เพื่อน(กับ) ฉัน และเวลาแห่งสยาม

เนื่องด้วยหน้าที่การงานทำให้ชั้นมีโอกาสได้ทำงานร่วมกับเพื่อนหญิงชาวจีนคนหนึ่ง

และได้มีโอกาสไปผจญภัยในแดนมังกรอันเป็นถิ่นบ้านเกิดของเธอ

ทำให้ได้รู้ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องครอบครัวและประวัติของเธอมากขึ้น

ความสงสัยของและคำถามมากมายพลุ่งพล่านในหัวของฉัน

 เนื่องจากเมื่อเจอกันครั้งแรก ชั้นตั้งสมมุติฐานเกี่ยวกับตัวเธอผิดหมด

สมมุติฐานที่คิดว่าเธอเป็นหญิงชาวจีนแผ่นดินใหญ่ที่ต้องดิ้นรนต่อสู้หางานอย่างยากลำบากในถิ่นของตัวเอง

จึงทำให้เธอตัดสินใจมาหางานทำในเมืองไทย ในความเป็นจริงเธอเป็นหญิงสาวที่จัดว่าฐานะทางบ้านดีมาก เนื่องจากที่บ้านเป็นเจ้าของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ในจีน

เมื่อความสงสัย มันถึงขีดสุด ชั้นจึงเอ่ยถามเธอออกไปตรงๆว่า

บ้านรวยขนาดนี้ มาทำงานใช้ชีวิตให้มันลำบากที่เมืองไทยทำไม

คำตอบสั้นๆ เราชอบเมืองไทย

ชั้นอ้าปากเหวอเล็กน้อย ก่อนจะถามต่อว่า ชอบตรงไหน ยังไง ถึงกับต้องทิ้งที่บ้านเพื่อมารับเงินเดือนเล็กๆน้อยๆเมื่อเทียบกับที่เธอจะได้รับถ้าทำงานที่จีน

 มาตามหาความหมายชีวิตไง ก่อนที่จะต้องไปใช้ชีวิตจริงๆ อย่างที่ที่บ้านอยากให้เป็นคำตอบเรียบง่ายมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ทำให้ตาเธอกลายเป็นเส้นตรง พลางพูดต่อว่า

มีคนต่างชาติตั้งเยอะที่เคยมาเมืองไทยแล้วหลงรักเมืองไทย เราเคยมาที่นี่เมื่อ 10 ปีก่อน กับที่บ้าน แล้วก็สัญญากับตัวเองว่าเราอยากมาอยู่ที่นี่จริงๆซักพัก เพื่อเรียนรู้ คนไทยนิสัยดีนะ

เราแอบคิดในใจ มันทำเป็นพูดไปอย่างงั้นเองหรือเปล่า หรือไปจำสโลแกนนางงามที่ไหนมาพูด เลยยิงคำถามต่อ

แล้วเมืองไทยตอนนี้กับ 10 ปีที่แล้ว มันต่างกันมากไม๊ในสายตาแก เธอเงียบไปเล็กน้อย พูดตรงๆ ตึกรามบ้างช่อง ถนน ความเจริญแทบจะไม่แตกต่างกับเมื่อ 10 ปีก่อนเท่าไหร่ แต่นิสัยใจคอคนเปลี่ยนไป เราสบตากัน ชั้นรู้ว่ามันพูดความจริง

บทสนทนาเริ่มเข้มข้นราวกับมีสังเวียนน้อยๆเกิดขึ้น โดยมีเราและเพื่อนอยู่คนละมุมเสาคอยปล่อยคำถามและคำตอบแลกหมัดกัน ดูท่าทางคงเป็นมวยเชื่อมสัมพันธไมตรีกระชับมิตร

 

ระฆังยกที่หนึ่งดังขึ้น

                ชั้นเริ่มออกตัวด้วยการฟุตเวิร์คสร้างบรรยากาศ ชี้มือไปบนถนนที่มีคนกำลังขุด วางท่อ ทำถนนอยู่  เธอเห็นคนพวกนั้นไม๊ เพื่อนชั้นบ่นเสียงพึมพำ น่าเบื่อนะ ทำไมบ้านยูทำถนนบ่อยจัง ชั้นยิ้ม นั่นคือคำตอบแรกว่าทำไมตึกรามบ้างช่อง ถนน ความเจริญแทบจะไม่แตกต่างกับเมื่อ 10 ปีก่อน เพราะพอมีงบประมาณรัฐมา มันก็ลงที่เดิมๆซ้ำๆ เรายังคงมีถนนและท่อเหมือนเมื่อสิบปีที่แล้ว ขุดแล้วถม ถมแล้วขุด ลองคิดเล่นๆว่าหากเอาเงินไปทำอย่างอื่น เมืองไทยคงเจริญ มากกว่าประเทศจีนตอนนี้ไปหลายขุม (ทำไมกล้าพูดก็ไม่รู้) เราปล่อยหมัดอัปคัตขวาไป

