นำมาจากบทความของ Juza นักถ่ายภาพธรรมชาติ สำหรับมือใหม่
เรื่อง Five Steps to Improve Your Photos

คุณเพิ่งจะได้ซื้อ กล้อง.DSLR ตัวแรกของคุณ และ คุณไม่มีความสุขกับผลลัพธ์ที่คุณได้ ? มันยากแม้แต่มันใช้เวลาหนึ่งที่จะพัฒนาปรับปรุงมัน
ผมมี 5 คำแนะนำสามารถช่วยการถ่ายภาพของคุณ (เน้นภาพถ่ายธรรมชาติ)

ในบทความนี้ ผมคิดว่าคำแนะทั้ง 5 สำคัญมากที่จะปรับปรุงผลลัพธ์ของคุณ

1. อ่านคู่มือของกล้อง Read the camera manual
ช่างภาพจำนวนมาก หรือบางครั้งแม้แต่ ผู้เชี่ยวชาญไม่สามารถ พอที่จะเติมเต็ม ศักยภาพของกล้องถ่ายรูปของเขาทั้งหลาย เพราะว่าเขาไม่รู้วิธีใช้ความสามารถของกล้องถ่ายรูปอย่างเหมาะสม หรือไม่รู้แม้แต่ว่าความสามารถบางอย่างที่อยู่ในตัว
กล้องเมื่อฉันซื้อกล้องถ่ายรูปใหม่ ผมอ่านหนังสือคู่มือทั้งหมด แน่นอน ผมสามารถใช้กล้องถ่ายรูปได้แม้แต่ปราศจากอ่านคู่มือ แต่ฉันจะพลาดสิ่งมีประโยชน์จำนวนมากมายของกล้องถ่ายรูป
ถ้า คุณไม่รู้จักกล้องถ่ายรูปของคุณดี คุณอาจจะคิดว่าสิ่งนั้นว่ามันไม่ทำงาน หรือมันมีความบกพร่อง ขณะที่ความเป็นจริง คุณไม่ได้ใช้มันอย่างเหมาะสม เสียงบ่นของคุณก็จะตามมา ( คือไม่รู้ข้อดีและข้อจำกัด(ไม่ใช่ข้อเสีย)ของกล้อง)
Autofocus ไม่ใช่จะถูกต้องเสมอไป แม้ว่าตามความเป็นจริงใน กล้องถ่ายรูปมีข้อบกพร่องในเรื่องนี้ แต่ปัญหาในเรื่องโฟกัสนี้ ข้อผิดพลาด 90% เกิดจากตัวช่างภาพเอง คุณจะต้องอ่านอย่างระมัดระวังเกี่ยวกับเรื่อง AF และเรียนรู้วิธีใช้มัน เช่น คุณต้องเล็งศูนย์กลางของสิ่งที่คุณโฟกัส หรือพื้นที่ที่ซึ่ง คุณต้องการที่จะโฟกัส ให้เข้าไปในจุด AF ยิ่งกว่านั้น จงจำไว้ว่า AF ใช่ว่าจะสมบูรณ์เสียทีเดียว คุณไม่สามารถหวังเอากับความฉลาดของ AF ได้ตลอดเวลา, โดยเฉพาะ ถ้า คุณภาพถ่ายภาพที่ เคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว
รูปภาพมีสีที่ไม่สมดุล Color cast ( หรือ กล้องถ่ายรูปของเพื่อนของฉันให้สีดีกว่าของฉัน): Color cast คือผลที่ตามมาของข้อผิดพลาดจาก white balance โดยทั่วๆไป ผมใช้ Auto white balanceตลอดเวลา และผมไม่ใจใส่เกี่ยวกับ Color cast โดยสิ้นเชิง เพราะว่าผมสามารถแปลง RAW File ที่ผมสามารถปรับ white balance ของสีที่จะได้อย่างสมบูรณ์ (ในโปรแกรมปรับแต่งภาพที่มากับกล้อง) เสียงบ่นอื่นๆ ที่ผมได้ยินว่า “กล้องถ่ายรูป Canon/ Nikon หรือกล้องอื่นๆ ให้รูปดีกว่าของฉัน” ในการผลิตกล้อง DSLRs นั้นให้สีค่อนข้างจะดีทุกตัว จริงๆแล้วภาพที่มีสีที่ดีมันอยู่ที่กระบวนการทำงานขั้นสุดท้าย ไม่ใช่ตัวกล้อง ถ้า คุณมีกระบวนการทำงานที่ดีกับ RAW File ของคุณ คุณสามารถได้สียอดเยี่ยม กับกล้องถ่ายรูปใดๆก็ได้
ภาพถ่าย Soft ช่างภาพจำนวนมากเปลี่ยนกล้องถ่ายรูป compact เป็นกล้อง DSLR คิดว่าจะได้ภาพถ่ายที่นุ่มกว่า เพราะเหตุผลที่ว่าบ่อยครั้งกล้องถ่ายรูป compact มักพยายามทำกระบวนการให้ภาพ คมชัดในตัวกล้องเอง ขณะที่ DSLRs โดยทั่วไปใช้การประมวลผลอย่างเล็กน้อยที่ภาพถ่าย สิ่งนี้คือสิ่งที่เป็นบวกเพราะว่ากระบวนการเพียงเล็กน้อยทำให้ "สามารถปรับปรุงตกแต่งภาพ" โดยช่างภาพได้ดีกว่า คุณสามารถได้ภาพที่คมชัดจาก RAW File ด้วยเทคนิคกระบวนทำภาพขั้นสุดท้าย แต่แน่นอน คุณต้องการอย่างเลนส์สิ่งที่ดี และภาพถ่ายเทคนิคที่ดี จำเป็นต้องเล็ง Focus อย่างเหมาะสมอีกด้วย และ คุณจะต้องใช้ tripod หรือ ชัตเตอร์สูงเพื่อหลีกเลี่ยงภาพไม่ชัดด้วย
ภาพถ่ายที่มืด underexposed บางกล้องถ่ายรูป มีแนวโน้มที่จะให้ภาพ underexposed ราว 0.3 - 0.7 stop , ถ้า คุณใช้ระบบอัตโนมัติ ผมแนะนำให้เพื่อเสียเวลาเรียนรู้พื้นฐานของการ ใช้ histogram Histogram คือเครื่องมือมีประโยชน์มาก ถ้าคุณเรียนรู้วิธีอ่าน histogram คุณสามารถที่จะได้ภาพที่มีแสงอย่างถูกต้อง
DSLR คือเครื่องมืออัจฉริยะมากและทรงพลัง เวลาที่คุณเสียจากการอ่านหนังสือคู่มือ คุณจะได้รับรูปภาพที่ยิ่งใหญ่เป็นการตอบแทน

