กลิ่นดอกสัตบันค่อยๆ เลือนหายไปในอากาศหลังจากที่มันชูช่อออกดอกส่งกลิ่นออกมาปีละครั้ง บรรยากาศรายรอบสดชื่นขึ้น ต้นสัตบันเป็นวัตถุดิบอย่างดีสำหรับดินสอ  แต่ในเมืองไทย ความที่ชื่อของมันเป็นมงคล ทำให้ไม่ค่อยมีใครตัดต้นสัตบันกัน  ชายอ้วน มองมาเห็นเก่งที่บริเวณกองกฐิน เขาเป็นชายร่างท้วม ไม่สูง ใส่เสื้อขาดเก่ามอซอ เขาทำงานอยู่ร้านเดียวกับน้องมิ้ลค์ ชายอ้วนเดินรี่เข้ามาทักทายเก่ง

“เอ๊า เป็นไง ช่วงนี้”

“เรื่อยๆ พี่ ตามเรื่อง วันนี้พอดีเสียงมันดัง นอนไม่หลับ เลยเดินออกมาดู” เก่งตอบ

“ก็งี้แหล่ะ งานกฐิน พอเย็น นับเงิน เด๋วมันก็ออกไปเที่ยว กินเหล้ากัน” ชายอ้วนว่า

ในละแวกนั้น รู้จักชายอ้วนคนนี้เป็นอย่างดี เค้ามีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักคุ้นเคยมากกว่าผู้ใหญ่บ้านที่แต่งตั้งกันมาตามระบอบเส็งเคร็งอะไรก็ไม่รู้ที่ครอบงำประเทศไทยอยู่ในขณะนี้

ขณะนั้นเป็นเวลาเที่ยงเกือบบ่าย ถนนลาดยางมะต็อยในบริเวณงานกฐินมีรถบางตา ชายอ้วน หรือที่เป็นที่รู้จักกันในชื่อเฮียอ้วน เดินเข้าไปขัยบมอร์เตอร์ไซค์

“จะไปกินที่ร้านอีกไม๊ วันนี้” เฮียอ้วนชักชวนเก่ง เก่งก็พยักหน้าตอบด้วยอาการแบบยังเมาไม่สร่าง “ไปก็ได้พี่” แล้วก็ซ้อนท้ายมอร์เตอร์ไซค์เฮียอ้วน ขี่ออกไปตามถนนลาดยางมะต็อย

 

“เราเคยไปทำงานอยู่กรุงเทพ นี่ ร้านนี้ก็ร้านพี่แฟน ตั๊ก เจ้าของร้านนี่ ก็แฟน มิ้ล์ค เป็นน้องสาวอีกคน หน่ะ” ชายอ้วน เริ่มบทสนทนาทันที่ที่ทั้งสองทรุดตัวลงนั่งบนม้าหินอ่อน ในกลิ่นเน่าๆ หน้าแผงขายผัก คุยเรื่องเดียวอย่างที่เคย แล้วก็คุยมาตลอดจนนับครั้งไม่ถ้วน เก่งก็ได้แต่พยักหน้ารับคำ เมื่อจบเรื่อง ทั้งคู่ต่างนิ่งงันกันไปพักนึง จนเฮียอ้วนออกปากขอออกไปทำธุระ

 เสียงเพลงดังกระหึ่มมาตามถนน ขบวนรถกฐินเริ่มออกเดินทาง ขบวนก็มีรถกะบะของคณะกรรมการ คันที่เด่นที่สุด มีร่มกาง แล้วก็มีหญิงสาวรูปร่างแบบบางนั่งอยู่ที่ท้ายกะบะ ส่งสายตามองไปทางโน้นที ทางนี้ที หญิงสาวแบบบางมองมาที่โต๊ะหินอ่อนที่เก่งนั่งอยู่ครั้งนึง ส่งรอยยิ้มและแววตาเล็กๆ มาทางเก่ง แต่แล้วก็ไม่มีอะไร  ขบวนเคลื่อนที่ไปพร้อมเสียงเพลงลูกทุ่งหมอลำกระหึ่มจากกำลังขยายของเครื่องเสียงขนาดใหญ่ที่ติดตั้งพร้อมระบบปั่นไฟบนตัวรถ น้องมิ้ล์คเดินออกมาจากโต๊ะนับเงินของร้าน คนในกองกฐินเดินถือขันออกมาบอกบุญเรี่ยไรเพิ่มเติม

เก่งมองดูน้องมิ้ล์ค

“ได้ไปทำบุญไม๊”

“ไม่ ค่ะ” น้องมิล็ค์ตอบ หากสายตากลับจ้องกลับไปยังหญิงสาวแบบบางบนรถในขบวนกฐินในแบบที่ผู้หญิงเท่านั้นที่เข้าใจ

เก่งนิ่งไปครู่นึง แล้วเลยออกปากคุยต่อ ทำให้เหมือนว่าเขาจะเป็นผู้มีความรู้ตามหลักวิชาสังคม ประเพณี อะไรซักหน่อย “น้องมิ้ลค์ ได้เรียนอะไรไหม”

น้องมิล์คยิ้มคิกคักเล็กน้อย “เรียนอยู่พี่ หนูเรียนจบแล้ว เลยมาอยู่กับพี่ตั๊กนี่แหล่ะ”

“อ้าว จบที่ไหน” เก่งคุยต่อ น้องมิ้ล์คบอกชื่อมหาวิทยาลัยเอกชนที่นำชื่อของภาคตะวันออกเฉียงเหนือมาตั้ง

“อ้าว แล้วไม่ไปหางานทำหล่ะ” เก่งชวนคุยต่อ

“โอ๊ยพี่ เพื่อนในหมาลัยหนู มีแต่เด็กเสี่ย หนูไม่ชอบ พอดีพี่ตั๊กแกชวนมา เลยมาอยู่กับพี่ตั๊ก”

เก่งหน้าเจื่อนไปแว๊บนึง ยกแก้วเบียร์ขึ้นกระดก เออหนอ วับรุ่นสมัยนี้ เข้ามหาวิทยาลัยชั้นสาม มหาวิทยาลัยเอกชน ไปเป็นเด็กเสี่ย ไม่เป็นเด็กเสี่ยก็มาเป็นแฟนทอม

กลิ่นดอกสัตบันโชยหายออกไป ฤดูหนาวเริ่มต้น ต้นสัตบันเป็นวัตถุดิบที่ดีสำหรับทำดินสอ แต่คนไทยปลูกก็ไม่ค่อยอยากตัดกัน ด้วยความที่ค่านิยม ความเชื่อตามชื่อของต้นไม้ว่ามันเป็นไม้มงคล สภาพสังคม คนรุ่นเก่ารุ่นใหม่ ก็เชื่อไปตามค่านิยมโยไม่เคยเห็นสภาพที่แท้จริง เหมือนปลูกต้นสัตบัน พอมันออกดอก ออกกลิ่น ก็ส่งกลิ่นเหม็นเขียวอบอวลไปทั่วถนน อย่างนั้น

Views: 54

© 2009-2025   PORTFOLIOS*NET by CreativeMOVE.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service