 เพื่อนเราหลบทัน มองหน้าอ่านเกม แล้วทำไมไม่ร้องเรียน เราอึ้งไปเล็กน้อย เหมือนโดนฮุกข้างลำตัว เพราะเคยได้ยินคนไทยส่วนใหญ่บ่นเหมือนๆกัน แทบจะไม่มีใครไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่มีใครกล้าทำอะไร มันเป็นวัฒนธรรม คนไทยรักสงบ พอตอบจบ รู้สึกเจ็บสีข้างเล็กน้อย

แล้วเรื่องการประท้วงที่มีอยู่ทางทีวี ทุกวันนี้หล่ะ เพื่อนเราถามนัยตาเจ้าเล่ห์ ปล่อยหมัดแยบ กึ่งยิงกึ่งผ่าน

อืมก็ นี่ไงพอปัญหาโกงกินมันสะสมมากขึ้น มากขึ้น เหมือนขยะที่ย่อยสลายไม่ได้มาหลายศตวรรษ ก็ต้องวิวัฒนาการ ในการหาทางออก ถ้ามองในแง่ดีคือ คนไทยเริ่มมีวิวัฒนาการ การแสดงความคิดเห็นในระบอบประชาธิปไตยมากขึ้นในหลายแง่มุม แต่กระบวนการนำไปสู่ทางแก้รึเปล่า อันนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ต้องการของคนทั้งประเทศหรือไม่ ก็อย่างที่เห็นๆกันอยู่ มองขำๆ ดูไปก็คล้ายๆเค้ามาแข่งกีฬาสีกันนะ จัดว่าเป็นกีฬาประชาธิปไตยระดับชาติ  เสียอย่างเอากติกาหมู่ หรือกติการะดับหมู่บ้านมาเล่น ไม่กติกาตายตัวขอแค่คำว่าชนะ ทำยังไงก็ได้ เหมือนมวยปล้ำญี่ปุ่นที่แอบเอาเก้าอี้ขึ้นทุบหัวกันตอนกรรมการเผลอ กองเชียร์ก็สะใจ ฝ่ายโดนกระทำก็โกรธแค้น เล่นกันคนละกติกา ต่างคนต่างคิดกติกาของตัวเอง หากรรมการฝ่ายตัวเอง เป็นที่น่าเสียดายว่าในกีฬาระดับชาติครั้งนี้ คำว่ารู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัยในกีฬาเลยไม่เกิด ความไม่สามัคคี แตกแยกดันผุดชัดเจนขึ้นมาแทนแทบทุกครัวเรือน เหมือนเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ต่างกันที่เฮติ ตรงที่แผ่นดินไหวในเฮติสามารถวัดความรุนแรงของการสั่นสะเทือนและความเสียหายได้ แต่ภัยไม่ธรรมชาติของประเทศไทยยังไหวรุนแรงต่อเนื่อง เขย่าจิตใจของคนทั้งประเทศอยู่อย่างประเมินความเสียหายไม่ได้เลย เราเริ่มคลุกวงใน มือป้ายเหงื่อคิดหาคำตอบที่เปรียบเทียบให้เห็นภาพและน่าจะพอเข้าใจได้มาเล่าให้คนต่างชาติ ต่างภาษาอย่างเพื่อนเราฟัง

 พลางคิดในใจถึงความแตกต่างระหว่างน้ำ ที่เกิดจากกีฬาและสงคราม

กีฬาทำให้เกิดเหงื่อและน้ำใจ สงครามทำให้เกิดเลือดและน้ำตา

 แล้วเธอคิดว่าจะประเทศเธอจะหาทางออกได้ไม๊ มันถามต่อ กะจะต้อนให้เราจนมุมให้ได้

แล้วโลกร้อนแก้ได้ไม๊ เราเริ่มหาคำถามโลกแตกถามมันกลับบ้าง ฉาดหลบจากมุม เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ

