ผมเชื่อแน่ว่า เกือบทุกคนเคยเรื่องราวที่มีความสุขสุดๆและหรือเรื่องราวที่สุดแสนจะเลวร้ายที่ผ่านเข้ามาในชีวิตกันมาแล้วทั้ง แต่ผมไม่ขอชั่งว่า น้ำหนักขนาดไหนถึงเรียกว่าเลวร้ายหรือขนาดไหนคือสุขสุดๆคุณต้องลองชั่งดูเอง เพราะคนเราสามารถรับสภาวะทางจิตใจหนักเบาไม่เท่ากัน และถ้าเกิดุณมีอดีตที่มีความสุขกลับกลายมาเป็นความทรงจำอันสุดแสนจะเลวร้าย มาคอยทำร้ายและบั่นทอนจิตใจอยู่ทุกวันเวลาในปัจจุบัน ถ้าเป็นแบบนั้นผมมีข่าวดีมาบอก
มีคณะวิจัยชาวสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า คนเราสามารถเลือกเก็บความทรงจำที่ไม่ดีเข้าเก็บซ่อนไว้ในสมองเหมือนเก็บใส่ลิ้นชักปิดตายได้ โดยคณะศึกษาค้นพบขบวนการที่สมองของคนเรา หลังจากงานวิจัย ซึ่งพบว่าสมองส่วนหน้าซึ่งเป็นศูนย์ควบคุมความคิดและพฤติกรรมซับซ้อนจะถูกกระตุ้นให้ทำงานส่งผลให้สมองส่วนประมวลภาพทำงานลดลง และสมองส่วนฮิปโปแคมปัสที่ทำหน้าที่จำและเรียกความจำและสมองส่วนอะมิกดาลาที่ควบคุมเรื่องอารมณ์ก็ไม่ทำงาน เมื่อคนเราพยามยามจะลืมความทรงจำและเรื่องราวบางอย่าง แต่ขณะในนี้คณะนักวิจัย ยังไม่สามารถแปรผลการศึกษาให้นำไปใช้เชิงจิตวิทยาบำบัดทางแพทย์ได้ แต่คงอีกไม่นานเกินรอนัก
ผมเชื่อแน่ว่ามีบางคนสนใจ ลบมันทิ้งออกจากหัวสมองและหัวใจ แต่บางคนยังคงเลือกอยากเก็บความทรงจำอันแสนเศร้านั้น ยังอยากระลึกถึงมัน ถึงแม้ว่าจะต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวด ก็ยอม........ผม ก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ผมเพียงแค่...เลือกเก็บ ความทรงจำนั้นไว้ในกล่องแต่ไม่ได้ปิดตาย ถ้าวันไหนจิตใจเข้มแข็งขึ้นมา ก็เปิดหยิบออกมาดู แอบอมยิ้ม มันทำให้ผมมีความสุขลึกๆในใจ ทำให้นึกถึงเรื่องราวในอดีตครั้งก่อน ครั้นพอเสร็จแล้วก็เก็บใส่ลงที่เดิม ซ่อนไว้ ณ ตำแหน่งเดิม ที่ไม่สามารถเห็นได้ในกิจวัตรปัจจุบัน
แต่กว่าจะพับเก็บจัดเรียงเก็บไว้ในกล่องได้นะคุณเอ้ยยย เรียกได้ว่า แลกมาทั้งน้ำตาที่มันตกข้างในจริงๆ
Tags: