“การเดินทางครั้งสำคัญ”
(1)
...และแล้ววันที่ผมรอคอยมานานก็มาถึงเสียที ผมตัดสินใจได้แล้วว่าผมจะออกเดินทาง...
... ในฐานะที่ผมเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีความสามารถในการประดิษฐ์คิดค้นนวัตกรรมชิ้นเอกขึ้นมาได้ ซึ่งอันที่จริงแล้วนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังทั่วทั้งโลกต่างก็เฝ้าคิดค้นในสิ่งเดียวกันอย่างที่ผมคิดทำอยู่เช่นกัน แต่ที่สำคัญ คือ ในบรรดานักวิทยาศาสตร์ชื่อดังเหล่านั้นไม่เคยมีใครทำได้สำเร็จเลยสักคน แต่ผมกลับเป็นคนที่สามารถทำได้ ผมเป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวไทยคนแรก และคงเป็นคนเดียวในโลกเลยก็ว่าได้ที่สามารถประดิษฐ์คิดค้นสร้าง “ไทม์แมชชีน” ขึ้นมาได้สำเร็จ และที่สำคัญเหนืออื่นใด...ไทม์แมชชีนของผมมันสามารถใช้งานได้จริง!
(2)
“25 มกราคม 2552” ผมลงมือป้อนข้อมูลวันที่ เดือน และปีที่ผมต้องการจะเดินทางข้ามเวลาลงไปบนไทม์แมชชีน ไม่สิ!...ผมต้องบอกว่า ‘ย้อนเวลา’ จึงจะถูกต้อง เพราะนั่นคือวันเวลาเมื่อหนึ่งปีที่ผ่านมา...
ผมเข้าใจดีว่าหากผู้ใดมีโอกาสได้เดินทางข้ามเวลา เขาคนนั้นคงเลือกที่จะเดินทางข้ามเวลาไปยังอนาคต อาจเพื่ออยากจะไปดูอยากจะไปเห็นความเปลี่ยนแปลงของบ้านเมืองในอนาคตอีกหนึ่งร้อยปีข้างหน้าว่ามันจะเป็นอย่างไร หรือไม่ก็คงอยากจะเดินทางข้ามเวลาเพื่อไปฉกฉวยเอาข้อมูลทางด้านเศรษฐกิจ แล้วหวนกลับมาใช้ข้อมูลที่ได้มานั้น ทำให้ตนเองได้รับผลประโยชน์สูงสุด ทำให้ตนเองร่ำรวยขึ้นและกลายเป็นมหาเศรษฐีในชั่วข้ามเวลา แต่เรื่องแบบนั้นไม่มีอยู่ในความคิดของผมเลยแม้แต่น้อย ผมไม่ต้องการอยากที่จะเห็นอนาคต อนาคตจะเป็นอย่างไรก็ช่างมัน ผมจะทนอยู่เห็นอนาคตไปเพื่ออะไรเล่า ในเมื่อผมต้องอยู่เห็นมันอย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง...
ใช่!...ทั้งในปัจจุบันและต่อไปในอนาคต แน่แท้ว่าผมไม่มีทางได้พบหน้าลูกและเมียของผมได้อีกแล้ว ผมไม่สามารถโอบกอดพวกเขาได้อีกแล้ว แต่...หากย้อนกลับไปในอดีต ผมมีโอกาสได้พบและสามารถโอบกอดพวกเขาได้อีกครั้ง ดังนั้นอนาคตมันจึงไม่มีความสำคัญใดๆต่อผมเลย...
“ที่รักจ๋า...ลูกรักของพ่อ...พ่อกำลังจะไปหาลูกเดี๋ยวนี้แล้ว เดี๋ยวเราก็ได้พบกันอีกครั้ง” ผมเอ่ยขึ้นในใจและพลางนึกถึงเมียและลูกชายในวัยกำลังซนของผมที่พวกเขาต้องจบชีวิตลงด้วยน้ำมือของคนเมาที่ไร้ความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งเขาขับรถชนจนพรากเอาเมียและลูกชายของผมไปอย่างไม่มีวันหวนกลับคืน เมื่อตอนค่ำของในวันที่ 25 มกราคม 2552 หรือเมื่อหนึ่งปีก่อนนั่นเอง
นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ เป็นเวลาหนึ่งปีเต็มๆที่ผมอุตส่าห์ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ แรงจากสติปัญญาเท่าที่ผมมี ผมทุ่มเทมันลงไปอย่างเต็มศักยภาพจนแทบไม่ได้พักผ่อน นั่นก็เพื่อคิดค้นประดิษฐ์ไทม์แมชชีนขึ้นมาให้จงได้ ทำให้ผมแทบไม่ได้พูดคุยกับเพื่อนบ้านคนใดเลยตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา มีบ้างที่ผมได้ยินพวกเขานินทาหาว่าผมคงบ้าไปแล้วที่มัวหมกตัวอยู่แต่ภายในบ้าน ไม่ยอมทำการทำงาน มีบ้างที่บางคนแสดงน้ำจิตน้ำใจแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนถามไถ่ถึงสารทุกข์ แต่ผมไม่ยอมเสียเวลาไปแม้แต่วินาทีเดียวให้กับการโอภาปราศรัย เพราะผมต้องอุทิศเวลาทั้งหมดไปให้กับการสร้างไทม์แมชชีน ดังนั้นใครจะหาว่าผมบ้าอย่างไรก็ช่างเขาเถอะ เพราะผมคร้านที่จะอธิบายความว่าเหตุใดผมจึงต้องหมกตัวอยู่แต่ในบ้าน พวกเขาไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกของผมหรอก ว่าการที่ผมต้องสูญเสียคนที่ตนเองรักไปนั้นมันเจ็บปวดขนาดไหน และพวกเขาก็คงไม่มีทางรู้ได้หรอกว่าผมมีวิธีการที่จะกลับไปหาเมียและลูกของผม พวกเขาไม่มีทางรู้หรอก
และแล้ววันที่ผมรอคอยมานานก็มาถึงเสียที ผมตัดสินใจได้แล้วว่าผมจะออกเดินทาง...
