดหน่อยเลย ทำให้ ออกเดินทางประมาณ 15.00 แล้ว กว่าจะมาถึงที่ บ้านก็ 15.45น. ผมแวะส่งพ่อที่ทำงาน แล้วก็พาแม่กับน้อง มาที่บ้าน ทันทีที่รถจอดที่หน้าบ้าน แม่หันไปมอฝโอเลี้ยง แล้วก็เรียก แต่ไม่เห็นเค้าขยับเลย

รีบเปิดประตูบ้านเข้าไป พบว่าเค้านอน แบบตะแคง หายใจเบา มากๆ คุณแม่กับพวกผมรู้อยู่แก่ใจแล้วว่า

น้องคงไม่ไหวแล้ว จะโทรหาพ่อ ให้กลับมาที่บ้านด่วนๆ แม่ป้อนน้ำ แต่เค้าก็ไม่กลืนลงไป

แม่เลยพูดว่า " น้อง นี่แม่กลับมาหาโอเลี้ยงแล้วน่ะครับ

ถ้าน้องอยู่ น้องก็อยู่น่ะ แต่ถ้าน้องจะไปก็ หลับให้สบายน่ะ ครับ แม่อยู่ตรงนี้แล้วน่ะครับ

แม่กลับมาหาน้องแล้วน่ะ" ผมฟังแล้วน้ำตาไหลไม่หยุด

ทุกคนร้องไห้แบบ ไม่ได้นัดหมายตอนนั้นคุณอามาที่บ้าน ได้แต่ช่วยปลอบใจ

หลังจากนั้นน้องเค้า

ชัก 3 ครั้งแล้วก็ จากพวกเราไป อย่างไม่มีวันกลับ

16.38น. คือเวลาที่น้องชายจากพวกเราไปไม่กลับ วันที่ 12 เมษา2552

หลังจากที่พวกเรา ทำอะไรไม่ถูก

คุณพ่อ ผม และ คุณอา จัดแจงหาที่ฝังน้อง

คุณพ่อเลยโทรไปหาเพื่อนที่ดูแลสวนสัตว์ที่ นี่ดู เค้าบอกว่าได้ แต่ไม่รู้คนงานอยู่รึป่าว ลองเข้าไปดู

พวกเราเลยจัดแจงเช็ดตัว โอเลี้ยงเตรียมส่งไปอยู่ที่บ้านหลังใหม่ จากที่บ้าน ประมาณ 15 นาที ก็ถึงสวนสมเด็จ หรือ ทุ่งท่าลาด

เราจึงไปที่ ศุนย์ช่าง ที่นั้นมีเครื่องมือทุกชนิดและเป็นที่ที่ทางสวนสัตร์เว้นไว้สำหรับฝัง สัตว์ ที่เจ้าของต้องการให้มาอยู่ที่นี้ โชคเป็นของเรา ทั้งๆที่เป็นวันสงกรานต์แต่ยังมีน้าที่เค้าทำงานอยู่เต็มเลย ทุกคนเห็นหน้า พ่อ เค้าจำได้ จึงถามว่า มีอะไรให้ช่วย พ่อจึงตอบเค้าไป

น้าคนนึงเค้าบอกว่า เดี๋ยวผมขุดกับจอบให้เอง แต่ผมบอกว่าตัวน้องเค้าใหญ่ น่ะครับ

น้าๆเค้ามาดู พูดเป็นเสียงเดียวเลยว่า "ใหญ่จัง"



จึงเปลี่ยนมีขุดด้วย รถแม็คโค จากนั้คุณพ่อ จัดการจุดธูปเทียน บอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง ฝากน้องชายให้อยู่ในความดูแลด้วย

คุณแม่ ได้แต่ยืน ไม่พูดอะไร ผมเอง หยิบกล้องตั้งใจ ทำบล็อกนี้ให้กับ น้องชาย

17.37 น เสร็จการส่งน้องชายสู่บ้านหลังใหม่

ผมนึกถึงโอเลี้ยงทุกทีน้ำตาแทบใหล

ผมพิมพ์บล็อกนี้ พร้อมกับ น้ำตาที่ค่อยๆใหล ด้วยความคิดถึง

สุดท้าย ...... หลับให้สบายน่ะครับ พ่อแม่ พี่นัท และพี่ขวัญ ยังคิดถึง โอเลี้ยงเสมอ

" น้องชาย"

14 เมษายน 2552

Views: 469

Comment

You need to be a member of PORTFOLIOS*NET to add comments!

Join PORTFOLIOS*NET

© 2009-2024   PORTFOLIOS*NET by CreativeMOVE.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service