มีคนถามไถ่เกี่ยวกะงานชิ้นนี้ ไหนๆก็ว่างๆแล้ว ผมจะเล่าให้ฟังเลยละกัน
เริ่มจาก assignment นี้เป็น assignment ที่สองต่อจาก assignment1:Project Mosques ซิ่งเป็นproject กลุ่ม(ทำกันสามคน) ของวิชา Interactive Communication (ปีสามเทอมหนึ่ง 2007)
เริ่มจาก
Project Mosque ก่อนเลยนะ
projectแรก อาจารย์ Nigel Power จะมีlistของสถานที่ต่างๆเช่น Hospital, Museum, Bus station... etc. ให้เราเลือกไปobserve เลือกไปเลือกมา ก็เหลืออยู่ที่เดียวเป็นที่สุดท้าย: Religious place แล้วมันดันมีวงเล็บไว้ว่า (not the same religion as you are or the one you are already familiar with) นั่นไงโดนเลย จุดมุ่งหมายการไปobserve เลยเป็น MOSQUES
![](http://storage.ning.com/topology/rest/1.0/file/get/2998634590?profile=original)
ที่ตั่งของMosqueนี้อยู่ที่ทุ่งครุแถวๆบางมด ก็ขอบอกไว้เลยว่าพวกเราไม่ได้อยากลบหลู่ศาสนานี้นะ แต่ไม่คุ้นเคยจริงๆ และไม่มีความรู้อะไรขนาดนั่นกับศาสนานี้เลย ตอนobserve วันแรกงงๆและแอบอึดอัดเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีพิธีกรรมที่แปลกไปจากที่เราเคยเห็น(เพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าเค้าต้องทำอะไรในนั้นบ้าง) พวกเรามุ่งสังเกตตั้งแต่ การทักทาย การแต่งกาย พิธีกรรมต่างๆ จนถึง เรื่องของบริเวณต่างในสถานที่นั้นๆ จนวาดออกมาเป็นMAP size A0 3แผ่น
มีการตั้งคำถามมากมายเกี่ยวกับข้อมูลที่เก็บมาได้ ตลอด3อาทิตย์ที่กลับไปobserveอยู่เรื่อยๆ คำถามเรื่องphysicalต่างๆ เช่นการใช้spaceและinteractionกะspacesต่างๆ ดูเป็นคำถามที่น่สนใจและเราก็อยากกลับไปobserveอีกรอบ แต่กลับมาทบทวนอีกทีแล้ว คำถามพื้นๆเลยที่เรามองข้ามไปคือ อะไร ที่ทำให้เราตัดสินเค้า(วะ)
เราเลยกลับถามตัวเอง และทุกคนก็นึกถึงประเด็นเกี่ยวกับไฟใต้ช่วงนั้น ก็รู้นะว่าสื่อเป็นสื่อแหละ แต่ทำไมคนถึงคิดว่าเป็นเรื่องของศาสนา และศาสนาเป็นต้นเหตุของความต่างซึ่งทำให้พวกเรามีเรื่องกัน อย่างงั้นหรอ? พวกเราก็คนเหมือนกันหนิหว่า ต่างกันแค่สิ่งที่เค้ายึดเหนี่ยวเอง
เราเลยตัดสินใจถ่ายทอดออกมาเป็นVDOแนวทดลองที่สะท้อนให้เห็นชีวิตจริงของพวกเค้า แต่เวลาแค่สัปดาห์เดียวบวกด้วยประสบการณ์อันน้อยนิดเราเลยเลือกที่จะถ่ายชุมชนกับโรงเรียนแถวๆนั้น
ดูไปแล้วมีหลายfootages ที่เราชอบๆกัน โดยเฉพาะอันที่ถ่ายที่โรงเรียน เพราะมีเด็กๆทั้งพุทธและมุสลิมเรียนอยู่รวมๆกัน
![](http://storage.ning.com/topology/rest/1.0/file/get/2998634716?profile=original)
เราเลยเลือกfootage ที่เป็นเด็กเล่นกันตอนหลังเลิกเรียน เราเลยดึงมันให้ยาวขึ้นให้เห็นรายละเอียด ของเด็กที่กำลังเล่นกันหยอกล้อกัน
![](http://storage.ning.com/topology/rest/1.0/file/get/2998634802?profile=original)
ความหมายที่เราพยายามสะท้อนให้เห็นก็คือแง่ของ innocent และ friends แต่ในทางตรงกันข้ามในขณะเดียวกันด้วย (ไฟใต้) ซึ่งประเด็นนี้เราโยงด้วยวิธีการติดตั้งscreenด้วยกระดาษไขซึ่งคลุมข่าว(จากหนังสือพิมพ์)พวกนั้นไว้ เวลาคนดูเดินเข้ามาอ่าน ต้องกดกระดาษไขให้แนบกับข่าวถึงจะอ่านได้ เป็นสิ่งที่เราพยายามสื่อว่าหรือบ่งบอก ถึง"การได้สัมผัสเข้าถึง" จากLayer ข้างนอกนั้น (งงๆมะ)
![](http://storage.ning.com/topology/rest/1.0/file/get/2998634956?profile=original)
รวมๆก็ออกมาโอเคนะ ติดที่ว่าprojectนี้ทำยากนิดนึงเพราะเป็นเรื่องของศาสนาที่เราไม่รู้จริง และพวกเรากลัวเพราะอาจจะทำอะไรที่เป็นการลบหลู่พวกเค้า อาจารย์ก็เข้าใจ ช่างเป็นprojectทดลองจริงๆ
......................................