เกี่ยวกันไม๊ คำตอบนี้ เพื่อนเราถามยวนๆ เหมือน แยบขวารัวมาอีกที

เกี่ยวซิ โลกร้อน เกิดจากการกระทำของมนุษย์ที่ไม่รู้จักพอ วัตถุนิยม จนกระทั่งปัญหาขยะ มลพิษมันสะสม กัดกิน ค่อยๆทำลายโลกมาอย่างช้าๆหลายชั่วคน เมื่อมารู้ตัวอีกที ก็เกิดปัญหาใหญ่ที่ไม่รู้จะเริ่มแก้ไขยังไง พอหาทางออก ก็เป็นทางออกที่คนหมู่มากไม่ช่วยกันแก้ไขอย่างจริงจัง ทำกันพอเป็นกระแส เป็นกลุ่มๆ แค่รู้ว่าโลกร้อนแล้วนะ แต่วิธีการที่ทำอยู่แก้ปัญหาได้จริงหรือเปล่า รู้กันอยู่แก่ใจ โลกก็เหมือนบ้านของเรา ยิ่งทำให้โลกร้อนมากเท่าไหร่ก็เหมือนกับจุดไฟเผาบ้านตัวเอง

 เหมือนกับเมืองไทยในตอนนี้ ที่มีคนบางคน จ้องจะเผา ทำลาย ฉกชิง ทรัพยากรที่มาอยู่มาเป็นของของตัวเอง มหาตมะ คานธี เคยกล่าวไว้ว่า ทรัพยากรธรรมชาติเพียงพอสำหรับคนทั้งโลก แต่ไม่เพียงพอสำหรับคนโลภแม้เพียงคนเดียว ประเทศเราถ้าเปรียบเหมือนต้นไม้ใหญ่ เจาะเข้าไปดูข้างในคงเจอแต่ปลวกที่คอยกัดกินทำลายขยายสายพันธุ์อยู่ในลำต้นมาเนิ่นนาน แต่พยายามไม่รับรู้ เพราะคนสมัยนี้มองกันที่เปลือกอยู่แล้ว เมื่อไหร่ที่เปลือกหลุดลอก เมื่อนั้นแหละ...

และนี่คือคำตอบของคำถามที่สอง ว่าทำไม นิสัยใจคอคนส่วนใหญ่ถึงเปลี่ยนไป เมื่อวัตถุเข้ามาครอบงำและความเป็นตัวตนหรืออัตตา มันใหญ่ จิตใจที่เคยงดงามของคนไทยเมื่อสิบปีก่อนก็ถูกบดบังจนมองแทบไม่เห็น

แล้วมันจะเป็นยังไงต่อไป คงจะไม่ไปซ้ำรอยวรรณคดีจีนบ้านเรา เรื่องสามก๊กหรอกนะ มันปล่อยหมัดสุดท้ายเฉียดปลายคางไปเล็กน้อยแต่ก็พอที่จะ ทำให้รู้สึกชาไปทั้งหน้า กรรมการเดินมานับ หนึ่ง สอง สาม เราพยัคหน้าให้กรรมการ พยายามประคองสติและฟุตเวิร์คต่อได้อีกครั้ง

คงจะมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้    ที่รู้ๆ ขนาดแกกะชั้น ต่างชาติต่างภาษา ยังรัก ยังเป็นเพื่อน และเข้าใจกันได้ ขนาดแกเป็นคนชาติอื่น ยังรักความเป็นไทยและคนไทยได้ ถ้าเมื่อไหร่คนไทยเหล่านั้นหวนกลับทบทวนและเห็นคุณค่าของคนไทยด้วยกันและคุณค่าของประเทศไทย พร้อมที่จะหาทางออกแบบทุกฝ่ายต้องชนะ เท่านั้น ถึงจะเรียกว่าชัยชนะและทางออกของคนไทยทั้งประเทศ เวลาแห่งสยามที่แกเคยเจอเมื่อ 10 ปีก่อน จะย้อนกลับมา เราตอบ

 และแล้วเสียงระฆังยกแรกก็ดังช่วยชีวิต เล่นเอานักกีฬามือสมัครเล่นอย่างเราถึงกับหอบ ด้วยความอ่อนซ้อม กับคำถามที่คนไทยทุกคนต้องตอบ และควรตอบ

 (หมายเหตุ : คุณคิดว่าคำตอบสุดท้ายมันเป็นคำตอบ if cause แบบที่ หนึ่ง สอง หรือ สาม ลองถามตัวคุณเองดู)

Views: 158

Replies to This Discussion

ผมก็คงขอตอบคำถามเพื่อนชาวจีนคนนั้น ด้วยนำเสียงอย่างเนิบนาบและอ่อนโยนว่า..."สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมครับ"
555
ตอบได้ปลงมาก
แต่ไม่รู้สึกคงไม่ได้
เพราะมันเป็นบ้านของเราเอง
พี่น้อง ของเราเอง
...........................
แล้วจะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง
(นอย)
http://www.youtube.com/watch?v=JYUsxCMGaI0
เพลงประกอบค่ะ^^

RSS

© 2009-2024   PORTFOLIOS*NET by CreativeMOVE.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service