พระพุทธศาสนาเสื่อมแล้วจริงหรือ?

จากปรากฏการณ์คลิปวิดีโอสามเณรเต้นรำหราอยู่บนเว็บไซต์ยูทู้บ จนเป็นเหตุให้ผู้คนในสังคมทำการวิพากษ์และโจมตีอย่างหนักหน่วงนั้น  เรื่องนี้จะกล่าวโทษหรือโจมตีเณรเสียส่วนเดียวก็คงมิถูกต้องนัก หรือแม้แต่การกระทำอื่นใดของพระสงฆ์ที่ประพฤติออกนอกรอยทางหลักแห่งพระพุทธศาสนา ก็มิควรถูกตัดสินพิพากษาว่าเลวทรามในเบื้องต้น คนในสังคมควรมองให้เห็นเหตุด้วยปัญญาเสียก่อน ควรรู้จักวิเคราะห์ให้รู้ว่าปรากฏการณ์ที่มันเกิดขึ้นเยี่ยงนั้น มันเป็นด้วยสาเหตุเช่นใดกันแน่ ตามหลักอิทัปปัจจยตา

ก่อนที่สามเณรหรือพระสงฆ์จะมาบวช พวกเขาเป็นใคร? พวกเขาเป็นลูกหลานของชาวบ้านใช่ไหม? ชาวบ้านเป็นใคร? ชาวบ้านเป็นคนของรัฐใช่ไหม? แล้วรัฐให้การศึกษาอย่างไรต่อชาวบ้าน รัฐให้การสนับสนุนองค์กรสงฆ์อย่างไรบ้าง เหตุใดองค์กรสงฆ์จึงไม่สามารถให้การศึกษาและอบรมบ่มสอนเรื่องจริยธรรมให้แก่คนในองค์กรของตนเองให้ดีได้ จนเป็นเหตุให้เกิดเรื่องจริยธรรมของคนภายในองค์กรเสื่อมทรามลง

หากพินิจหาเหตุได้เช่นนี้ ก็จะค้นพบว่ามันเกิดมาจากเหตุและปัจจัยในเรื่องของการส่งเสริมทางด้านจริยธรรมของรัฐและขององค์กรสงฆ์ที่ไม่เข้มแข็ง ซึ่งเต็มไปด้วยความอ่อนแอ จนส่งผลทำให้ชาวบ้านไม่ได้รับการอบรมหรือถูกส่งเสริมในทางด้านจริยธรรมให้ดีงามในภาพรวมได้ ซึ่งนับเป็นความผิดของรัฐและเป็นความผิดขององค์กรสงฆ์เองทั้งนั้น ที่ไม่ดำเนินการใดใดให้เป็นไปในทางที่ดีงามตามแนวทางหลักของพระพุทธศาสนา

จากปรากฏการณ์ของเณรเต้นรำยั่วยวน หรือแม้กระทั่งพระสงฆ์กระทำการบางอย่างที่มิใช่กิจของสงฆ์ ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และต่อไปในอนาคต พวกเขาล้วนแต่ตกเป็นเหยื่อของระบบที่อ่อนแอของทางภาครัฐและขององค์กรสงฆ์ด้วยกันทั้งนั้น ที่ไม่สามารถจัดการให้การศึกษาที่ดีให้แก่คนของตนได้อย่างที่ควรจะเป็น

ซึ่งโดยความเป็นจริงที่แท้แล้ว ตัวพระพุทธศาสนานั้น มิได้เสื่อมทรามลงแม้แต่น้อยเลย

องค์กรและบุคคลในองค์กรนั้นๆต่างหากที่กระทำตนให้เสื่อมทรามกันเอง ระบบมันง่อยเปลี้ยมาตั้งแต่เรื่องการจัดการศึกษาซึ่งรัฐเป็นผู้จัดสรรให้แก่ประชาชนของตนแล้ว จะมากล่าวโทษทำการโจมตีสามเณรและพระสงฆ์ ซึ่งนับเป็นเหยื่อของระบบคงมิถูกนัก

แก่นหลักแห่งพุทธธรรมและพระพุทธศาสนานั้น มิได้ถูกกระทำให้เสื่อมลงเลยแม้แต่น้อยนิด ยังคงงดงามอยู่เสมอ ทว่าบุคคลที่ห่มผ้าแสดงตนว่าเป็นสมณะต่างหากที่กระทำตนเองให้เสื่อม และบุคคลที่อ้างว่าตนเองเป็นชาวพุทธต่างหากที่กระทำตนให้เสื่อม โดยมิพักย้อนสำรวจดูการกระทำของตนเองบ้างเลย ว่าตนนั้นประพฤติปฏิบัติดีงามแล้วหรือยัง ตนนั้นทำการวิเคราะห์ ทำการศึกษาสักกี่มากน้อยถึงเหตุที่มาที่ก่อให้เกิดเป็นปรากฏการณ์เช่นนี้ขึ้นมาในสังคม

เพราะถ้าหากเรารู้จักใช้ปัญญาวิเคราะห์หาเหตุแห่งปัญหาได้ เราก็จะได้รับความรู้ เริ่มทำความเข้าใจ ค่อยค่อยคิดทำการแก้ไขปัญหา สุดท้ายก็คือการลงมือปฏิบัติแก้ปัญหานั้นอย่างจริงจัง

ทว่าคนในสังคมของเรากลับรู้จักแต่การวิพากษ์ ทำการตัดสินพิพากษาในปรากฏการณ์หนึ่งๆที่เกิดขึ้น โดยใช้ความรู้สึกเป็นตัวตัดสินปัญหา มิค่อยรู้จักใช้ความรู้และใช้ปัญญาทำการแก้ปัญหา นอกจากปรากฏการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นมิได้รับการแก้ไขใดใดแล้ว ซ้ำยังจะบานปลายก่อให้เกิดเป็นปัญหาใหม่เกิดมาอีก

พระพุทธศาสนามิได้เสื่อมลงแม้แต่น้อยนิด ผู้คนที่อ้างตนว่าเป็นพุทธศาสนิกชนต่างหากที่กระทำตนเองให้เสื่อม...

**********