
“ไร้นิรันดร”
โลกบ่ายหน้าหลบความเป็นนิรันดรเสมอมา
ทว่า ณ ดินแดนที่ฉันถือกำเนิด
ผู้ซึ่งนิยมบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์
กลับใคร่ให้กวีต้องเขียนบทสรรเสริญ
ต่อความเป็นนิรันดรของบางสิ่ง
และมิบังควรตั้งคำถาม
ถึงแม้ฟ้ากว้างใหญ่
จะระบายสีใส่ตัวเองจนดำมืดมิดไปแล้วก็ตาม
แม้นกวีนัยน์ตาบอดสนิทจะมิตั้งคำถาม
ก็ยังรับรู้ได้ว่าผืนฟ้าหาได้มีความสว่างอย่างนิรันดรไม่...
ฉันลอบมองจันทร์จากกรอบหน้าต่างห้องของผู้อื่น
กระทำได้แต่เพียงสะอื้นไห้อย่างแผ่วเบา
หลั่งน้ำตาอยู่ภายในห้องที่ถูกปิดขังยังชั้นสูงลิบ
น้ำจากตาไหลเรื่อยจนท่วมพ้นตีน
กระทั่งหลั่งล้นพ้นตาตุ่ม
น้ำตาท่วมสูงขึ้นจนถึงบริเวณลำคอ
ฉันจำต้องลอยคออยู่ในบ่อน้ำตาของตัวเอง
แต่ในท้ายที่สุด
น้ำตาก็เอ่อท้นจนหลุดล้นออกจากกรอบหน้าต่างห้องนั้น
ร่างของฉันจึงไหลล่องสูงขึ้นสู่ผืนฟ้า
ฉันเป็นอิสระ?
แต่ฉันก็บอกไม่ได้ว่า
น้ำตาจะนำพาฉันไปสู่ดาวดวงใดที่มิใช่โลกใบเดิม...
ฉันกลัว?
เปล่าเลย- - -
ฉันจะมีความรู้สึกกลัวไปไยเล่า
ในเมื่อทุกสรรพสิ่งล้วนไร้ความเป็นนิรันดร...
**********