หนังสือยับ...แล้วได้อะไรคืนมา...

เมื่อก่อน...

ข้าพเจ้าจะรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งกับการเห็นหนังสือที่ข้าพเจ้ารักยับเยินยู่ยี่กลับมาหลังจากที่มันถูกเปลี่ยนมือไปให้คนอื่นอ่าน ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึก..ฮือๆๆ ใจร้าย ทำไมไม่ถนอมกันบ้างนะ หนังสือที่ผ่านมาของข้าพเจ้านั้นถูกดูแลและทนุถนอมเป็นอย่างดี ในกล่องพลาสติคมีสารกันความชื้นด้วยน่ะ ไม่มีริ้วรอยใดๆทั้งนั้น เหมือนไม่ได้รับการเปิดอ่านเลยแม้แต่ครั้งเดียว....ขนาดนั้นเลยน่ะ

แต่วันหนึ่ง...

ข้าพเจ้ากลับรู้สึกว่าเจ้าหนังสือนอนนิ่งในกล่องไม่มีค่าหรือราคาใดๆเลย...เจ้าหนังสือนอนเรียบแบน...นอนรอวันให้ข้าพเจ้าหยิบขึ้นมาอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ได้พบปะหรือเจอผู้ใดทั้งนั้น...หากเจ้าหนังสือมีชีวิตมันคงคิดในใจว่า"ว้าโลกนี้ทำไมทั้งแคบและเหงา...."และถ้าหากมันรู้ความจริงว่าโลกนี้กว้างใหญ่นักเจ้าหนังสือมีชีวิตคงจะว่าข้าพเจ้าใจร้าย ไม่พาเจ้าหนังสือออกไปไหนเลย "ใจร้ายชะมัด!!!!"

แต่ข้าพเจ้าไม่ได้สนใจสักหน่อย...ว่าเจ้าจะคิดอย่างไรหรอกเจ้าหนังสือ

และแล้ววันนั้นมันคือจุดเปลี่ยนที่สามารถเปลี่ยนโลกข้าพเจ้า

เพื่อนข้าพเจ้าได้มอบหนังสือที่เค้าซื้อมาให้ข้าพเจ้าอ่าน หนังสือที่ข้าพเจ้ามักจะซื้อเสมอ...เพื่อนบอกว่าแกไม่ต้องซื้อนะเดือนนี้ฉันซื้อแล้ว เอาไปอ่านเลยนะ หนังสือยังใหม่ แต่ก็มีริ้วรอยแห่งการเปิดอ่าน รอยยับเล็กน้อย เธอหยิบมาให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าคลุกกับหนังสือเล่มนี้......แต่ก็ไม่ได้คิดขอบคุณหรือซาบซึ้งใดใดเลย กลับดีใจเย้..เดือนนี้ไม่ต้องซื้อ

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา....ข้าพเจ้าได้ซื้อหนังสือมา

ครั้งนี้ข้าพเจ้ามีความคิดหนึ่งเข้ามา....ข้าพเจ้าจะให้เพื่อนอ่าน

ข้าพเจ้ายังไม่ได้เปิดอ่าน หนังสืออยู่ในห่อพลาสติคเนียบ...ข้าพเจ้าแกะซองออกและโทรศัพท์ไปหาเพื่อนคนนั้น "มีหนังสือน่ะฉันยังไม่ได้อ่านฉันให้แกอ่านก่อนนะ ฉันไม่มีเวลา" เพื่อนบอกว่า"ดี ดี อยากอ่านๆๆ" เมื่อวางสาย....ความคิดว่างเปล่า ไม่มีอะไรในหัวเลย ข้าพเจ้าก็แค่เดินเอาหนังสือไปให้

และวันนี้หนังสือกลับสู่มือข้าพเจ้า....

หนังสือไม่สบาย ยับเยิน ปลายงอ ...บอกสภาพไม่สู้ดีเท่าไร

แต่ข้าพเจ้าอมยิ้ม...แล้วรู้สึกดีว่าวันนี้ข้าพเจ้าสามารถได้ทำลายความรู้สึกนั้นได้

ไม่ได้เสียใจ งอแงแม้แต่นิด ไม่รู้สึกขุ่นมัวใดๆเลย กลับมีความสุข และรอยยิ้มในใจข้าพเจ้าได้เกิดขึ้น

ไม่รู้สิ..ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรนะ...ว่ามันช่างมีความสุขเหลือเกิน

สิ่งที่ได้รับมันมากกว่านั้น....ข้าพเจ้าคิดได้ว่าหนังสือน่ะจะมีค่าได้อย่างไรถ้าอยู่กับคนคนเดียว หนังสือมีค่ามากกว่า หากเป็นการดีที่เราสามารถต่อยอดความคิดให้คนอื่นๆได้...ต่อความคิดใช่เลยคำนิยามนี้

เหมือนกับ Blogนี้ และ Blog อื่นๆของข้าพเจ้าที่สามารถเกิดไอเดียดีๆ หรือเพิ่มความคิดให้คนอื่นๆได้น่ะ ไม่หวงแล้วล่ะ....เฮ้อๆๆ

"เพื่อนกับการมอบสิ่งดีๆๆให้ข้าพเจ้า แต่ถ้าหากข้าพเจ้ามัวกังวลกับเรื่องเล็กน้อย ข้าพเจ้าคงโลกแคบเกินไปแล้วล่ะวันนี้หนังสือทุกเล่มจะถูกเปิดออก สู่โลกให้ได้รู้กันไปเลยว่า โลกนี้มันช่างกว้างใหญ่นัก ผู้คนก็หลากหลาย ทั้งผู้เขียนหนังสือ กับผู้อ่านจะได้แลกเปลี่ยนความคิดได้ทำความรู้จักกัน เพิ่มขึ้น เหมือนเรามีเพื่อนเพิ่มขึ้นหนึ่งคนเมื่ออ่านหนังสือหนึ่งเล่ม และข้าพเจ้าก็พร้อมเป็นสื่อกลาง"

หนังสือเล่มแล้ว เล่มเล่า จากนี้จะถูกกระจายสู่บุคคลอันเป็นที่รัก

หนังสือเล่มนี้..เหมาะกับคนนี้ เล่มนู่นจะเหมาะกับคนนั้นมากกว่า...

ขอทำหน้าที่ยื่นความสุขให้หน่อยนะ...เพื่อสักวันข้าพเจ้าจะได้รับความสุขนั้น



แต่เรื่องมีอยู่ว่า...

ใครๆก็ไม่ชอบอ่านหนังสือแนวข้าพเจ้า น้อยคนที่มาแนวนี้ เศร้านิดหน่อยแต่ก็มีบ้างละน่ะ ที่ข้าพเจ้าจะต้องใจร้ายยัดเหยียดหนังสือดีๆๆเพื่อมอบให้คนที่ข้าพเจ้ารักได้อ่าน.....

ไม่ใช่แต่แค่หนังสือหรอกน่ะที่ข้าพเจ้าให้.....

ข้าพเจ้าเรียกสิ่งที่มอบให้ว่าความสุขกับความรักต่างหาก

หวังว่าคงรับรู้กันบ้างล่ะน่ะนะ... นะนะ




รู้สึกมั้ยว่า...คุณคือคนที่ข้าพเจ้ามอบความสุขและความรักให้

ได้รับหรือยังนะ :).....

ขนมปังอุ่นๆจ้า \\(.""".)//

Views: 341

Replies to This Discussion

thank u for such warm article krub
very romantic person
please stop calling yourself as "ข้าพเจ้า"
it's too formal and distance
\\(._.)// Thx a lot i will try it again...
OK.I will stop calling myself as "ข้าพเจ้า"

Thank..
^_^

RSS

© 2009-2024   PORTFOLIOS*NET by CreativeMOVE.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service