“เอาล่ะ!...ได้เวลาออกเดินทางกันแล้ว ไปกันเถอะไอ้เพื่อนยาก...” ผมเอ่ยขึ้นและมองไปที่ไทม์แมชชีนที่ผมได้ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมาอย่างถี่ถ้วน แล้วก็เผยยิ้มออกมาอย่างตั้งใจ จากนั้นผมจึงค่อยตัดสินใจเดินทางข้ามเวลาในทันที
“คึ่กๆ!...แก่กๆ!...เอี๊ยดๆ!...ก๊อก!...ครึ่ก!...”
(3)
“พ่อครับ!” และแล้วผมก็ได้ยินเสียงและได้พบกับลูกชายของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง ผมน้ำตาเอ่อท้นด้วยความดีใจ
“ที่รัก!” และแล้วผมก็ได้ยินเสียงและได้พบกับเมียรักของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง ผมร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ
“พ่อหายไปอยู่ที่ไหนมาตั้งนาน ผมกับแม่คิดถึงพ่อมากๆเลยนะครับ” ลูกชายของผมวิ่งเข้ามาหาพร้อมกับเอ่ยถาม ผมไม่ตอบคำถามใดๆให้แก่ลูกรัก ผมได้แต่สะอื้นไห้และโอบกอดลูกชายเอาไว้ด้วยความคิดถึงอย่างสุดขั้วหัวใจ
“ในที่สุดเราก็ได้มาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าอีกครั้งแล้วนะที่รัก” เมียรักของผมค่อยๆเดินเข้ามาหา พลางพูดแล้วจึงค่อยๆโอบกอดผม
และแล้วในที่สุดเราทั้งสามคนพ่อ แม่ ลูก ก็ได้พบหน้าและได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง
ไทม์แมชชีนสิ่งที่ผมประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมา มันสามารถใช้งานได้จริงๆ...
(4)
“จากผลการชันสูตรในเบื้องต้น พบว่าผู้ตายได้เสียชีวิตมามากกว่าห้าชั่วโมงแล้วครับ เมื่อดูจากสภาพศพและสถานที่เกิดเหตุแล้ว ไม่พบร่องรอยของการต่อสู้ ไม่มีทรัพย์สินใดๆถูกรื้อค้นหรือสูญหาย เบื้องต้นจึงสามารถสันนิษฐานได้ว่าผู้ตายได้กระทำการฆ่าตัวตายครับหัวหน้า...คงไม่ใช่เกิดจากการฆาตกรรมครับ เพราะมีหลักฐานหนึ่งที่สำคัญที่บ่งชี้ว่านี่น่าจะเป็นการฆ่าตัวตายสิ่งนั้นก็คือจดหมายลาตายที่ผู้ตายได้เขียนทิ้งเอาไว้ครับ แต่ที่น่าแปลกประหลาดก็เห็นจะเป็นข้อความบนผ้าที่ผู้ตายใช้ในการแขวนคอตัวเองนั้น มันเต็มไปด้วยข้อความที่ว่า ‘ไทม์แมชชีน’ ถูกเขียนอยู่บนผ้าจนเต็มพรืดไปหมด...” เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้หนึ่งรายงานต่อผู้บังคับบัญชาของตนเอง ในขณะที่กำลังทำการตรวจสอบหลักฐานอยู่ภายในบ้านของนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งที่ได้ทำการผูกคอตายอยู่ภายในบ้านของตัวเอง...
******************************
Tags:
© 2009-2025 PORTFOLIOS*NET by CreativeMOVE.
Powered by