Assignment 2: Pre-judge // เขา อะไร เธอ (outcome)
หลังจากprojectแรกจบลง อาจารย์ก็ให้เราแยกกันทำ แต่ให้ดึงkeywordออกมาจากprojectที่แล้ว ผมได้เลือกประเด็นของการตัดสินกันที่ภายนอก "Pre-Judge" ผมก็กลับมาดูว่าอะไรตัดสินเราที่ภายนอกได้
การแต่งกาย เป็นสิ่งหนึ่งที่บงบอกสถานะและอาชีพได้ ไหนจะอายุ หน้าตา เพศ อีกมากมาย แต่มีสิ่งของที่พกพาหรือมีไว้นั้นสามารถต่อยอดอีกความหมายนึงของสถานะนั้นๆด้วย พูดไปแล้วก็งงตัวเองเหมือนกัน แต่คิดไปคิดมาแล้ว สิ่งของเหล่านั้นแหละเป็นสิ่งที่บ่งบอกกริยานั้นๆ(verb: สิ่งที่ทำ) แต่เราไม่อาจรู้ได้ว่ากริยานั้นเป็นไปด้วยจุดประสงค์อะไร(intention) คนเราอาจตัดนสินไปโดยที่ไม่ต้องคิดอะไรก็ได้ หรือจะคิดดีคิดร้ายก็แล้วแต่ ผมเลยคิดว่าสิ่งนี้แหละน่าจะเอาไปทำอะไรได้ สัปดาห์ต่อมา ผมเลยออกไปเก็บภาพของคนในสถานะต่างๆ และสิ่งของต่างๆ
กลับมาคุยกะอาจารย์ พร้อมภาพพวกนั้นที่ถูกprintออกมา วางไปวางมาคุยไปคุยมา ภาพพวกนั้นก็เกิดpatternขึ้นมาในแง่ของรูปไวยกรณ์ แบบพื้นๆ ที่มีแค่ ประธาน กริยา และ กรรม (ตอนแรกจะมีสถานที่ด้วยแต่มันดูเยอะไปหน่อยเดี๋ยวหลุดtheme และดูยุ่งยากนิดนึง)นั้นแหละเป็นformatหลักๆของงานชิ้นนี้เลย ส่วนเรื่องที่มันโดนdevelopmentออกมาเป็นCard game ก็เพราะ เรานี่แหละที่เป็นคนเล่นเกมส์พวกนี้ บวก มันเป็นวิชา Interaction Communication เลยต้องมีfunctionตรงนี้อยู่
คราวนี้แหละ อาจารย์ให้โจทย์ออกมาว่า ทำยังไงก็ได้ ให้คนเล่นได้โดยที่ไม่มีคำสั่งใดๆ(no instruction) แบบว่าห้ามมีคนสอนให้เล่น เข้ามาแล้ว ต้องให้คนเล่นๆได้เลย ก็เลยคิดถึงเรื่องกฎของการmatchingขึ้นมา อย่างที่เห็นเลย เป็นแค่โต๊ะที่มีเขียน "เขา" "อะไร" "เธอ" เหมือน cards แต่ละใบที่มีเขียนไว้เหมือนกัน ซิ่งคนที่หยิบมันขึ้นมา น่าจะรู้ว่าควรจะวางไว้ช่องไหน
![](http://storage.ning.com/topology/rest/1.0/file/get/2998634924?profile=original)
![](http://storage.ning.com/topology/rest/1.0/file/get/2998635068?profile=original)
ในแต่ละด้านของโต๊ะ คำสามคำนี้จะโดนวางต่างกัน เช่น "เขาอะไรเขา" "เธออะไรเขา" "เธออะไรเธอ" ซึ่งงทำให้fitกลับด้านทั้งสี่ของโต๊ะ ส่วนเรื่องของการเล่น ขึ้นอยู่กับการตัดสินของแต่ละคน ตามConceptเลยคร้าาาาาาบ :)
![](http://storage.ning.com/topology/rest/1.0/file/get/2998635213?profile=original)
ก็ประมานนี้แหละ กว่าจะได้งานชิ้นนี้ขึ้นมา: "เขา อะไร เธอ" ที่มาและการสร้างสรรค์ก็กินเวลาไปหนึ่งเทอมเต็ม
ไว้ถ้ามีเวลา จะขุดออกมาdevelopต่อ อาจเป็นในแง่ของการใช้mediumที่ต่างไป ก็ยังไม่รู้นะครับ
ไว้ถ้าclickกะอะไรขึ้นมา คงทำต่อแหละ
You need to be a member of PORTFOLIOS*NET to add comments!
Join PORTFOLIOS*NET