บุคคลที่ 1 เป็นเพื่อนกับ บุคคลที่ 3 คบมานานนับทศวรรษ
บุคคลที่ 3 ชอบพบปะและเรียนรู้ใหม่ๆ แต่ก็รักเพื่อน ไม่ลืมเพื่อนอย่างบุคคลที่ 1
บุคคลที่ 1 ชอบอยู่เฉยๆ ช่วยงานเพื่อนเงียบๆ
บุคคลที่ 3 รู้จักกับบุคคลที่ 2 ขอย้ำว่าแค่ รู้จัก
บุคคลที่ 2 รู้จักกับบุคคลที่ 3 เช่นกัน ขอย้ำอีกรอบว่าแค่ รู้จัก

ต่อมา

บุคคลที่ 2 มาพบกับ -สมุดวิเศษเล่มสีแดง- ของบุคคลที่ 1
บุคคลที่ 2 เคยเห็น -สมุดวิเศษเล่มนี้- เป็นของบุคคลที่ 3
บุคคลที่ 2 ส่งสารที่ตัวเองรับรู้และเข้าใจเกี่ยวกับบุคคลที่ 1 ให้บุคคลที่ 4-5-6-7-8 ....ฟัง
(บุคคลที่ 4 อาจไปเล่าให้บุคคลที่ 12 ซึ่งเป็นเพื่อนกันฟัง บุคคลที่ 6
อาจไปเล่าให้บุคคลที่ 20 ผู้เป็นเพื่อนฟัง บุคคลที่ 5 รับรู้แล้วอาจนิ่งเฉย
ฯลฯ)

บุคคลที่ 1 รู้...แต่เลือกที่จะเงียบ
บุคคลที่ 3 รู้...แต่เลือกที่จะเงียบ

หลังจากการรับสาร

บุคคลที่ 4 , 6 , 8 ...รู้จักบุคคลที่ 1 มองหน้าบุคคลที่ 1 ผิดไปจากเดิม..

เหตุการณ์ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ......

....
....
....

ทีนี้เรามาดู บุคคลที่ 1 กับ บุคคลที่ 3 คุยกันบ้างดีกว่า

บุคคลที่ 3 : บอกไปเถอะ ความจริงก็คือความจริง
บุคคลที่ 1 : ไม่เป็นไร ช่างมันเหอะ ชื่อเสียงเป็นของนอกกาย แต่ถ้าเพื่อนไม่มีชื่อเสียง ก็ตายนา

บุคคลที่ 3 : ช่างมัน ชื่อเสียงมึงจะเสียนะ
บุคคลที่ 1 : แล้วมึงจะหากินยังไง ลูก เมียล่ะ เอาอะไรกิน

บุคคลที่ 3 : ไม่รู้ เดี๋ยวก็หาทางได้เองมั้ง
บุคคลที่ 1 : กูก็ไม่ได้เดือดร้อนไรนะ คุณ 4 , 6 , 8 อะไรนั่น

ก็ไม่ได้มาถามไรกูนิ หรือถามกูก็ไม่บอกความจริงหรอก
ถ้าตัดสินกูโดยคำบอกเล่าของคนอื่น ก็เรื่องของเขา เราจะแคร์ทำไม ว่าแต่
คืนนี้ไปหาไรกินกันดีกว่า

....
....
....

แด่ความลับ เชียสสส

----------------------------------------------------------------------------

ที่มาของเรื่อง :
S - M - C - R พื้นฐานวิชาสื่อสารมวลชนอะไรประมาณนี้อ่ะ จำไม่ได้ แหะๆ
S - Sender : ผู้ส่งสาร
M - Message : สาร
C - Chanel : ช่องทางการสื่อสาร
R - Reciver : ผู้รับสาร
แถมด้วย Public Opinion -
การแสดงความคิดของมหาชนต่อเรื่องราวสาธารณะ(บรรทัดนี้เอามาจากเอกสารประกอบ
คำบรรยายเรื่องมติมหาชน ม.รามคำแหง ., บรรทัดที่ 8
หน้าคำนำ.,อาจารย์สุระชัย ชูผกา ผู้เขียน)