2. ทำความเข้าเรื่อง องค์ประกอบ,แสงเงาและฉากหลัง Understand composition, light and background

ถ้าคุณอยากจะศึกษาศิลปะและเทคนิคชั้นสูง ผมแนะนำให้อ่าน The Nature Photography section . ถ้าคุณไม่รู้จะเริ่มอย่างไร

แนะนำให้คุณจำสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในเรื่องพื้นฐานดังต่อไปนี้

Composition: สิ่งที่คุณจะถ่ายหรือเส้นในแนวนอน ที่ถูกจะต้องไม่อยู่ในกลางกรอบภาพ วัตถุที่อยู่กลางภาพจะทำให้รู้สึกหยุดนิ่ง "static" คุณควรจะพยายามวางภาพในลักษณะไม่สมดุล asymmetrical (เพื่อให้ภาพรู้สึกเคลื่อนไหว) ถ้าสิ่งที่คุณจะถ่ายเป็นดอกไม้หรือสัตว์ เส้นกึ่งกลางควรที่จะอยู่ข้างหน้ามากกว่าข้างหลังสิ่งที่คุณจะถ่าย แต่ถ้าเป็นภาพ landscape พื้นดินควรเป็น 2/3 ของภาพ ท้องฟ้า 1/3 ของภาพ และอื่นๆอีกมากมาย
Wildlife - angle of view: เรื่องของมุมมอง ความผิดพลาดธรรมดาๆของผู้ที่เริ่มภายภาพ คือเมือถ่ายภาพสัตว์หรือพืช จะถ่ายจากระระดับสายตาของผู้ถ่าย ซึ่งเป็นมุมมองจากสูงลงต่ำ ซึ่งเป็นมุมของผู้เริ่มต้น เราควรถ่าย(สัตว์หรือพืช)ในระดับสายตาของมันหรือต่ำกว่า
Light: แสงมีการเปลื่ยนตลอดเวลาทั้งวัน แสงช่วงเช้าและเย็น เป็นเวลาที่แสงสวยอบอุ่นเหมาะแก่การถ่ายรูป (warm, "sweet" light) ช่วงกลางวันแสงจ้าหยาบ เราควรหลีกเลี่ยง
Background: ฉากหลังก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากในส่วนของภาพ ถ้าเป็นไปได้ควรจะเรียบสะอาด หาไม่แล้วมันจะมารบกวนกับประธานในภาพ ทางที่สะดวกคือพยามใช้ เลนส์ที่มีระยะสูงๆ (long focal length) และหน้ากล้องกว้างๆ (wide aperture)

