หลวงปู่ท่านฝากไว้นะ


ที่เห็นนั้น เขาเห็นจริง เเต่สิ่งที่ถูกเห็นนั้นไม่จริง 
 
นิมิตบางอย่างนั้นมันน่ายวนใจ เเต่ถ้าติดนิมิตมันก้เสียเวลาเปล่า
 
อย่าสนสิ่งที่เห้นเหล่านั้น ให้ดูจิตเรา
 
เเล้วเสิ่งที่ไม่ควรเห็นก้จะหายไปเอง
 
สิ่งที่ปรากฎเห็นทั้งหมดนั้น ยังเป็นสิ่งภายนอกทั้งสิ้น 
 
จะนำเอามาเป็นสาระที่พึ่งอะไรยังไม่ได้
 
 
คิดเท่าไรก้ไม่รู้ 
 
แต่ถ้าหยุดคิดจึงได้รู้ 
 
แต่ก่อนจะรู้ ก้ต้องอาศัยความคิดนั้นเเหละจึงจะรุ้ได้
 
 
 
คนเราทุกข์เพราะคิด ถ้าอยากหายทุกข์ก้หยุดคิด
 
ถ้าอยากหยุดคิดก้ต้องปฎิบัติ เพราะถ้าเเค่คิด 
 
ก้ไม่สามารถหยุดทุกข์ได้
 
 
ในทางโลกมีสิ่งที่มีส่วนในทางธรรม มีสิ่งที่ไม่มี 
 
ไม่มีใครตัดความทุกข์ให้ขาดได้หรอก มีเเต่รู้ทันทุกข์ 
 
เมื่อรู้ทัน ความทุกข์มันก้หายไปเอง
 
 
หนังสือธรรมมะนั้น ถ้าอ่านมาก ก้จะวิพากษ์วิจารณ์มาก 
 
จึงไม่ต้องอ่านมากก็ได้ ถ้าตั้งใจปฎิบัติ
 
 
การไม่กังวล การไม่ยึดติด นั้นเเหละคือทีสุดของนักปฎิบัติ
 
 
การเริ่มต้นปฎิบัติธรรมนั้นจะเริ่มต้นด้วยวิธีอะไรก้ได้
 
ผลมันเป็นอันเดียวกันอยู่เเล้ว การปฎิบัติที่ต่างกันนั้น
 
คงเพราะจริตของคนไม่เหมือนกัน คำบริกรรม ก้เลยต่างกัน 
 
เช่น พุทโธ  ยุบหนอ เพื่อให้จิตรวม เมื่อจิตรวม สงบ
 
คำบริกรรมทั้งหลายก้จะหายไป 
 
เมื่อนั้นจะเกิดสติเเละตามมาด้วยปัญญา
 
 
 
อย่ายึดติดกับตำราเเละอาจารย์ เพราะ เราจะไม่พ้นทุกข์ 
 
แต่ผู้ที่พ้นทุกข์ได้ต้องอาศัยตำราเเละอาจารย์เหมือนกัน
 
 
 
หลักธรรมที่เเท้นั้นคือจิต ให้กำหนดดูจิต ให้เข้าใจจิตตัวเองให้ลึกซึ้ง
 
เมื่อเข้าใจจิตตัวเองได้ลึกซึ้งเเล้ว นั้นเเหละได้เเล้วซึ้งหลักธรรม
 
 
ถ้าไม่ภาวนาดูจิตของตัวเรา ไปภาวนาดูกิเลสของตัวเรา
 
มันก้เห้นเเต่กิเลสของเราอยู่รำ่ไปนั้นเเหละ
 
 
จิตที่มีกิเลสคือ การที่จิตบังคับให้ กาย วาจา ใจ 
 
กระทำสิ่งภายนอกให้มี ให้เป็นให้ดี ให้เลว เเล้วยึดว่า
 
นั้นเป็นของเรา ของเขา มีตัว มีตน 
 
 
 
ใจไม่สงบก็ให้รู้ว่ามันไม่สงบ นั้นเพราะอยากสงบ 
 
มันจึงไม่สงบ ก้ต้องปฎิบัติไปเรื่อย ๆ สังกวันก้จะ สงบ ตามต้องการ
 
 
การปฎิบัติธรรมทั้งหลายที่เราพยายามมา ก็ดพื่อใช้ในเวลาที่จะตาย
 
ให้ทำจิตให้เป็นหนึ่ง แล้วหยุดเพ่งเพื่อ ปล่อยวาง ทั้งหมด
 
 
สิง่ที่ประเสริฐ ที่มีอยู่เฉพาะหน้าเเล้วไม่สนใจ กลับหวังไกลถึงสิ่งที่แค่กล่าวถึง
 
เป็นลักษณะของคนไม่เอาไหน นิพพานในศาสนของพระพุทธเจ้านี้ยังมีอยู่
 
ลองสำรวจดูความสุขเถอะว่าตรงไหนที่เห้นว่ามันสุขที่สุดในชีวิต
 
มันก้แค่นั้นเเหละ โลกมีอยู่เเค่นั้นเเหละ ซำ้ ๆ ซาก ๆ
 
เกิดเเก่เจ็บตาย ความสุขที่พิเศษกว่า ประเสริฐกว่า ปลอดภัยกว่า
 
มีอยู่จริง เราจึงควรสละสุขส่วนน้อย เพื่อแสวงหาสุขอันเกิดจาก 
 
ความสงบ กายเเละใจ 
 
 
การปฎิบัติ ให้มุ่งปฎิบัติเพื่อ สำรวม เพื่อละ เพื่อคลาย ราคะเพื่อดับทุกข์
 
ไม่ใช่เพื่อเห็นสวรรค์ วิมาน หรือ นิพพาน ก้ไม่ต้องตั้งเป็าหมายเพื่อจะเห็น
 
ปฎิบัติไปเรือย ๆ ไม่ต้องอยาก 
 
นิพพานนั้น เป็นของว่าง ไม่มีตัวตน ที่ตั้งไม่มี ที่เปรียบก้ไม่มี
 
 
ผู้ปฎิบัตินั้น ไม่ต้องสนใจ ชาตินี้ชาติหน้า หรือนรกสวรรค์ 
 
ตั้งใจปฎิบัติเป็นพอ ให้มีศีลสมาธิปัญญา อย่างเเน่วเเน่ ก้พอ 
 
 
การฟังจากคนอื่น หาอ่านจากตำรา ไม่อาจเเก้ข้อสงสัยได้ 
 
ต้องปฎิบัติ ปฎิบัติให้เเจ้ง ความสงสัยทั้งหลายก้จะหมดไปเอง
 
 
ทุกอย่างอยุ่ที่ความประพฤติ ฤกษ์ดี ฤกษ์ร้าย โชคดี โชคร้าย 
 
เคราะห์กรรม บาป บุญ ทั้งหมดนี้ 
 
ล้วนออกไปจากความประพฤติของมนุษย์ทั้งสิ้น 
 
 
 
เมื่อเรามีความไม่พอ ก้เพราะใจเรามีความไม่พอ 
 
 
 
กลั่นกรองเเล้ว เพื่อทำให้อ่านง่ายขิ้น 
 
กรองมาเเต่เนื้อ นำ้นิด ๆFoot in mouth

Views: 86

Comment

You need to be a member of PORTFOLIOS*NET to add comments!

Join PORTFOLIOS*NET

© 2009-2024   PORTFOLIOS*NET by CreativeMOVE.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service