3. เรียนรู้จากช่างภาพคนอื่นๆ Learn from other photographers

วิธีหนึ่งที่ดีที่จะพัฒนาการถ่ายรูปของเรา คือ รับฟังคำแนะนำและคำวิจารณ์จากช่างภาพคนอื่นๆ และมาวิเคราะห์ภาพถ่ายของเรา ผมแนะนำให้คุณ มาร่วมกับ nature photography forum (หรือ forum web อื่นๆเกี่ยวภาพถ่ายธรรมชาติ ) ซึ่งคุณสามารถ โพส ภาพของคุณ และรับฟังคำแนะนำจากช่างภาพคนอื่นๆ มันเป็นโอกาสที่ดี ที่คุณจะพัฒนาการถ่ายภาพ ธรรมชาติที่คุณรัก แล้วคุณเป็นสมาชิกกับเรารึยัง ผมแนะนำ ให้มา joyn กับ Juza Nature Photography Discussione Forum!

4. เรียนรู้กระบวนการ post-process Learn how to post-process your photos

กระบวนการเทคนิค การ post-process เป็นกระบวนการที่สำคัญที่สุด ผมรู้ว่า ช่างภาพหลายๆคนหรือแม้กระทั่งช่างภาพอาชีพ มีความรู้เทคนิค ด้าน post-process ที่แย่มาก ถ้าเราทำอย่างไม่เหมาะสมมันจะสวนทางกับภาพที่สวยงาม ผมแนะนำให้ศึกษา Photoshop CS3 หรือ Photoshop Elements (ราคาถูกหน่อย) คุณสามารถศึกษาได้จาก JuzaPhoto หรือ website อื่นที่อธิบายเกี่ยวกับเทคนิค Photoshop

5. ใช้อุปกรณ์ให้ถูกต้อง Use the right equipment

ถ้าคุณมีงบประมาณจำกัด ฉันแนะนำให้ซื้อ เลนส์(หรือผ่อน) เลนส์คุณภาพดี มากกว่าซื้อกล้องราคาแพง เช่น กล้องราคาถูกอย่าง 450D กับเลนส์ชั้นดี ดีกว่า 1DS lll กับเลนส์ราคาถูก

อะไรคือเลนส์ที่ดี ซูมเลนส์ 70-300 มม. ราคาประมาณ 300$ ถูกกว่า เบากว่า ใช้ประโยชน์มากกว่า 300 มม. F/2.8 ราคาประมาณ 10 เท่าของ 70-300 คือประมาณ 3000-4000$ ทำไมมืออาชีพยอมจ่ายให้กับมัน ทั้งที่ 300 มม. เท่ากัน แถมหนักกว่า เทอะทะกว่า แพงกว่า ก็เพราะ 300 มม. F/2.8 มันคมกว่าและเก็บรายละเอียดมากกว่า 70-300

นี่คือตัวอย่าง ตาราง เลนส์ เพื่อคุณจะได้เลือกให้เหมาะสมกับเงินที่ต้องจ่ายกับเลนส์ที่ดี

นอกจากเลนส์ ยังมีสิ่งที่สร้างความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ได้คือ tripod. ขาตั้งกล้อง สามารถช่วยให้ภาพคม ถ้าคุณถือด้วยมือคุณต้องการ หน้ากล้องที่กว้าง ความเร็วชัตเตอร์ที่สูง หรือ ISO ที่สูง ถ้าไม่พอ ภาพที่ออกมาก็จะไม่ชัด ถ้ามือเราไม่นิ่งพอ หรือถ้าชัดลึกไม่พอ ภาพก็มีคุณภาพต่ำ Noise มาก ขาตั้ง นอกจากการถ่ายภาพที่มีความเคลื่อนไหว แล้วมันเหมาะอย่างยิ่ง มีอิสระใน การเลือก shutter speed เลือกหน้ากล้องที่คุณต้องการ และ ISO ต่ำๆอีกด้วย

อ่านได้จากhttp://www.juzaphoto.com/eng/articles/five_steps_to_improve_your_ph...